ตอน บทที่ 1296 เรื่องที่ควรทำ จาก ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1296 เรื่องที่ควรทำ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ที่เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนว่านางจะตรวจพบการก่อการร้ายครั้งใหญ่
สายลมเย็นๆ พัดผ่านจากฝ่าเท้าขึ้นจรดยอดศีรษะ จนนางสั่นสะท้านไปทั้งตัว
นางรินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย เพื่อช่วยให้ลำคอที่แห้งผากกลับมาชุ่มชื้น
นางจะแจ้งผู้อาวุโสเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างใดดี?
ต่อให้กล่าวออกไปเช่นไร แต่ถ้าไม่แสดงหลักฐาน ก็คงไม่มีใครเชื่อนางแน่นอน
จะว่านางเพี้ยนไปแล้วก็ได้
แต่ถ้าปล่อยไปเช่นนี้… นางเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน
นิ้วเรียวไล่วนไปบนถ้วยชาอย่างใช้ความคิด ไม่นานหลังจากนั้น นางก็ถามออกไปว่า
“ข้าจะทำอย่างใด ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกายข้าเป็นของจริง?”
อินทรีสามตาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“สามารถปราบข้าได้ที่นานนับพันปีเช่นนี้ เจ้ายังคิดว่ามันเป็นของปลอมอีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“แล้วก็อย่าลืมว่าเมื่อก่อนกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงเคยถูกเก็บซ่อนไว้ในนั้น และตอนนี้ก็ยังเป็นที่ผนึกเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์สองเม็ดอีกด้วย”
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นหลักฐานชั้นดีที่มิอาจคัดค้านได้!
และมีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่สามารถทำเช่นนี้ได้!
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ
“เจ้าพูดถูก ข้าฟุ้งซ่านไปหน่อย”
“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ มันแข็งแกร่งกว่ากระบี่ชื่อเซียวของเจ้ามาก ดังนั้นตอนนี้ ไม่ว่าอย่างใดเจ้าก็มิอาจเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปได้ ไม่เช่นนั้นมันจะดึงดูดฝูงหมาป่าให้เข้ามาขย้ำเจ้า!”
อินทรีสามตากล่าวเตือน
“ข้าเข้าใจ”
ฉู่หลิวเยว่ดื่มชาที่เหลือหมดในรวดเดียว
“เอาไว้ข้าจะลองหาวิธีอื่นอีกที”
…
ราชวงศ์เทียนลิ่ง
ภายในเขตวังหลวง ณ ตำหนักพระราชวังเจาเยว่
เพลานี้ก็ค่ำมืดแล้ว พระจันทร์ดวงโตลอยสูงเด่นเหนือท้องนภา
โคมไฟทรงแปดเหลี่ยมถูกแขวนไว้ทั้งภายในและภายนอกห้องโถงใหญ่ แสงไฟส่องสว่างไสวทั่วตำหนัก ทำให้เงาดำของผู้คนที่ทอดตัวอยู่บนพื้นเหยียดขยายยาวออกไป
ซั่งกวนโหยวยืนอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตู พลางมองดูแสงจันทร์และถอนหายใจเบาๆ
“ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เยว่เออร์อยู่ที่นั่นจักเป็นเช่นไร…”
วันเวลาผ่านไปร่วมหลายเดือนแล้ว
นอกจากการสื่อสารกันผ่านจดหมายแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวอื่นอีกเลย
ยิ่งนานวันเข้า หัวใจของเขาก็ยิ่งเป็นกังวล
“ฝ่าบาท ยามนี้องค์หญิงคือพระชายาแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ และมีสถานะที่โดดเด่น นอกจากนี้ก็ยังมีท่านผู้นั้นคอยปกป้อง พระองค์วางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เบื้องหลังซั่งกวนโหยว ปรากฏร่างของเฉินอีที่อยู่ในชุดคลุมสีเขียว สีหน้าของเขาแลดูสงบนิ่ง ดวงตาคมเรียวรีคู่นั้นดูเย็นชาแลไม่แยแส
“นั่นแหละที่ข้ากังวล!”
ซั่งกวนโหยวส่ายหัวและถอนหายใจ
“คิดไม่ถึงว่าตัวตนของหรงซิวจะน่าทึ่งเพียงนี้… ส่วนตัวตนของเยว่เออร์นั้น ไม่รู้ว่าจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ตัวตนของนางกี่คน…”
ถึงจะได้ยินข่าวนี้มานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ซั่งกวนโหยวก็ยังแอบรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“นางอยู่ที่นั่นคนเดียว หากนางถูกรังแก…”
ที่ราชวงศ์เทียนลิ่ง เยว่เออร์คือจักรพรรดิองค์ใหม่ผู้มีสถานะโดดเด่น และมีอำนาจเหนือใครทั้งปวง
แต่สำหรับที่นั่นแล้ว มันแทบไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
เขารู้ดีว่าสำหรับคนที่นั่นแล้ว เรื่องชาติตระกูลถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
หากนางเผชิญกับเรื่องอึดอัดคับข้องใจ ห่างกันหลายพันลี้เช่นนี้ เกรงว่าไม่มีผู้ใดช่วยเหลือและสนับสนุนนางได้เลย
แม้ว่าหรงซิวจะช่วยนางได้ แต่เขาก็ไม่สามารถดูแลนางได้ตลอดเวลามิใช่หรือ?
ช่างทรมานหัวใจคนเป็นบุพการียิ่งนัก
เมื่อคิดเช่นนี้ ซั่งกวนโหยวพลันหันกลับมาถามอีกคนอย่างอดไม่ได้
“เฉินอี พวกเจ้าหาวิธีไปที่นั่นได้หรือไม่?”
หากนางมีคนคอยช่วยหลายๆ คนย่อมดีกว่า
เฉินอีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันกล่าวว่า
“องค์หญิงมิได้มีรับสั่งให้ทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ซั่งกวนโหยวพลันกระอักกระอ่วน ไปไม่ถูกอยู่เล็กน้อย
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่มักจะฟังเพียงคำสั่งของเยว่เออร์เท่านั้น และเขาไม่สามารถออกคำสั่งได้
ทว่าทั่วทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง มีเพียงคนเหล่านี้ที่เขาไว้วางใจได้
เฉินอีกล่าวอีกครั้ง
“กระหม่อมภักดีต่อองค์หญิงและให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพระองค์เป็นอันดับแรก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซั่งกวนโหยวก็พลอยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“เช่นนั้นก็ดี ดีแล้ว…”
เขากล่าวพลางเอามือไพล่หลังแล้วจากไป
เฉินอีเดินออกไปส่งกระทั่งเงาของอีกคนหายไปจากครรลองสายตา ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ตำหนักเจาเยว่
ก่อนจะพบกับชีหานที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาราวลมพายุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...