คนหลายคนที่อยู่ภายในห้องต่างมองไปที่ฉู่หลิวเยว่เป็นตาเดียว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็กำลังรอคอยคำตอบเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ข้าหลอกพวกเจ้า”
“ที่บอกว่าป้ายไม้นั้นเป็นของปลอม ความจริงแล้วข้าแค่อยากจะกลับไปตามหาชายคนนั้นเท่านั้น แต่หลังจากที่กลับไปแล้ว พบว่าเขาหายไปแล้ว ข้าตามหาเขาไปตลอดทาง ติดตามเขาออกนอกเมืองฝางโจวไป”
นอกจากผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ตรงนั้น จัวเซิงและหลัวเยี่ยนหมิงก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าออกไปนอกเมือง?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ในตอนนั้นข้าแค่คิดว่าจะติดตามเขาไป จึงไม่ได้คิดอันใดมากมาย”
เมื่อเห็นสายตาสงสัยและประหลาดใจของทุกคน ฉู่หลิวเยว่จึงอธิบายเพิ่มเติมขึ้น
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยรู้จักเขามาก่อน อีกทั้ง…เรื่องราวระหว่างพวกเราทั้งสองคนก็ไม่ค่อยดีเท่าไร หลังจากที่ข้าเจอเขาในครั้งนี้ ข้าจึงอยากจะไปสั่งสอนเขาสักหน่อย แต่ข้ารู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของข้า จึงไม่อยากให้พวกเจ้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นข้าจึงหาเหตุผลมาโกหกพวกเจ้า”
จัวเซิงและหลัวเยี่ยนหมิงมีสีหน้าอ่อนลง
ที่แท้ก็เป็นความแค้นเก่า มิน่าล่ะเขาถึงตั้งใจทำเช่นนี้
คำอธิบายของฉู่เยว่สมเหตุสมผลอย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสหายกัน แต่ปกติแล้วก็ไม่ต้องการให้คนอื่นมาก้าวก่ายกับเรื่องส่วนตัว
“แต่ว่าฉู่เยว่ เจ้าทำแบบนี้มันอันตรายมาก ชายคนนั้นมีฝีมือสูงส่งกว่าเจ้ามาก บางทีเขาอาจจะพาคนอื่นมาซุ่มโจมตีเจ้า ถ้าเป็นเช่นนั้น…”
หลัวเยี่ยนหมิงมีท่าทีไม่เห็นด้วย
“นั่นสิ! ครั้งหน้าเจ้าอย่าทำเช่นนี้เด็ดขาด! พวกเราทั้งสองคนคิดว่าเจ้าจะเกิด…”
จัวเซิงพูดได้เพียงครึ่งเดียว ก็รีบหยุดทันที จนเขาเกือบจะกัดลิ้นตัวเองแล้ว
“เช่นนั้น เมื่อตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ตอนที่พวกเราสู้กัน เขาก็หนีไปได้ ส่วนข้าก็กลับมา”
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่สบายดี คนอื่นๆ ก็เชื่อคำพูดของนางโดยไม่สงสัย จึงไม่มีคำถามอันใดมากมาย
หลังจากผู้อาวุโสกำชับอยู่สองสามคำ สุดท้ายก็ตัดสินใจให้พวกเขากลับสำนักไปก่อน
หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป จัวเซิงและหลัวเยี่ยนหมิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก และเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้อาวุโส
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่มีความคิดเห็นอื่นๆ
ดังนั้นหลังจากพักผ่อนอยู่ที่นี่หนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่หลิวเยว่และสหายก็เดินทางกลับสำนักหลิงเซียว
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเมือง ก็ไม่มีใครรู้สักคน
ทุกอย่างเหมือนกับกำลังจะผ่านไปอย่างสงบสุข
…
หลังจากเดินทางกลับสำนักหลิงเซียวแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เดินทางไปที่เขาจิ่วเหิงตามลำพัง
หรงซิวยังไม่กลับมาเช่นเดิม
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตู๋กูโม่เป่าก็ไม่ปรากฏกายออกมาเช่นกัน
เมื่อมองไปยังเรือนที่ว่างเปล่า ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช้าๆ
