เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1354

ร่างของฉู่หลิวเยว่ถูกดึงเข้าไปอย่างรวดเร็ว!

ปัง!

เสียงปิดประตูดังคล้อยหลัง!

ขณะเดียวกัน นางก็ถูกพลังอันรุนแรงนั่นฉุดกระชากแล้วเหวี่ยงลงพื้น

มวลกระดูกทั้งหมดในกายเจ็บแปลบ ราวแตกหักออกจากกัน

นางใช้มือยันพื้นไว้แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองตรงไปด้านหน้า

มันคือถ้ำขนาดใหญ่

บนผนังถ้ำที่เกิดจากหินผาสีแดงอมเทา มีไข่มุกประธีปขนาดเท่ากำปั้นฝังอยู่หลายเม็ด พวกมันเปล่งแสงจางๆ เพิ่มความสว่างไปทั่วถ้ำ

บนพื้นตรงกลางถ้ำมีป้ายหลุมศพแผ่นหนึ่งตั้งอยู่

และถึงจะอยู่ไกล แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่เล็ดลอดออกมาจากหลุมศพนั่น

นางกลั้นหายใจแล้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง

ภายในถ้ำว่างเปล่า

ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากนาง

และประตูบานหนึ่งที่ปิดสนิท

คนอื่นๆ มิได้เข้ามาด้วยกันหรอกหรือ?

ฉู่หลิวเยว่เริ่มขมวดคิ้ว

นางยืนนิ่งอยู่กับที่พักหนึ่ง และตั้งใจฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก

แต่นอกจากเสียงหัวใจเต้นตึกตักแล้ว ก็ไม่มีเสียงใดดังเล็ดลอดเข้ามาเลย

ราวกับเหตการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้น ถูกประตูบานใหญ่นี้ปิดกั้นไว้อย่างสมบูรณ์

ฉู่หลิวเยว่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดนางก็ยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้า

นางยืนอยู่ห่างจากป้ายหลุมศพเพียงห้าก้าว

มันดูเหมือนป้ายหลุมศพธรรมดาทั่วไป

ทั่วทั้งแผ่นหินเป็นสีขาวหม่น หนาและเรียบง่าย

มันสูงเท่าๆ กับฉู่หลิวเยว่

ทว่าบนแผ่นป้ายนั้นกลับว่างเปล่า แม้แต่คำคำเดียวก็ยังไม่มี

และนอกจากหลุมศพนี้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอยู่ในถ้ำแห่งนี้อีก

ด้านหลังเองก็เป็นทางตัน

ฉู่หลิวเยว่จ้องมองหลุมศพตรงหน้าเป็นเวลานาน แต่กลับไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ

ขณะที่ในหัวของนางกำลังเต็มไปด้วยข้อสงสัย ทันใดนั้นไข่มุกธาราในจุดตันเถียนของนางก็เริ่มหมุนช้าๆ!

คลื่นพลังสายนั้นที่โจมตีนางเมื่อครู่ก่อน ก่อกำเนิดมาจากที่แห่งนี้

ไม่นาน พลังปราณของสวรรค์และโลกภายในถ้ำก็พุ่งเข้าใส่นาง และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว!

ด้านนอกประตู พายุทรายเหล่านั้นสงบลงแล้ว

ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครา

ในยามนี้ เหล่าคนที่ถูกทรายสีแดงดึงกระชากลากถูก่อนหน้า ล้วนหล่นลงพื้นอย่างพร้อมเพรียง

ราวกับหยุดเวลาไปชั่วขณะ

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงดึงสติกลับมาได้คนแรก

เขาปรับลมปราณให้สงบลง พลางลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆ

แม้บางคนจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าโดยพื้นฐานแล้วยังไม่อันตรายถึงชีวิต

หลังจากมองดูสถานการณ์โดยรวมแล้ว เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“ฉู่เยว่เล่า!?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึง

“ฉู่เยว่? ครู่ก่อนเขายังอยู่…”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งรีบตอบออกไป แต่กลับต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าร่างเงาของคนที่เคยอยู่ข้างกายเขาหายไปแล้ว

ครั้นมองดูดีๆ ศิษย์ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ ยกเว้นฉู่เยว่

“เมื่อครู่ประตูเปิดออก และดูเหมือนว่าเขาจะ… ถูกดูดเข้าไป”

สุ้มเสียงอันแผ่วเบาระคนลังเลของใครบางคนดังขึ้นจากด้านข้าง

ยามที่ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยผืนทรายสีแดง ทุกคนล้วนติดอยู่ในพายุทราย

แม้แต่พวกเขาเองยังแทบเอาชีวิตไม่รอด นับประสาอันใดกับการช่วยเหลือผู้อื่น

ฉะนั้นตอนที่เกิดเรื่องขึ้น จึงมีเพียงไม่กี่คนที่เห็นภาพตอนฉู่เยว่ถูกดูดเข้าไป

“อันใดนะ!?”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงพลันใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แล้วหมุนตัวกลับไปมองอีกทาง

ประตูสีแดงบานใหญ่ปิดสนิท

ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ยินเสียงปิดประตูเข้าด้วยตัวเอง เขาคงไม่เชื่อที่อีกฝ่ายพูด

“เหตุใดถึงเป็นแบบนี้…”

ทุกคนต่างหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ฉู่เยว่กลับถูกดึงเข้าไปคนเดียว!

