เย่อหยิ่ง!
จองหอง!
แต่ดันข่มรัศมีเสียจนคนอื่นไม่กล้าคัดค้าน!
ผู้อาวุโสเข้าใจตั้งแต่ตอนที่หรงซิวเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นแล้ว ว่าหรงซิวให้ความสำคัญกับฉู่เยว่มากเพียงใด จึงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินคำเขาว่าเช่นนี้
ทว่าคนอื่นๆ ในห้องโถงยังคงตกตะลึงจับต้นชนปลายไม่ถูก
เขาจะจัดการเอง…
หมายถึงเขาคนเดียวน่ะหรือ!?
อีกฝ่ายไม่ใช่ตระกูลขุนนางหนึ่งหรือสองตระกูลเสียหน่อย แต่เป็นทั้งอาณาจักร!
หรงซิวพร้อมเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อฉู่เยว่เชียวหรือ…
ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
เนื่องจากทั้งสองคนไม่เคยอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา คนนอกจึงคาดเดาไปต่างๆ นาๆ
แต่ก่อนพวกเขาไม่เชื่อ แต่พอดูตอนนี้แล้ว… พวกเขาเหมือนกับพี่น้องร่วมสายเลือดกันจริงๆ เลย!
หลายคนแอบตกใจกับสิ่งที่เห็น แต่สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี
ไม่แปลกหรอก… ตั้งแต่ฉู่เยว่เข้ามาที่นี่ หรงซิวก็ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด
จนถึงตอนนี้ก็ดูจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก
แต่อย่างใดเสียมันก็เป็นของหรงซิวและฉู่เยว่ คนนอกไม่อาจพูดอันใดได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือของหรงซิว ทำให้ทางฝั่งสำนักวิชาพลอยลดทอนความกดดันลงได้มาก
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกวาดตามองไปรอบๆ
“เช่นนั้นก็เป็นอันเรียบร้อย! ฮวาเฟิง เจ้าส่งคำเชิญออกทันที ให้พวกเขามาที่นี่ภายในสามวัน แล้วไปที่…”
เมื่อพูดตรงนี้ ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพลันหยุดชะงัก
การเชิญคนมานั้นมิใช่ปัญหา และการใช้เวลาสามวันก็มากเพียงพอ อย่างใดเสียคนเหล่านั้นก็กระตือรือร้นอยากมาที่นี่เสียเดี๋ยวนี้!
แต่ที่สำคัญคือ จะให้พวกเขาไปที่ไหน?
หากจัดตั้งที่ประชุมไว้ด้านนอก เช่นนั้นสำนักหลิงเซียวของเขาจักต้องถูกสาปส่งแน่นอน
แต่ถ้าจัดในสำนักวิชา…
แล้วเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของฉู่เยว่
ศิษย์คณาจารย์ในสำนักวิชาจะมองเขาอย่างใด?
หากถึงเวลานั้นแล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ฉู่เยว่ก็จะต้องเจ็บปวดกับการประท้วงขับไล่นับไม่ถ้วน
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองใบหน้าหงิกงอของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
แน่นอนว่านางรู้ว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกำลังกังวลเรื่องอันใด
“ผู้อาวุโสขอรับ จัดที่เมืองฝางโจวเถิด”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพลางส่งยิ้มให้เขา
เมืองแห่งนั้นอยู่ใกล้สำนักวิชา แต่ก็ยังไม่ได้เข้ามาในเขตของสำนัก
สามารถตั้งรับขับสู้กันได้ตามต้องการ ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับสำนักของเขา
“เจ้า… แน่ใจแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยังคงลังเล
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอีกครา
“ลำบากท่านและคณะผู้อาวุโสแล้วขอรับ เพราะครานี้ ศิษย์จะจบปัญหาทั้งหมดนี่ให้แล้วสิ้น!”
