เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1331

“แน่นอน ตอนที่ปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นจากไป พวกเขาทิ้งวัตถุสื่อสารเอาไว้เพื่อความสะดวก หากเจอสถานการณ์พิเศษ ก็สามารถส่งข้อความกลับมาได้ หลงเจ๋อผลัดกันคุ้มกันค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ตลอดเวลา มันจะต้องไม่มีความผิดพลาดอย่างแน่นอน”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงมองฉู่หลิวเยว่อย่างประหลาดใจ

“เหตุใดถึงถามขึ้นเช่นนี้?”

มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น

“ไม่มีอันใดขอรับ ศิษย์เพียงแค่คิดว่าบุพกาลชายแดนเหนืออยู่ห่างไกลขนาดนี้ การส่งข่าวสื่อสารคงจะไม่สะดวก จึงรู้สึกสงสัยแล้วถามขึ้นมา”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหัวเราะขึ้นเสียงดัง

“เจ้าเด็กน้อย ตอนนี้เรื่องทุกอย่างอาจจะดูไม่น่าเชื่อสำหรับเจ้า แต่ถ้าเจ้าติดตามไปเรียนค่ายกลกับข้า ต่อไปเจ้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุด เรื่องพวกนี้ก็จะกลายเป็นของกล้วยๆ!”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหนักแน่นเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ

ไม่รู้ว่าหากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชาแล้ว อีกฝ่ายจะมีสีหน้าอย่างใด

ผู้อาวุโสด้านข้างที่ได้ยินดังนั้น ก็แสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจขึ้นมา

…ที่แท้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็มีความคิดเช่นนี้!

ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฉู่เยว่มาบ้าง นอกจากเขาจะเป็นเซียนหมอแล้ว เขาก็มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้และค่ายกล อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับของผู้อาวุโสทั่วไป

เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสฮวาเฟิงให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มากจริงๆ

“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งสิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนี้จะต้องมีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลไปยังบุพกาลชายแดนเหนือ เพื่อแย่งชิงมันอย่างแน่นอน หลังจากไปถึง เกรงว่าจะต้องมีการปะทะกันอย่างดุเดือด”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“เป้าหมายหลักของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้ามีโอกาส…ก็อย่าพลาดไปเด็ดขาด”

“พูดได้ถูกต้อง โอกาสนี้ถือเป็นหนึ่งในล้าน จะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่า…ตอนนี้สถานการณ์ทางฝั่งนั้นจะเป็นอย่างใดบ้าง”

“ได้ยินมาว่าครั้งนี้ตระกูลอันดับหนึ่งส่งคนไปจำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นยังมีศัตรูคู่แค้นของพวกเราอยู่ บุพกาลชายแดนเหนือเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนฉวยโอกาสรอโจมตีอยู่ ดังนั้นจึงต้องระวังอย่างมาก”

“ข้าจำได้ว่ามีสำนักปีกสุวรรณ?”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ผู้อาวุโสหลายคนก็หันมามองฉู่หลิวเยว่เป็นตาเดียว

หนังตาของฉู่หลิวเยว่กระตุก

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพูดขึ้นว่า

“พวกเขาไปก็ไม่เป็นไร หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้า หรือว่าพวกเขายังจะสนใจความบาดหมางเล็กๆ น้อยๆ อยู่? ก่อนหน้านี้เขาพาลูกศิษย์มาก่อเรื่องถึงหน้าประตูสำนักเรา พวกเราไม่ไปสืบสาวราวเรื่องก็นับว่าดีมากแล้ว!”

เมื่อพูดจบ เขาก็อดลดเสียงเบาลงแล้วหันไปพูดกับฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ว่า

“เจ้าเด็กน้อย หลังจากนี้เจ้าต้องติดตามพวกเราอย่างใกล้ชิดนะ ห้ามเดินไปไหนซี้ซั้วเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า

ตั้งแต่สำนักหลิงเซียวเดินทางไปถึงบุพกาลชายแดนเหนือระยะทางไกลมาก แม้ว่าจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปถึงได้โดยตรง ก็ยังต้องใช้เวลาในการเดินทางอยู่

ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกฝนไปอย่างเงียบๆ

ที่แห่งนี้ไม่สามารถกลืนกินพลังดั้งเดิมได้ นางจึงเริ่มศึกษาค่ายกลลึกลับและเทียบยา

หลังจากที่นางเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชาแล้ว เมื่อดูค่ายกลที่ซับซ้อนในสมองของนาง ที่นางเคยรู้สึกว่ามันยากเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางรู้สึกว่ามันง่ายขึ้นเยอะ

นางฝึกฝนและจำลองค่ายกลเหล่านั้นอยู่ภายในใจ จนรู้สึกว่าคุ้นเคยขึ้นมา

ส่วนทางด้านเซียนหมอ แม้ว่านางจะจดจำใบเทียบยาได้ทั้งหมดแล้ว เป็นเพราะว่าไม่มีโอกาสได้ลองหลอมโอสถ ดังนั้นจึงไม่สามารถทะลวงด่านผ่านได้

ซึ่งทำได้เพียงรอให้มีเวลาว่าง แล้วค่อยไปศึกษามันอีกครั้ง

“คิดไม่ถึงเลยว่าในชีวิตของข้าจะได้มาเห็นการทำงานของค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ด้วย”

คนหลายคนคิดว่า การที่ท่านเจ้าสำนักคนแรกไม่รับศิษย์เพื่อสืบทอดนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก แต่สำหรับผู้อาวุโสฮวาเฟิงเขากลับรู้สึกเข้าอกเข้าใจอีกฝ่าย

วั่นเจิงก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ?

ช่วงหลายปีมานี้ไม่มีใครเข้าตาเขาเลย แต่เขาก็ยอมกัดฟันไม่รับลูกศิษย์เลยสักคน

การสอนเหล่าลูกศิษย์ในยามปกตินั้นไม่มีปัญหา และจะให้ชี้แนะเป็นครั้งคราวก็ย่อมได้

แต่จะให้สั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ให้กับคนผู้หนึ่ง…

นั่นเขาทำไม่ได้

นอกเสียจากคนผู้นั้นจะเข้าตา

หลายปีก่อนปรากฏขึ้นมาอย่างยากลำบากคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถูกกำจัดไป

ตอนนี้ก็ได้มาเจอกับฉู่เยว่ ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมที่จะปล่อยมือไปเด็ดขาด

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็รู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง

หากวั่นเจิงรู้ว่าตอนนี้เขายังคงต้องการที่จะดึงตัวฉู่เยว่มา เช่นนั้นก็คง…

ผู้อาวุโสท่านนั้นพยักหน้า

“ที่ท่านพูดมาก็ถูกต้อง แต่ว่า…ตอนนั้นท่านเจ้าสำนักคนแรกมีความสามารถด้านค่ายกลอย่างลึกซึ้ง แต่การที่ค่ายกลที่แข็งแกร่งจำนวนมากหายไปเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง หากข้าสามารถมองเห็นด้วยตาตนเองละก็…”

“สามารถนำค่ายกลนี้มาใช้ได้ ก็ถือว่าพวกเราโชคดีอย่างยิ่งแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดให้มากความ!”

หลังจากที่พูดจบผู้อาวุโสทั้งหลายก็เงียบเสียงลงพร้อมกัน

ฉู่หลิวเยว่เองก็เงียบลงเช่นกัน พวกเขารอคอยด้วยความเงียบ

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ในที่สุดหลังจากทนทรมานมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็เดินทางมาถึงบุพกาลชายแดนเหนือแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์