เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1249

พริบตาที่กระบี่เล่มยาวชักออกมาจากฝัก ราวกับว่ามีอาณาเขตกั้นบางๆ ไร้รูปร่างชั้นหนึ่งแตกสลายอย่างแผ่วเบา

ลมปราณสายนั้นที่เหมือนจะแผ่กระจายมาจากที่ไกลๆ พลันพวยพุ่งออกมาจากกระบี่ชื่อเซียว ก่อนจะหลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างของฉู่หลิวเยว่โดยพลัน!

ราวกับว่ามีเส้นใยบางๆ สายหนึ่งกำลังเชื่อมตัวนางกับกระบี่ชื่อเซียวเข้าไว้ด้วยกัน

กระบี่ชื่อเซียวที่เดิมทีมีน้ำหนักหลายหมื่นชั่ง มาครานี้กลับเบาหวิวลงราวขนนกในทันใด

บาดแผลภายในพวกนั้นที่ฉู่หลิวเยว่ได้รับมาเมื่อก่อนหน้านี้เองก็เริ่มสมานตัวกันอย่างรวดเร็วภายใต้มวลพลังมหาศาลที่แสนจะอ่อนโยนละมุน

ลมปราณสายนั้นทั้งดูคุ้นเคยนัก ทว่าก็ให้ความรู้สึกดั่งสิ่งแปลกหน้าด้วย

ที่คุ้นเคยก็เพราะว่าภายในมีพลังของวิญญาณกระบี่ที่สิงสถิตอยู่ในกระบี่หลงหยวนผสมกันอยู่ อีกทั้งในความเลือนรางนั้น ก็ราวกับแฝงลมปราณสายนั้นขององค์ไท่จู่เอาไว้ด้วย

ในส่วนของสิ่งแปลกหน้าที่ว่า…

ก็คือพลังดั้งเดิมของกระบี่ชื่อเซียวนั่นเอง!

นางปรายตามองกระบี่ชื่อเซียวในมือ ส่วนลึกของจิตใจราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกระเพื่อมไหวอยู่ข้างใน

ในชั่วพริบตานั้นเอง นางเหวี่ยงสะบัดกระบี่คราหนึ่ง…

ปราณกระบี่อันแข็งกร้าวสายหนึ่งก็พุ่งกวาดไปทางข้างหน้า!

หลังจากเงียบสงัดลงชั่วครู่ เหล่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้านางก็ถูกผ่าออกเป็นครึ่งซีกโดยพร้อมเพรียงกัน!

ในตอนที่ต้นไม้เหล่านั้นล้มลงพร้อมกันนั่นเอง ฉู่หลิวเยว่ถึงพึ่งได้สติว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางจึงเบิกตากว้างขึ้นอย่างอดไม่ได้

นี่มัน…

นางแค่อยากทดลองไปตามประสาเท่านั้น ทว่าเพียงสะบัดเบาๆ เหตุใดถึงได้บังเกิดแรงมหาศาลอันน่าผวาเช่นนี้ขึ้นมาได้เล่า!?

ยามปรายสายตามองไป ต้นไม้ที่เคลื่อนปรากฏชัดแจ้งแก่สายตาล้วนถูกผ่าออกโดยไร้เสียงทั้งสิ้น!

ทว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้

เพราะว่าต้นไม้เหล่านั้นไม่สามารถหยุดยั้งปราณกระบี่สายนั้นได้เลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นหลังจากที่มันรื้อถอนป่าเขียวชอุ่มเสียจนเหี้ยนแล้ว มันก็ทำการพุ่งตรงไปยังค่ายกลของเขาหมื่นเมรัยด้วยความเร็วที่ไม่ลดลงเลยสักนิดเดียว!

“รีบหยุดมันเดี๋ยวนี้!”

ผู้อาวุโสโอวหยางตื่นตระหนกยิ่งนัก เขาเอ่ยตะโกนขึ้นอย่างรีบเร่ง!

ในตอนที่ซั่งอวี้เซินกำลังจะเคลื่อนไหวนั่นเอง พลันเห็นเงาร่างร่างหนึ่งเคลื่อนผ่านต่อหน้าไปด้วยความว่องไว

เป็นหรงซิวนั่นเอง!

เขาเห็นเพียงหรงซิวเงื้อข้อมือของตนขึ้น แสงสีทองสว่างเรืองรองพลันพุ่งออกไปด้วยความไวแสง!

ตูม!

