ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 148

“ซือถิง! หยุดเดี๋ยวนี้!”

อาจารย์ท่านหนึ่งเก้าไปข้างหน้าเพื่อขวางทางเขาอย่างรวดเร็ว

“ที่นั่นอันตรายมาก เจ้าจะไปได้อย่างไร!”

ใบหน้าของซือถิงเยือกเย็นราวกับถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง

ครั้นเมื่ออาจารย์เห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงอยู่สักพัก ทว่ายังยืนยันที่จะขัดขวางเขาต่อไป “ ตอนนี้สัตว์อสูรระดับสูงกำลังต่อสู้กัน บรรพตวั่นหลิงทั้งหมดกำลังเกิดความโกลาหล! หากเจ้าไปตอนนี้! ก็เท่ากับว่าเข้าไปตาย! แล้วจะมีประโยชน์อะไร ยังมีอาวุโสซุน! พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”

ทว่าซือถิงกลับพูดอย่างเย็นชา “ยังมีคนไม่ได้ออกมา”

“นี่ไม่ใช่เวลาห่วงผู้อื่น! หากยังยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ พวกเราจะออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้หรือไม่!”

เมื่ออาจารย์ที่อยู่ด้านหลังเห็นเหตุการณ์ จึงขมวดคิ้วถามด้วยความไม่พอใจ “ซือถิง เจ้าเป็นผู้ที่สงบสติอารมณ์อยู่เสมอ แต่วันนี้เจ้าเป็นอันใดไป?”

ปากของซือถิงขยับ พลางกัดกรามแน่น

ตู้ม!

เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า!

กระแสน้ำวนสีดำบนท้องฟ้าแตกสลายจนหมดสิ้น กระจัดกระจายกลายเป็นแสงสีดำมากมายนับไม่ถ้วน!

ในขณะเดียวกันนั้น มีเสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูรทุกชนิดดังออกมาด้วยความตื่นตระหนก

“รีบไป!”

อาจารย์ผู้นั้นไม่ลังเลอีกต่อไป พร้อมทั้งบีบไหล่ของซือถิง

อาจารย์หลายคนรวมพลังกันบังคับให้พวกเขาออกจากที่นี่

ทันทีที่พวกเขาหันหลังจากไปได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น!

หัวใจของซือถิงเต้นรัว! เมื่อเขาหันกลับไปมอง กลับเห็นว่าภูเขาทั้งหมดพังทลาย!

……

การต่อสู้ของเสวียเสวี่ยกับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาดุเดือดมาก รุนแรงจนทำให้ภูเขาทั้งลูกพังทลาย

ทว่าถ้าหากมีคนเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ เป็นการบดขยี้ของฝ่ายเดียวอย่างสมบูรณ์

นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง มันไม่มีแม้พลังที่จะตอบโต้

หลังจากที่โจมตีกันหลายครั้ง ร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล

เกล็ดที่สวยงามและแข็งแกร่งเกือบจะถูกดึงออกมาจนหมด อีกทั้งยังมีรูเลือดหลายรูที่ช่องท้อง เลือดไหลออกมาอย่างมากมาย แม้แต่หัวก็ถูกตีจนแตก เลือดไหลเป็นทางดูน่าอนาถยิ่งนัก

ในตอนนี้ความเย่อหยิ่งได้หายวับไปกับตา เหลือเพียงความเสียใจและความหวัดกลัวในแววตาของมัน

มันเสียใจยิ่ง!

ตั้งแต่ต่อสู้กับเสวียเสวี่ยครั้งที่แล้ว ร่างกายของมันถูกถล่มอย่างยับเยิน มันไม่อาจลืมเลือนและมีความโกรธแค้นอยู่ในใจเสมอ

บรรพตวั่นหลิงแห่งนี้เป็นพื้นที่ของมัน แล้วมันจะปล่อยให้ผู้อื่นทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันฝึกฝนอย่างหนัก จนสามารถทะลวงระดับหกสู่ระดับเจ็ด!

เมื่อวันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง มันคิดที่จะลบล้างความอับอาย แต่มันไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะพัฒนาไปมากถึงเพียงนี้!

ครั้งที่แล้วมันสามารถต่อสู้ได้หลายสิบกระบวนท่า ทว่าในครั้งนี้มันกลับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง!

ประเด็นสำคัญ ยังมีสัตว์อสูรอยู่ต่อหน้ามากมายในบรรพตวั่นหลิง!

ทว่าตอนนี้กลับไม่เหลือสักตัว!

ฟรึบ!

เสวียเสวี่ยกัดหางของมัน พร้อมทั้งโยนมันออกไปอย่างดุร้าย!

เลือดของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาไหลเป็นทางยาวอยู่บนพื้น จนสุดท้ายมันได้กระแทกเข้ากับกองหิน ร่างของมันเต็มไปด้วยฝุ่นและเลือด

มันหายใจเฮือกสุดท้าย ขยับเขยื้อนไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายในอีกไม่ช้า

เสวียเสวี่ยจ้องมองมันด้วยสายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่ในสายตา แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกล้างแค้น!

และยังต้องการฆ่าฉู่หลิวเย่…

ไม่ตีมันแล้วจะตีผู้ใด!?

ในขณะที่มันกำลังสั่งสอน ทันในนั้นมันกลับหยุดชะงัก พร้อมทั้งหันกลับไปมอง

มีระลอกคลื่นโปร่งใสปรากฏขึ้นในอากาศธาตุที่ว่างเปล่า

ทันในนั้นร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้น และเดินออกมา

นั่นคือหรงซิว!

และเขากำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนของเขา ผู้นั้นคือฉู่หลิวเย่

ครั้นเมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของฉู่หลิวเย่ และบาดแผลที่น่าตกใจ เสวียเสวี่ยกลับรู้สึกผิดและสงสาร

มันรีบวิ่งเข้ามาเพื่อมองนางใกล้ๆ

ในใจของฉู่หลิวเย่ชอบเสวียเสวี่ยมาก แม้จะทำให้เกิดเรื่องนี้แต่หลังจากที่ครุ่นคิดก็ไม่สามารถโทษเสวียเสวี่ยได้

ทว่าเมื่อเสวียเสวี่ยได้ยินเช่นนั้น มันกลับยิ่งรู้สึกละอายใจและโทษตัวเองมากขึ้น

“แต่ว่าข้าอยู่กับเสวียเสวี่ยเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และมันไม่ใช่สัตว์อสูรของข้า บนร่างกายของข้าจะมีลมหายใจของมันได้อย่างไร?”

ฉู่หลิวเย่บ่นพึมพำด้วยความสงสัย

ถึงแม้ว่าจะมี แต่ก็ควรจะบางเบา ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดเจตนาฆ่าจากนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาได้

เสวียเสวี่ยตัวแข็งทื่อ

แววตาของหรงซิวจมดิ่ง และดูเหมือนว่าจะมีชั้นหมอกบางๆ ปกคลุมที่ดวงตาของเขา ทำให้ตาเขาพร่ามัว จากนั้นจึงเอ่ยแผ่วเบาว่า “… อาจเป็นเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันนานเกินไป ดังนั้นในภายภาคหน้าพวกเราพยายามอย่าเจอกันอีก”

เสวียเสวี่ยเงยหน้าด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกขายเช่นนี้!

ในคืนนั้น มันนำพลังของหรงซิวมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงถ่ายเทพลังเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเย่อย่างเชื่องช้า เพื่อซ่อมแซมเส้นเลือดเดิมของนาง แต่กลับไม่ได้รับความดีความชอบในการทำงานหนัก!

เหตุใดตอนนี้จึงโกรธสัตว์อสูร?!

ลมหายใจในร่างกายของฉู่หลิวเย่ เป็นของมันที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นของหรงซิว!

มันกับหรงซิวมีความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับทาสรับใช้ ลมหายใจก็เหมือนกัน มันยอมรับความผิดเรื่องนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา แต่เขายังเข้าใจผิดเกี่ยวกับฉู่หลิวเย่มาก!

ในขณะที่เสวียเสวี่ยกำลังจะประท้วง กลับเห็นแววตาที่เย็นชาของหรงซิว จึงหยุดชะงักในทันที

ฉู่หลิวเย่พยักหน้า ทว่าไม่ได้สอบถามมากนัก นางมองไปรอบๆ จึงพบว่าภูเขาที่เคยสูงชัน แต่ในตอนนี้กลับราบเป็นหน้ากลอง

นางถอนหายใจ

สัตว์อสูรระดับสูงต่อสู้กัน ช่างเป็นพลังที่น่าถึงมาก

หรงซิวหาพื้นที่สะอาด จากนั้นวางนางลง ใช้มือข้างหนึ่งจับที่หัวใจของนาง พร้อมทั้งถ่ายเทพลัง

ฉู่หลิงเย่ว์ส่ายหน้า “ข้าบาดเจ็บที่ผิวหนัง ไม่ต้อง…”

หรงซิวใช้มืออีกข้างปิดตาของนางเบาๆ

“เจ้าพักผ่อนเถิด เมื่อทำความสะอาดแล้วพวกเราค่อยไป”

ในขณะที่ดวงตาของฉู่หลิวเย่ยังมืดมิด นางจึงอดถามไม่ได้ “…ทำความสะอาดอันใด?”

หรงซิวยิ้มมุมปาก

“ปกติก็…ควรจะทำความสะอาด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์