เจียงจื่อหยวนบาดเจ็บตั้งแต่ออกมาจากบุพกาลชายแดนเหนือ แม้ในช่วงระยะเวลานี้จะพักฟื้นอยู่ที่พระราชวังเมฆาสวรรค์ แต่ก็ยังไม่หายขาด
พอมาครานี้ เพื่อประลองตัดสินแพ้ชนะกับฉู่หลิวเยว่ นางถึงกระทั่งใช้ยาหมีเซียงโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบภายหลัง นำไปสู่เส้นลมปราณฉีกขาด ร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เดิมทีสภาพของนางก็ร่อแร่ดั่งลูกธนูปลายหน้าไม้อยู่แล้ว การโจมตีครั้งสุดท้ายของไป๋หลี่ฉุนจึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย
ไป๋หลี่ฉุนเองก็มิได้คิดสังหารนางจริงๆ แต่แรก ทว่าการลงมือครั้งนั้นรุนแรงเกินไป เจียงจื่อหยวนจึงมิอาจต้านทานไหว
ฝูงชนต่างเงียบกริบลงในบัดดล
ยามเห็นฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้แล้ว ทุกคนล้วนแต่ไร้คำพูดใดทั้งสิ้น
เจียงจื่อหยวนนอนแผ่อยู่บนพื้น ใต้ร่างของนางมีคราบเลือดขนาดใหญ่แผ่ซึม
ศีรษะของนางที่กำลังเอียงข้างเกิดเป็นมุมบิดเบี้ยวผิดรูป
ร่างกายของนางมิขยับเขยื้อนได้อีก จึงทำได้แค่มองไป๋หลี่ฉุนอย่างยากลำบากในสภาพเช่นนี้
ดวงตาสองข้างเบิกโพลง แววตาเลื่อนลอย บนดวงหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยเลือด
บนหน้าผากและลำคอเห็นได้กระทั่งว่ามีเส้นเลือดดำปูดโปนออกมา
แม้นตายไปแล้ว ก็ยังคงเห็นได้ชัดเจนว่าก่อนตายนางสิ้นหวังและเสียสติเพียงใด
เพียงแต่ในตอนนั้น นางแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว จึงมิอาจดิ้นรนปัดป้องได้อีก
ตายตาไม่หลับโดยแท้จริง
หลังจากเงียบสงัดไปได้พักหนึ่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์แผ่วเบาก็ค่อยๆ แผ่กระจายอย่างเงียบเชียบ
“จิ๊ ลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ…พรากชีวิตเจียงจื่อหยวนไปง่ายๆ แบบนี้เลย! จะอย่างไรก็ดูแลฟูมฟักแต่เล็กจนโตมาด้วยตัวเอง ช่างไม่เหลือเยื่อใยเลยจริงๆ…”
“มิรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วจะไปเหลือเยื่อใยสิ่งใดไว้ให้เล่า? ข้าว่าไป๋หลี่ฉุนลงมือเช่นนี้เห็นได้ชัดเลยว่าจงใจทำ!”
“มีลูกสาวลับๆ ก็ขายหน้าคนพอแล้ว สุดท้ายดันไม่ใช่ลูกตัวเองอีก…เรื่องตลกนี่ทำข้าขำไปได้ถึงปีหน้าเลย! ฮ่าฮ่า!”
“ชู่! เบาเสียงหน่อย ไป๋หลี่ฉุนได้ยินแล้วนั่น ไม่เห็นรึว่าสีหน้าเขาเปลี่ยน?”
“แล้วอย่างไร? คนอื่นจะพูดถึงเรื่องที่เขาทำไม่ได้เลยหรือไร? หรือว่าเขายังมาปิดปากพวกเราได้อยู่อีก? พูดก็พูดเถอะ แค่ไม่กี่วัน เรื่องนี้ก็คงรู้กันทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว! คนมากขนาดนี้ ปากเยอะแยะปานนั้น เขาห้ามไหวหรืออย่างไร?”
…
คนที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้ ตัวตนของแต่ละคนย่อมไม่ธรรมดาทั้งนั้น
แม้นยังคงไว้หน้าไป๋หลี่ฉุนอยู่สามส่วน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเกรงกลัวเขาเข้าจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออำนาจการจัดการพระราชวังเมฆาสวรรค์ส่วนใหญ่ในตอนนี้อยู่ในมือของหรงซิว ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับไป๋หลี่ฉุนมาตั้งนานแล้ว
ไม่ได้ดูแลมานานขนาดนี้ กระทั่งเซียนหมอแค่คนเดียวเขายังเรียกตัวมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ?
นี่ก็พออธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นละครฉากที่เจียงจื่อหยวนทดสอบสายเลือดสมาชิกตระกูล นับว่าทำเอาไป๋หลี่ฉุนขายขี้หน้าไม่มีสิ้นดี!
ไป๋หลี่ฉุนสองหมัดกำเข้าหากันแน่น เขากัดฟันกรอด หน้าผากปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด หนังตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอยกระตุกถี่ยิบ
เพียงพอที่จะดูออกได้ว่าตอนนี้เขาโมโหจนถึงขีดสุดแล้ว
เขาตวัดสายตามองเจียงจื่อหยวนรอบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนกายเตรียมจากไปทันทีโดยมิเอ่ยขอตัวก่อนเสียด้วยซ้ำ
หากมองใบหน้าของเจียงจื่อหยวนต่อ รังแต่จะทำให้นึกถึงแต่เรื่องที่เขาอับอายเท่านั้น!
