ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงไป
ก่อนหน้านี้ไม่ขัง หลังจากนี้ก็ไม่ขัง แต่กลับต้องมาขังคนภายในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าจะเป็นการคุ้มครองคนผิดจนถึงที่สุดใช่หรือไม่?
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน หากข้าจำไม่ผิดแล้วละก็ เขาเฝิงหมินแห่งนี้สถานที่ที่คุมขังศิษย์ที่ทำผิดเป็นพิเศษ ลูกศิษย์ที่ดีอย่างฉู่เยว่ เหตุใดถึงถูกขังที่นั่นด้วยล่ะ?”
เสียงที่ค่อนข้างแสบแก้วหูดังขึ้น
ความเงียบปกคลุมขึ้นมาครู่หนึ่ง ทุกสายตามองไปทางผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนด้วยความสงสัยใคร่รู้
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนลูบเคราของตนเอง
“เขาฝ่าฝืนกฎสำนักอยู่หลายข้อ เดิมทีหลังจากที่กลับมา เขาก็ควรจะถูกขังแล้ว แต่ว่าตอนนั้นเขาสลบอยู่ตลอด ดังนั้นข้าจึงยอมแพ้ รอจนกว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา ร่างกายดีขึ้นเล็กน้อย ถึงส่งเขาไปที่นั่น”
อีกฝ่ายยังคงเซ้าซี้ไม่ยอมแพ้
“อ่า? ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสะดวกเปิดเผยหรือไม่ ว่าเขาฝ่าฝืนกฎสำนักข้อใดกันแน่? ให้พวกเราได้ทราบความจริงทีได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าจางไปสามส่วน
“นี่เป็นเรื่องของสำนักหลิงเซียว ไม่ว่าจะเป็นการชมเชยหรือลงโทษ แทบจะ…ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะอธิบายให้ทราบ”
ปกติแล้วพวกเขาทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ไม่ได้หมายความว่าสำนักหลิงเซียวจะถูกใครมารังแกก็ได้!
หากใครคิดจะยื่นมือมาภายในสำนักหลิงเซียว มันต้องก่อเกิดเป็นความวุ่นวายไม่ใช่หรือ?
คำพูดของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ทำให้พวกเขาไม่สามารถโต้เถียงได้
ในตอนนี้ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่สำนักหลิงเซียว หากเขาบอกว่าใครผิด คนนั้นก็ผิด หากเขาต้องการจะลงโทษใคร ก็ไม่สามารถไปถามเรื่องราวได้
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความกรุ่นโกรธจากน้ำเสียงของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน อีกฝ่ายจึงรู้สึกลำบากใจ แล้วเงียบเสียงไป
แต่คนอื่นกลับไม่ยอมปล่อยผ่านไปเช่นนี้
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน เรื่องราวในสำนักของท่าน พวกเราก็ไม่ได้อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ที่พวกเรามาในครั้งนี้ ก็เพื่อพูดคุยกับฉู่เยว่ให้กระจ่าง”
“ถูกต้อง พวกเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว และรู้ว่าท่านไม่ใช่คนไร้เหตุผล หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ พวกเราก็ไม่อยากจะล่วงเกินสำนักของท่านเลย ตอนนี้… ไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ”
“เรื่องในบุพกาลชายแดนเหนือ ทุกตระกูลล้วนเสียหายอย่างหนัก มีเพียงแค่ฉู่เยว่ที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ มันจึงทำให้ผู้คนอดสงสัยไม่ได้ ความจริงแล้วผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่จำเป็นจะต้องวิตกกังวลเช่นนี้ ท่านให้ฉู่เยว่ออกมาพูดคุยกันต่อหน้าคนทุกคน และอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อทุกคนพูดเรื่องนี้อย่างเปิดเผย มันก็จะเป็นการดีต่อทุกฝ่าย ท่านว่าใช่หรือไม่?”
คนเหล่านี้พูดต่อกัน เจ้าพูดหนึ่งประโยค ข้าพูดหนึ่งประโยค พูดต่อเรื่องราวได้ยืดยาว
อย่างใดก็ตามเมื่อผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนได้ฟังแล้วก็ยังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
เขามีชีวิตอยู่มาหลายปีขนาดนี้แล้ว มีฉากไหนบ้างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน?
แค่ฟังดูแล้ว คนเหล่านี้ไว้หน้าเขาอย่างยิ่ง
แต่ในความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย!
หากพวกเขาต้องการจะพูดคุยด้วยเหตุผลจริงๆ แล้วละก็ พวกเขาจะไม่มีทางมาที่ฝางโจว และเตรียมตัวพร้อมโจมตีอย่างนี้
หากกล่าวในอีกนัยหนึ่งก็คือ มีมีดจ่อที่ลำคอของเขาแล้วแกล้งทำเป็นพูดว่าต้องพูดคุยกันดีๆ… แบบนี้มันน่าเชื่อถือหรือไม่?
ช่างน่าขัน!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมีความอดทนอย่างยิ่ง แม้ว่าในใจเขาจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ยังคงมีความสุภาพอยู่เสมอ
เมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น เขาก็รับฟัง
จนกระทั่งอีกฝ่ายพูดคนละประโยค พูดจนน้ำลายเหนียว หลังจากที่พูดเรื่องที่ควรพูดไปจนหมดแล้ว เขาจึงพยักหน้าลงอย่างเชื่องช้า
“ที่ทุกท่านพูดมาล้วนมีเหตุผล”
เรื่องนี้ทำให้ผู้คนสงสัยในฐานะของฉู่เยว่ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หลังจากที่ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็มีน้ำเสียงอ่อนโยนลง แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ความจริงแล้วคนแก่อย่างข้าก็เข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าดี ท้ายที่สุดแล้วการเลี้ยงดูยอดฝีมือคนหนึ่งออกมานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้นการเดินทางไปบุพกาลชายแดนเหนือในครั้งนี้ ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ร่วมมือกันสืบหาต้นตอของเรื่องนี้ ยิ่งมีคนมาก กำลังยิ่งมาก ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถสืบเสาะอันใดบางอย่างได้ แล้วอีกอย่าง ระหว่างนี้ก็รอฉู่เยว่ออกมาจากเขาเฝิงหมินและมาอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างชัดเจน”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนถอยหลังเข้าไปด้านใน เท้าเหยียบขั้นบันได
คนจำนวนไม่น้อยลังเลไป
เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะก่อเรื่องวุ่นวายให้สำนักหลิงเซียวให้มากความ
หากสามารถปรึกษาหารือแก้ปัญหาได้ แน่นอนว่ามันไม่มีอันใดดีกว่านี้แล้ว
อีกทั้งต่อให้ฉู่เยว่จะซ่อนตัวอยู่ในสำนักหลิงเซียว แต่ก็ไม่สามารถซ่อนไปได้ตลอดชีวิต
หากต้องการจะตามหาเขา ก็ยังมีโอกาสอยู่เสมอ
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว บางทีพวกเขาก็ควรถอยหนึ่งก้าว
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เช่นนั้น…”
“เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ได้”
มีเสียงหนึ่งคัดค้านขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไป
ผู้ที่พูดนั้นคือจินตี้
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ทุกคนที่นี่เดินทางมาไกลพันลี้เพื่อให้ฉู่เยว่ออกมา ให้เขาพูดเรื่องราวออกมาอย่างชัดเจน หากจะให้กลับไปเช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเราจะต้องรอจนถึงเมื่อไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...