กระแสพลังสายนั้นรวดเร็วยิ่งนัก หลังจากที่ไล่ตามอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถพุ่งตามไปทัน และสกัดยับยั้งที่ด้านหน้าของปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานไปยังค่ายกลเอาไว้ได้!

กระแสพลังทั้งสองสายปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง เกิดเป็นเสียงระเบิดกึกก้องไปทั่ว

ค่ายกลที่ได้รับแรงสะเทือนจากการปะทะกันครั้งนี้พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง!

ผู้อาวุโสโอวหยางมองดูด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด เขารีบพุ่งเข้าไปอย่างว่องไว

เขามักแวะเวียนมาที่เขาหมื่นเมรัยอยู่เนืองนิตย์ ดังนั้นจึงคุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างมาก ไม่นานก็สามารถเสริมความแข็งแรงของค่ายกลเอาไว้ได้

หลังจากแน่ใจแล้วว่าค่ายกลจะไม่ได้รับอันตรายจากการถูกทลายอีก เขาก็พ่นลมหายใจยาวออกด้วยความโล่งใจ

หากว่าค่ายกลแห่งนี้ทลายลงแล้วละก็ เรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นบนเขาหมื่นเมรัยย่อมถูกผู้คนล่วงรู้เข้าอย่างรวดเร็วแน่นอน!

หากเรื่องราวเกิดใหญ่โตขึ้นมาต้องไม่ดีแน่ๆ!

คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็พลันรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครา เขาเลิกคิ้ว ตาจ้องไปทางฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่

“ฉู่เยว่! เจ้าอธิบายเหตุผลที่ดีที่สุดของเจ้ามาให้ข้าฟัง เดี๋ยวนี้!”

ฉู่หลิวเยว่ถูจมูกของตนไปมา ก่อนจะเก็บกระบี่ชื่อเซียวเข้าไปอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่ความคิดของนางสั่งการ กระบี่ชื่อเซียวก็กลับเข้าไปสถิตอยู่ในจุดตันเถียนของนางทันที

แม้ว่าผู้อาวุโสโอวหยางจะเป็นคนพูดจาเข้มงวดดุดัน ทว่าในใจกลับคิดถึงนางอยู่มากทีเดียว

อีกอย่าง หากเขาไม่คิดดูดำดูดีนางเข้าจริงๆ เมื่อครู่ก็คงไม่ลงมือช่วยนางไว้โดยไม่ยั้งมือ

พูดมาถึงตรงนี้ ก็คงเป็นคนประเภทปากร้ายใจดีกระมัง

ฉู่หลิวเยว่จึงส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสโอวหยางพลางเอ่ยว่า

“ศิษย์ก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือขอรับ? ท่านผู้อาวุโส แม้ว่าศิษย์จะอายุยังน้อย ประสบการณ์ก็ผ่านไม่มากนัก แต่ข้าก็รู้ว่าชีวิตนั้นมีค่ามากเพียงใด ย่อมไม่มีทางเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอกขอรับ”

หากไม่มีหลักประกันจริงๆ แม้จะเป็นเพียงครึ่งส่วน ต่อให้เร่งรุดนางให้ตามมา นางก็ไม่มีทางตอบรับ

ผู้อาวุโสโอวหยางกระแอมไอออกมา

คำพูดนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

อย่างใดเสียผู้ที่ครอบครองสมบัติอันเลอค่าหาประมาณมิได้เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่พวกย้ำคิดย้ำทำอยู่แล้ว

ทว่านี่ก็ยังคงอันตรายมากเกินไปอยู่ดี!

“เหตุใด เจ้าคิดว่ามีหรงซิวอยู่ข้างๆ แล้วเจ้าจะปลอดภัยจากทุกภัยอันตรายอย่างนั้นหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะผงกศีรษะรับอย่างจริงจัง

“ใช่แล้วละขอรับ!

“เจ้า…” ผู้อาวุโสโอวหยางแทบจะสำลักด้วยความตะขิดตะขวงใจ

มุมปากของหรงซิวหยักยกเล็กน้อยเป็นเส้นโค้งงามงอน เขาเอ่ยแกมหัวเราะเสียงแผ่ว

“ผู้อาวุโสโอวหยาง ในเมื่อข้าเป็นคนพานางมา ย่อมต้องพานางกลับไปโดยสวัสดิภาพอยู่แล้วขอรับ”

“เจ้า! พวกเจ้า!”

ผู้อาวุโสโอวหยางสะบัดชายเสื้ออย่างงุ่นง่าน

การซักไซ้ไล่เลียงครานี้ก็ขอให้เพียงพอเท่านี้เถอะ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์