ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 136

คำพูดของฉู่หลิวเยว่ทำให้กู้หมิงจูรู้สึกไม่ปลอดภัยและนางก็พูดตะกุกตะกักว่า

“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าจะทำอะไรกันแน่ ข้าจะบอกให้ ข้าเป็นถึงคุณหนูรองตระกูลกู้ หากเจ้าทำแตะต้องข้าจริงๆ ตระกูลกู้ไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”

ฉู่หลิวเยว่คร้านจะใส่ใจนาง

“ทำให้นางหุบปากซะ”

กู้หมิงเฟิงมองหาวัสดุรอบๆ ก่อนจะฉีกแขนเสื้อของกู้หมิงจูออกมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ก่อนจะยัดปากนางเอาไว้

เมื่อแขนของกู้หมิงจู้โผล่ออกมาข้างนอกครึ่งหนึ่ง นางก็รู้สึกอับอายและโกรธแค้น นางส่งเสียงอื้ออึงหลายครั้ง แต่ก็พูดไม่ได้

กู้หมิงเฟิงปรายตามองนาง

กู้หมิงจูนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเขาตบหน้าเมื่อครู่นี้ก็หุบปากโดยไม่รู้ตัว นางก็ไม่กล้าโวยวายอีก

กู้หมิงเฟิงในยามนี้ดูมืดมนและอำมหิตมาก นางรู้สึกว่าถ้าเขานึกรำคาญขึ้นมาคงจะฆ่าตายจริงๆ!

กู้หมิงจูยังคงรักชีวิตของตนเอง หลังจากรู้สึกหวาดผวา นางก็หุบปากแนบสนิททันที

ฉู่หลิวเยว่บดหยวนตันของหมีแผงคอทองคำให้เป็นผง เพิ่มสมุนไพรอีกสองชนิดที่นางพกติดตัวไปไว้บำรุงเลือดลมปราณมาผสมกันเพื่อใช้รักษามู่หงอวี๋

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินหู่จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า

“ฉู่หลิวเยว่ ทำไมเจ้าถึงได้สองมาตรฐานเช่นนี้ ให้ข้ากลืนหยวนตันเข้าไปสดๆ ส่วนหงอวี๋เจ้ากลับบดให้อย่างละเอียด เจ้าอย่าทำกับข้าเยี่ยงนี้เพราะเห็นว่าข้าเป็นผู้ชายหยาบกร้านซิ!”

มู่หงอวี๋รู้สึกว่าฟื้นตัวขึ้นมากและอารมณ์ดีขึ้น ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าด้วยความชอบใจ

“เฉินหู่ เจ้ายังรู้ตัวว่าเป็นผู้ชายด้วยหรือ ทำไมถึงขี้อิจฉาขนาดนี้ แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ดีกับข้าที่สุด ส่วนพวกเจ้าต่อแถวข้างหลังนู่น! เจ้าน่าเอ็นดูเหมือนข้าที่ใดกัน!”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนขำออกมา

ฉู่หลิวเยว่กล่าว

“อาชาขี้เถาเป็นสัตว์อสูรระดับสาม หากรับหยวนตันเข้าไปโดยตรงไม่เป็นปัญหา ส่วนหมีแผงคอทองคำนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง หงอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ร่างกายอ่อนแรง หากใช้หยวนตันนี้โดยตรงก็จะมีผลเสียมากกว่าประโยชน์”

นางเอาผงหยวนตันที่เหลืออยู่ใส่ไว้ในมือของมู่หงอวี๋ และกำชับอย่างจริงจัง

“ที่เหลือเจ้าแบ่งใช้สองครั้งทุกๆ สี่ชั่วยาม อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าจะได้ดีขึ้น”

“จริงหรือ ดีจริงเชียว!”

มู่หงอวี๋เก็บมันเอาไว้ด้วยความดีใจ เมื่อคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ นางก็รู้สึกสะท้อนใจ

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้าจะสามารถใช้หยวนตันหมีแผงคอทองคำบดเป็นผงมารักษาอาการบาดเจ็บได้ ที่สำคัญข้ายังมีส่วนช่วยในการสังหารอีกด้วย!”

หลิวเยว่บอกแล้วว่าพวกเราเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน และชัยชนะนี้เป็นของพวกเขาทั้งสี่คน!

แม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ผลของการต่อสู้ด้วยกันเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาสามารถพูดออกไปเชิดหน้าชูตาได้

ปีที่แล้วหรงจิ้นล่าสัตว์อสูรระดับสี่ได้ ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดได้ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อเทียบกับพวกเขาก็แค่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่าเท่านั้น!

หรือแม้แต่ในสายตาของคนทั้งสำนัก คราวนี้พวกเขาก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้เช่นกัน

“เฮ้อ น่าเสียดายที่หมีแผงคอทองคำนั้นตายแล้ว ไม่อย่างนั้น หากล่ามันได้ก็คงจะดีมาก” เฉินหู่จิ๊ปาก “นั่นเป็นสัตว์อสูรระดับสี่เชียวนะ!”

ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปาก

“หมีตัวนั้นเป็นหมีตัวเมียที่ถูกทำให้เกรี้ยวกราด ไม่มีทางทำให้เชื่องได้แน่นอน การเก็บมันไว้ใกล้ตัว รั้งแต่จะเป็นหายนะ”

เฉินหู่หัวเราะแหะๆ

“ข้าแค่จะบอกว่า! ในสถานการณ์นั้น ไม่ว่ามันจะตายหรือเราตาย ดังนั้นแน่นอนว่ามันต้องตาย!”

มู่หงอวี๋พิงกับลำต้นของต้นไม้ด้วยไหล่ข้างที่ไม่บาดเจ็บและอดเห็นด้วยไม่ได้

“จริงด้วย สัตว์อสูรระดับสี่ไม่ได้หากันง่ายๆ…ตอนนี้พวกเราหลายคนได้รับบาดเจ็บ ต่อไปถ้าคิดจะรับมือกับสัตว์อสูรระดับนี้ก็คงเป็นการยากแล้วล่ะ”

ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะเจอสักตัว แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายเพราะกู้หมิงจูคนเดียว

ยังโชคดีที่ฉู่หลิวเยว่และกู้หมิงเฟิงไม่บาดเจ็บอะไรมาก แต่อาการของนางกับเฉินหู่นั้นถือว่าสาหัสเอาเรื่อง

เกรงว่าการล่าสัตว์ในบรรพตวั่นลิงคราวนี้คงไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรไปมาก

“เฮ้อ ตอนแรกข้าอยากจะล่าสัตว์อสูรระดับสี่สักตัส แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีความหวังแล้ว…”

ฉับพลันนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เขกหน้าผากนางเบาๆ

“ผู้ใดบอกว่าไม่มีความหวังล่ะ”

ดวงตากลมโตของมู่หงอวี๋เบอกกว้าง

“หรือว่า…เจ้าจะช่วยข้าล่าสัตว์อสูร”

รอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ดูมีเลศนัยมากขึ้น

“เหตุใดต้องทำให้ยุ่งยากเช่นนั้น วิธีนั้นจะสำเร็จหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์