…
ผู้อาวุโสหลายคนต่างแยกย้ายกันไปจัดเตรียมที่ประชุมที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวัน
สำหรับเรื่องนี้ มันอาจเป็นศึกยากอีกคราหนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างใด พวกเขาก็ต้องทำตามแผนอย่างแยบยล โดยมิให้เกิดข้อผิดพลาดตามมา
และในที่สุด ก็เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในห้องโถง
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส ศิษย์ซาบซึ้งในความช่วยเหลือของท่านมาก”
แค่เรื่องความเป็นความตายของเขาเพียงคนเดียว แต่คนทั้งสำนักกลับเต็มใจเสี่ยงเพื่อเขา
นางรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหัวเราะเบาๆ
“วางใจเถอะ ตัวเจ้าไร้มลทิล ถึงเวลาทุกอย่างจะกระจ่างเอง! ปัญหาเหล่านี้ยืดเยื้อต่อไปใช่ว่าจะดี มาใช้โอกาสนี้แก้ไขปัญหาทั้งหมดดีกว่า!”
เขาเบื่อที่ถูกคนเหล่านั้นคุกคามเต็มที
ครั้งนี้ เขาจักตบหน้าคนพวกนั้นเอง!
แล้วจะคอยดูว่าพวกนั้นจะแน่สักแค่ไหนเชียว!
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ทอประกายวาววับ
เพียงพริบตา ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่พลันตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน!
…
“อันใดกัน? สำหนักหลิงเซียวเชิญทุกตระกูลแลสำนักวิชาไปยังเมืองฝางโจวหรือ?”
ณ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์
ไป๋หลีฉุนมองดูสารเชิญที่เพิ่งส่งมาถึงมือเขา และแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“นี่สำนักหลิงเซียวคิดจะทำการใดกันแน่!?”
หลายปีที่ผ่านมา เหล่าตระกูลขุนนางหลักมากมายมิได้มีการผูกสัมพันธ์ไมตรีกันเสียเท่าไร และยังคงรักษาสมดุลนั่นเอาไว้อย่างดีเสมอมา
ทว่าตอนนี้สำนักหลิงเซียวกลับคิดจะทำลายสมดุลนี้!
แม้พวกเขาจะเป็นผู้ชำนาญการในหลายแขนง แต่ก็ยังกล้าบ้าบิ่นเกินไปอยู่ดี!
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งยืนรออยู่ด้านล่างด้วยความเคารพ
“ท่านประมุขอาจจะยังมิทราบ ทว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวลือของฉู่เยว่ได้แพร่งพรายไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว สำนักหลิงเซียวถูกบีบให้อับจนหนทาง ถึงได้ทำเช่นนี้กระมัง?”
ไป๋หลีฉุนขมวดคิ้วมุ่น
“ฉู่เยว่? ใครกัน?”
เจียงจื่อหยวนที่กำลังช่วยรินชาอยู่ด้านข้างเหลือบตามองเขา ในใจเต็มไปด้วยความริษยา
สำนักวิชาไล่นางออก แต่กลับยืนหยัดเพื่อฉู่เยว่ได้!
ความลำเอียงเช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้น!
นางระงับความอิจฉาเหล่านั้นไว้ในใจ พลางกระซิบบอกว่า
“ฉู่เยว่เป็นศิษย์ใหม่ของสำนักที่เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่กี่เดือนเจ้าค่ะ ตัวเขานั้นมีพรสวรรค์และเก่งกาจ และเหมือนว่าสัมพันธ์ของเขากับท่านพี่หรงซิว… จะดูผิดแปลกชอบกล”
ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของไป๋หลีฉุนได้ทันที
“หือ? แปลกเยี่ยงไรหรือ?”
ยามหรงซิวอยู่ที่สำนักวิชา เขาก็มักจะปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวตลอดมิใช่หรือ?
เจียงจื่อหยวนทำทีเม้มปากอย่างกลัดกลุ้ม
“เขา… ท่านพี่หรงซิวพาเขาไปฝึกซ้อมเป็นการส่วนตัว และให้เขาอาศัยอยู่บนเขาจิ่วเหิงด้วยกัน เรียกได้ว่า… ดูแลอย่างดีเลยเจ้าค่ะ ครั้งก่อนที่ฉู่เยว่ทำผิดกฎ ก็ได้ท่านพี่หรงซิวช่วยพูด…”
เคร้ง!
ไป๋หลีฉุนกระแทกถ้วยชาลงอย่างแรง! จนเกิดเสียงดั่งสนั่น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...