ตอนนี้เขาจะทำอย่างใดดี?

“เหตุใดถึงเป็นเขา…”

แม้ว่าฉู่เยว่จะไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา แต่ในใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิง เขาได้ยกตำแหน่งลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนให้เจ้าเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว

ยิ่งพอมารู้ว่ายามนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังตกที่นั่งลำบาก หรืออาจพบเจออันตรายถึงตาย เขายิ่งเป็นกังวล

“ในหมู่พวกเราทั้งหมด มีแค่เขาคนเดียวที่เป็นจอมยุทธ์ระดับแปด หรือว่าบางที…”

เจียงจื่อหยวนที่อยู่อีกด้านผุดลุกขึ้นยืน พลางเช็ดฝุ่นและคราบเลือดบนใบหน้าออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถามออกไปราวไม่มั่นใจ

“จะอย่างใด ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวเสียงเข้ม

“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ท่านมีแผนอย่างใดหรือเจ้าคะ?”

“หาทางเปิดประตู แล้วพาฉู่เยว่ออกมา”

คำตอบของผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา

ชือรุ่ยเออร์ย่นคิ้ว พลางหันไปมองประตูตรงหน้า

นางเองก็คิดเช่นนั้น แต่ประเด็นก็คือ ประตูบานนั้นมันเปิดได้ง่ายๆ เสียทีไหนกันล่ะ!?

เพียงแค่เดินเข้าไปใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงความกดดันอันทรงพลังเหลือคณาแล้ว!

ไม่ต้องลองเปิด ชือรุ่ยเออร์ก็เดาได้ทันทีว่าแค่กำลังของพวกเขา คงไม่มีปัญญาเปิดประตูบานนี้แน่นอน

แต่ถ้าปล่อยไปทั้งๆ แบบนี้ ฉู่เยว่ก็จะติดอยู่ข้างในตลอดไป!

ครั้นนึกถึงพายุทรายอันบ้าคลั่งเมื่อครู่ก่อน ชือรุ่ยเออร์ก็ยังหวาดผวาไม่หาย

และไม่รู้ว่าฉู่เยว่ที่ติดอยู่ข้างในจะเป็นอย่างใดบ้าง…

หากดูจากการโจมตีเมื่อครู่แล้ว เกรงว่าคงยากเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการได้

“จะอย่างใด ก็ต้องลองดูกันสักตั้ง”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงกล่าวเสียงเข้ม

พอพูดจบ เขาก็เดินไปถึงประตูแล้ว

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกมือขึ้น

ลำแสงจำนวนมากพวยพุ่งออกมา พลันรวมตัวกันกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดค่ายกลสีเงินขนาดใหญ่

แต่เพราะเพิ่งได้รับบาดเจ็บมา ทำให้การระดมพลังปราณในยามนี้ ดันทำให้เลือดลมภายในกายของเขาพุ่งสูงขึ้น

ลมปราณที่แฝงไปด้วยกลิ่นคาวเลือดค่อยๆ หลั่งไหลออกมาตามช่องปากและไรฟัน สองตาจ้องเขม็งไปที่ประตูบานหนาอย่างใจจดใจจ่อ

วันนี้เขา จะต้องพังประตูนี่ให้ได้!

แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนเสียดแก้วหูดัง

“ใครกัน!?”

ชือรุ่ยเออร์ชะงักไปครู่หนึ่ง พลันหันกลับไปมอง

ก่อนจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้

พวกเขาคือคนจากเขาหลิงอวิ้นที่เจอกันก่อนหน้านี้

ชือรุ่ยเออร์ใจเต้นระรัว

พวกเขาจากไปแล้ว แต่ก็กลับมา…

ตอนนั้นพวกเขากล่าวลาชัดเจนแล้ว แต่เหตุใดตอนนี้ถึงกลับมาล่ะ!?

“ที่แท้ก็พวกเจ้านี่เอง!”

ผู้อาวุโสหลายคนจำกลุ่มคนเหล่านั้นได้ พลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“พวกเจ้ากลับมาเหตุใดกัน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์