บทที่ 1554 ทำสำเร็จ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ตอนนี้ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1554 ทำสำเร็จ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะได้รับบาดเจ็บบนร่างกาย แต่โชคยังดีที่มิได้เจ็บถึงแก่นวิญญาณ
ดังนั้นในตอนนี้ สำหรับนางแล้ว การรวมพลังของตนเพื่อซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ทีละน้อยก็มินับว่ายากเกินไปนัก
ภายในความคิดของนาง นางจัดการแบ่งค่ายกลกระสวยสวรรค์ขนาดมหึมาออกเป็นค่ายกลขนาดเล็กจำนวนมาก
ค่ายกลกระสวยสวรรค์กับค่ายกลเหล่านั้นที่อยู่ในม้วนคัมภีร์อักษรเทวาเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นมาด้วยมือของพี่เป่า จึงยากจะหาความแตกต่างของพวกมันได้
แน่นอนว่าข้อนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่ทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
นางย้อนนึกถึงม้วนคัมภีร์อักษรเทวาที่เคยท่องจำไปพลาง ปล่อยพลังปราณดั้งเดิมอย่างรอบคอบไปพลาง ซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่ขาดหายขึ้นมาได้ทีละน้อย!
…
บรรดาฝูงชนต่างก็ตาค้างอ้าปากหวอ
นี่…นี่มันสถานการณ์แบบใดกัน?
เวลาหนึ่งก้านธูปก่อน ฉู่หลิวเยว่ยังเผชิญกับสถานการณ์เป็นตายเท่ากัน ประหนึ่งเนื้อบนเขียงที่รอให้คนสับเป็นชิ้น
เหตุใดสถานการณ์ถึงได้พลิกกลับมาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้กัน?
นางที่กำลังยืนอยู่บนค่ายกลกระสวยสวรรค์ ฝ่ามือสีดำนั่นก็ไร้หนทางเข้าประชิดตัวนางได้อีก
มิต้องเอ่ยถึงจ้องเอาชีวิตนางเลย ตอนนี้แค่ความคิดจะทำร้ายนางก็เกรงว่าล้วนทำได้ยากแล้ว!
จุดสำคัญอยู่ที่ตัวฉู่หลิวเยว่เองเริ่มซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์โดยมิพูดอะไรออกมาสักคำด้วย…
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงนวดเปลือกตาของตนด้วยอดไม่อยู่
“นี่นางหนูเยว่เออร์…ทำเช่นนี้ได้อย่างใดกัน?”
หลังตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ในใจของผู้อาวุโสฮวาเฟิงยิ่งทวีความฉงนและประหลาดใจมากกว่าเก่า
เขาเองก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน อีกทั้งในบรรดาผู้อาวุโสของสำนักแล้ว แน่นอนว่าตัวเขานับเป็นหนึ่งในผู้ที่โดดเด่นที่สุดเลยก็ว่าได้
แต่ต่อให้เป็นเขาเองก็มิกล้ารับประกันว่าตัวเองจะมีพลังถึงขั้นซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ได้
ทว่า…ฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงแต่ทำได้ ทั้งยังดูจะมั่นคงมากอีกด้วย!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมิได้เอ่ยอะไรออกมา
ในใจเขาพอเดาอะไรบางอย่างได้รางๆ แต่ก็มิกล้าฟันธงแน่ชัด
ผู้อาวุโสท่านอื่นเองก็ทยอยจมลงสู่ภวังค์ความคิด
…
ซั่งกวนจิ้งเช็ดคราบเลือดบนมุมปากออก สองตาจ้องเขม็งไปยังฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่บนค่ายกลขนาดมหึมาที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ก่อนจะนิ่วหน้า
เขามิใช่ปรมาจารย์ หากแต่เป็นช่างหลอมอาวุธ
การซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ยากเย็นเพียงใด จะมากน้อยเขาก็ยังพอเข้าใจอยู่บ้าง
ทว่าภาพฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าดูไปแล้วออกจะแปลกประหลาดเกินไปหน่อยจริงๆ
“ผู้อาวุโสซั่งกวน ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”
สุ้มเสียงสายหนึ่งลอยแว่วมาจากทางด้านข้าง
ซั่งกวนจิ้งหันศีรษะไปมอง
“เจ้าสำนักหนานเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าสบายดี”
หนานซู่ไหวผ่อนลมหายใจออกมา
“เช่นนั้นก็ดี”
ไม่ว่าอย่างไร ความอาวุโสของซั่งกวนจิ้งล้วนสูงกว่าฝูงชนในที่นี้แทบทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นบรรพบุรุษของฉู่หลิวเยว่ จึงย่อมต้องให้ความเกรงใจเขาอยู่สามส่วน
“เพียงแต่เยว่เออร์น่ะ…” ซั่งกวนจิ้งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดชะงักลง
หนานซู่ไหวรู้ดีว่าเขากำลังวิตกกังวลถึงสิ่งใด จึงรีบกล่าวปลอบว่า
“ผู้อาวุโสซั่งกวนโปรดวางใจ เยว่เอ๋อร์กระทำเรื่องใดล้วนรู้ขีดจำกัดดี ในเมื่อนางเลือกจะทำเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็รอดูความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ก่อนเถิด บางที…อาจจะสามารถแก้ปัญหาขึ้นมาได้จริงๆ หนา?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของซั่งกวนจิ้งก็ขยับน้อยๆ สายตาหยุดมองบนดวงหน้าของหนานซู่ไหวอยู่พักหนึ่ง
สีหน้าหนานซู่ไหวจริงใจนัก ทั้งยังยอมให้เขาจ้องมองได้ตามใจชอบ
เทียบกับท่าทีตระหนกแลเปี่ยมด้วยความกังวลก่อนหน้าแล้ว เหมือนจะ…มีความแตกต่างอยู่บ้าง
ความคิดของซั่งกวนจิ้งตีรวนไปมา เขาระงับความว้าวุ่นใจลงไป ก่อนจะพยักหน้า
“ได้แต่หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
…
หลังจากหนานซู่ไหวเอ่ยจบไม่นาน ก็มีร่างหนึ่งพุ่งทะยานไปหาหรงซิว
ในตอนนั้น หรงซิวเองก็กำลังมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาสนเท่ห์อย่างถึงที่สุด
แววตาของเขาลึกล้ำนัก ใครต่อใครก็มิอาจคาดเดาได้
เมื่อรับรู้ถึงการมาของหนานซู่ไหว แววตาของหรงซิวขยับไหวน้อยๆ ก่อนมองเขาแวบหนึ่ง
“คารวะเจ้าสำนัก”
หนานซู่ไหวโบกมือเป็นเชิงว่ามิต้องมากพิธี
“เจ้า…เป็นอย่างใดบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...