ตามนิสัยของตู๋กูโม่เป่า หากเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองฝางโจว เขาจะไม่มีทางเมินเฉยอย่างเด็ดขาด
แต่ว่าเขาก็ไม่ปรากฏกายออกมา
เรื่องนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่สงสัยเป็นอย่างมาก ความจริงแล้วเขาคงออกจากสำนักหลิงเซียวไปแล้ว
เมื่อนึกถึงข่าวหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ที่จะปรากฏขึ้นในบุพกาลชายแดนเหนือ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากครุ่นคิดตรึกตรองอยู่นาน นางก็ตัดสินใจหาทางไปยังบุพกาลชายแดนเหนือ
แม้ว่าที่แห่งนั้นจะอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้นางมีไพ่ไม้ตายอยู่หลายใบ ความสามารถในการปกป้องตนเองก็มีอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงก็อยู่กับนาง
หากผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริงๆ …บางทีนางอาจจะช่วยอันใดได้บ้าง
แต่แน่นอนนางหวังว่าสถานการณ์เช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้น
แต่เมื่อครุ่นคิดในความเป็นจริงแล้ว กลับมีความยากลำบากมาก
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงลูบเคราของตนเอง แล้วหัวเราะขึ้น
หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะค้นพบมโนธรรมในจิตใจแล้ว?
หรือเพราะว่าเรื่องหงส์ทองคำนั้น เขาอยากจะมั่นใจว่าตนเองสามารถเก็บความลับตามสัญญาได้หรือไม่น่ะหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็ขยิบตาให้กับฉู่หลิวเยว่
“หึ เจ้าวางใจเถอะ! เมื่อข้าสัญญาแล้ว ข้าทำได้อย่างแน่นอน!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย และคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอันใดอยู่ หลังจากนั้นนางก็หลุดหัวเราะออกมา
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพราะอยากได้คำชี้แนะจากท่านจริงๆ ช่วงนี้ข้ามีค่ายกลหนึ่งที่ไม่สามารถทะลวงได้ ไม่ทราบว่าท่านจะสามารถชี้แนะให้ข้าได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็รู้สึกดีใจมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“ได้สิ! ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นผู้เฒ่าอย่างข้าก็จะชี้แนะเจ้าให้ดี!”
หากเขาทำตัวดีๆ ไม่แน่ว่าเจ้าเด็กคนนี้อาจจะยินดีมาฝึกซ้อมกับเขาก็ได้?
ฉู่หลิวเยว่โบกมือขึ้น หลังจากนั้นค่ายกลระดับเก้าก็ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มันคือเช่นนี้ ท่านเชิญชม”
ค่ายกลระดับเก้า สำหรับผู้อาวุโสฮวาเฟิงเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถหาข้อบกพร่องหลายจุดในค่ายกลที่ฉู่หลิวเยว่สร้างขึ้นมาได้
แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกชื่นชมฉู่หลิวเยว่มากกว่าเดิม
สามารถสร้างค่ายกลระดับเก้าได้อย่างง่ายดายเช่นนี้…
เขาเพิ่งจะอายุสิบหกเท่านั้น!
“ฉู่เยว่ พรสวรรค์ของเจ้านี้ หากเจ้าไม่เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายแล้ว!”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถอนหายใจออกมา
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็คิดอันใดขึ้นมาได้ จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างหยั่งเชิงว่า
“ผู้อาวุโสฮวาเฟิง ได้ยินมาว่าที่สำนักมีค่ายกลที่สามารถเดินทางไปยังบุพกาลชายแดนเหนือได้โดยตรง หลายปีมานี้ท่านเป็นคนดูแลรักษามันหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...