หรงซิวที่เห็นดังนั้น คิ้วกระบี่พลันเลิกขึ้นน้อยๆ
“ท่านประมุข ท่านจะไปแล้วหรือ?”
ฝีเท้าของไป๋หลี่ฉุนหยุดชะงัก
“ภายในตระกูลยังคงมีเรื่องสำคัญ ข้าขอตัวกลับก่อน”
สุ้มเสียงของเขาแตกพร่าประหนึ่งยับยั้งอะไรบางอย่างเอาไว้
“เช่นนั้นร่างของเจียงจื่อหยวน…”
“ฝังไว้ที่เดียวกับบิดานางก็พอ!”
น้ำเสียงของไป๋หลี่ฉุนพลันฉุนเฉียวขึ้นมา เขาสับเท้าเร็วกว่าเก่า ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
ดูจากสภาพแล้ว เหมือนว่าการพูดชื่อเจียงจื่อหยวนบ่อยๆ จะทำให้ปากเขาต้องแปดเปื้อนอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าหรงซิวยังคงเรียบนิ่งมิแปรเปลี่ยน เขาพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆ
“ได้ขอรับ เช่นนั้นขอท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ”
ไป๋หลี่ฉุนมิคิดต่อบทสนทนาอีก เงาร่างเคลื่อนผ่านวาบหายวับไปจากพื้นดิน!
…
ไป๋หลี่ฉุนจากไปแล้ว พ่อลูกตระกูลเจียงเองก็ตายแล้วเช่นกัน
ทว่าในสายตาของฝูงชนแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับเป็นเรื่องที่พูดถึงได้ไปอีกนาน
คนประเภทนี้มิควรดูหมิ่นเขาโดยแท้!
…
ฉู่หลิวเยว่หมุนกายกลับมา สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ จากนั้นก็โค้งให้แก่พวกผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเอ่ยอย่างร้อนใจ
“เฮ้ๆ เจ้าหนู นี่เจ้าจะทำอันใดกัน?”
ฉู่หลิวเยว่คลี่รอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ข้าใช้ตัวตนปลอมเพื่อแฝงตัวเข้าสำนัก ตบตาผู้อาวุโสและเพื่อนร่วมสำนักทุกท่าน ต้องขออภัยด้วยจริงๆ”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถูมือไปมา
“ไอหยา! มันจะไปมีอันใดกัน? ความจริงแล้วในสำนักก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้ตัวตนจริงกันเสียหน่อย! เจ้าไม่ได้ทำอันใดผิด เหตุใดต้องขอโทษด้วย?”
คนที่อยากสมัครเข้าเรียนในสำนักหลิงเซียวมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
คนดีคนเลวปะปนกันไป ตัวตนก็แตกต่างตามไปด้วย
คนที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนตัวตนใหม่เองก็ไม่มีน้อย
เพียงแต่กรณีของฉู่หลิวเยว่ครานี้แค่เกิดเรื่องราววุ่นวายใหญ่โตเท่านั้น สำหรับเหยียนเก๋อแล้ว ความจริงก็นับว่าไม่ใช่ความผิดใหญ่โตกระไร
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนลูบเคราของตนไปมา ก่อนจะผงกศีรษะพลางเอ่ยว่า
“มิผิด ขอแค่มิทำสิ่งใดที่เป็นการละเมิดกฎ ปกติแล้วสำนักก็ไม่ไล่กวดกับอันใดพวกนี้หรอก อีกอย่างในช่วงที่เจ้าอยู่ในสำนักก็สร้างคุณงามความดีใหญ่หลวงไว้หลายครั้งทีเดียว”
แล้วก็มีปัญหาน้อยใหญ่อีกนับไม่ถ้วน แต่ว่าส่วนนี้ย่อมมิอาจพูดออกไปได้
“มิว่าเจ้าจะเป็นฉู่เยว่หรือซั่งกวนเยว่ก็ล้วนแต่เป็นศิษย์สำนัก สำนักจะคอยปกป้องเจ้าเอง”
พูดไปพลาง ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็กวาดสายตามองรอบๆ คราหนึ่ง
ความนัยที่ซ่อนเร้นเอาไว้ชัดเจนอย่างมาก
สำนักหลิงเซียวของพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ใส่ใจเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ปลอมแปลงตัวตน แล้วใครหน้าไหนจะกล้ามาขวาง!
ฉู่หลิวเยว่พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกัน ในใจก็บังเกิดความตื้นตัน
ทว่าในตอนนั้นเอง สุ้มเสียงที่ฟังดูแล้วทะนงตนอยู่ไม่น้อยสายหนึ่งพลันดังแว่วขึ้นมา
“เรื่องของถ้ำปีศาจทมิฬนับว่าชัดเจนแล้ว ส่วนปกปิดตัวตน…พวกเราเองก็ได้รู้กันถ้วนหน้าแล้ว แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เจ้ายังมิได้พูดให้ชัด ซั่งกวนเยว่ สรุปแล้วหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์อันนั้นอยู่ภายในร่างของเจ้าหรือไม่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...