สรุปตอน บทที่ 1349 กระดูกมังกร – จากเรื่อง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
ตอน บทที่ 1349 กระดูกมังกร ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดยนักเขียน จ้าน นิชิโนะ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“ที่แห่งนี้เคยเป็นแม่น้ำ”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดขึ้นมาเสียงต่ำ
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย นางเดินไปด้านหน้าด้วยสีหน้าปกติ
เหมือนว่าเมื่อพันปีก่อนที่องค์ปฐมกษัตริย์เคยมาที่นี่ มันแตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
จากทะเลเปลี่ยนเป็นนา ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว
“ภายในเม็ดทรายเหล่านี้มีพลังงานมากมาย เพียงแต่ว่ามันมีสิ่งปนเปื้อนมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่ควรดูดซับ”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดขึ้นมาด้วยความเสียดาย
“ไม่อย่างนั้นเจ้าก็สามารถบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ได้”
“องค์ปฐมกษัตริย์ ข้าไม่รีบ แล้วท่านจะรีบเหตุใด”
“ความจริงแล้วข้าก็ไม่ได้รีบ แต่ทว่า…มีเพียงทางนี้เท่านั้น จึงไม่ถือว่าเป็นการทำผิดต่อพรสวรรค์ของเจ้า”
องค์ปฐมกษัตริย์ถอนหายใจออกมา
“เจ้าทะลวงด่านปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชาได้แล้ว อีกทั้งหากข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ อีกไม่นานหลังจากนี้เจ้าจะสามารถทะลวงพันธนาการเข้าสู่ระดับปรมาจารย์โอสถ มีเพียงด้านการต่อสู้…ตามหลักการแล้ว เจ้ากลืนกินพลังฟ้าดินมากมายขนาดนี้ อย่าว่าแต่ทะลวงอาณาเขตเซียนเทพเลย อย่างน้อยตอนนี้เจ้าน่าจะเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้ว”
แต่ว่า เปล่าเลย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการบำเพ็ญเพียรทั้งสามด้านของฉู่หลิวเยว่ ล้วนเป็นพรสวรรค์ที่ผู้คนต้องตกใจ
ไม่ว่าจะเลือกด้านไหนออกมา ก็ล้วนสุดยอดทั้งนั้น
การบำเพ็ญเพียรด้านค่ายกลและโอสถของฉู่หลิวเยว่นั้นราบรื่นมาโดยตลอด มีเพียงด้านการต่อสู้เท่านั้น…กับการเลื่อนขั้นของนางนั้นช้ามาก
มาจนถึงตอนนี้แล้วนางเพิ่งได้เป็นจอมยุทธ์ระดับแปด คนรอบข้างไม่รู้ แต่เขารู้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ฟื้นคืนชีพจรเทียนจิงได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่นางทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเจ็ด นางได้ผ่านพลังจิตวั่งเสิ่น สถานการณ์ก็ไม่ธรรมดา แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งเดียวที่เขาเคยเห็นในชีวิตนี้
คนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ แต่กลับผ่านจอมยุทธ์ระดับแปดได้อย่างยากลำบาก…จริงๆ แล้วมันน่าแปลกใจอย่างยิ่ง
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่
นางเคยชินกับมันมาตั้งนานแล้ว
หลังจากที่นางได้มาเกิดใหม่ ตั้งแต่ที่นางได้รับไข่มุกธาราเม็ดนี้มา นางก็พบว่าความสามารถด้านการต่อสู้ ถูกสิ่งนี้กดเอาไว้แทบจะตลอดเวลา
“แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับแปด แต่…ตอนที่เจอกับจอมยุทธ์ระดับเก้า ใช่ว่าข้าจะเอาชนะไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่พูดหยอกล้อออกมาหนึ่งประโยค
แต่อย่างใดก็ตาม ในครั้งนี้องค์ปฐมกษัตริย์มีความเห็นที่แตกต่างออกไป
“แต่ว่ามันก็ไม่เหมือนกัน”
“เยว่เออร์ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ความแตกต่างของระดับนั้น อยู่ที่นี่เจ้าอาจจะเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจน ในระดับของเจ้าตอนนี้ ความแตกต่างของจอมยุทธ์ระดับแปดและระดับเก้า เจ้าสามารถชดเชยได้ในวิธีต่างๆ บางทีอาจจะเสริมสร้างได้ แต่หากเป็นระดับที่สูงขึ้นไป ยิ่งระดับสูงความแตกต่างก็มาก เมื่อถึงตอนนั้น หากเจ้าอยากจะท้าทายกับคนที่มีระดับเหนือกว่าเจ้า ก็จะไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้แล้ว”
“อย่างเช่น ตอนนี้เจ้าเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้า อีกฝ่ายเป็นครึ่งเทพ เจ้าจะทำอย่างใด? แล้วหากเป็นระดับเทพล่ะ อีกฝ่ายสามารถใช้อาณาเขตเซียนเทพได้ และสามารถสยบเจ้าได้อย่างง่ายดาย ปัญหานี้…เจ้าเคยคิดมาก่อนหรือไม่?”
ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่สามารถยืมใช้พลังศักดิ์สิทธิ์สายนั้นต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเซียนได้หนึ่งกระบวนท่า
กอปรกับกระบี่ชื่อเซียวนั้น สามารถสู้ให้เสมอกับอีกฝ่ายนั้นได้หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ
ในที่สุดแล้วพลังเหล่านี้ก็เป็นพลังเสริมภายนอก
มีเพียงแค่ฝีมือของตนเองที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะสามารถเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้!
ฉู่หลิวเยว่หลุบสายตาลงต่ำ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“องค์ไท่จู่ชี้แนะได้ถูกต้อง”
ความจริงแล้วสำหรับเรื่องนี้นางก็สงสัยมาโดยตลอด
เพราะดูจากสถานการณ์การประลองของงานชิงอวิ๋น ก่อนหน้านี้นางเคยทะลวงอาณาจักรเทพเซียนมาแล้ว เพียงแต่ว่านางสูญเสียความทรงจำส่วนนี้ไป และไม่มีทางที่จะสืบค้นได้
ไม่รู้…
หากตอนนี้นางสามารถทะลวงอาณาจักรเทพเซียนได้ มันจะเกิดอันใดขึ้นกันนะ?
…
เหมือนว่าเวลาจะผ่านไปนานมาก
ทุกคนเดินหน้าต่อไปอย่างเงียบเชียบ แต่กลับไม่รู้ว่าเมื่อใดจะถึงจุดหมาย
ความรู้สึกที่มองไม่เห็นความหวัง มันทำให้คนรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...