เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1598

ทันใดนั้นบนหน้าผากขาวเกลี้ยงเกลาของถวนจื่อก็มีสัญลักษณ์ขนาดเท่านิ้วก้อยสีทองคำชาดปรากฏขึ้น

แสงสีทองสว่างไสว ส่องประกายพร่างพราว

ทำให้ใบหน้าเจ้าเนื้อขาวเนียนน่ารักมากยิ่งขึ้น

แม้ว่ารูปร่างของถวนจื่อจะอ้วนกลม แต่ความจริงแล้วก็ดูดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะองคาพยพทั้งห้าที่ยอดเยี่ยม

รอจนกระทั่งนางโตขึ้นอีกหน่อย ใบหน้าที่น่ารักจะต้องงดงามดั่งภาพวาดแน่นอน

ในขณะนี้ระหว่างคิ้วของนางนั้นมีแสงสีทองส่องประกายเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นางดูสง่างามเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

ถ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่ทุกคนมองหน้าถวนจื่อ ความรู้สึกแรกคือน่ารักและชื่นชอบ และต้องการจะเข้าไปหยิกแก้ม

เล็กๆ ของนาง ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้เมื่อมองหน้านางอีกครั้ง จะไม่มีความคิดเช่นนั้นปรากฏขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน

ความชอบก็ยังเป็นความชอบ เพียงแต่ในตอนนี้มีความสูงส่งเพิ่มขึ้นหลายส่วน ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ถวนจื่อยกมือขึ้นแล้วลูบที่กลางหน้าผากของตนเอง

มันร้อนนิดหน่อย แต่ว่า… ทั่วทั้งร่างกายเหมือนกับกำลังแช่บ่อน้ำพุร้อน ทำให้สบายกายเป็นอย่างมาก

นางครุ่นคิดแล้วยื่นมือออกมาด้านหน้า

ม่านพลังโปร่งแสงที่เคยเต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าตกใจหายไปอย่างไร้เสียง กลายเป็นประกายแสงดวงเล็กๆ จนสุดท้ายลำแสงเหล่านั้นก็ไหลเข้าไปในร่างของถวนจื่อ

กระโปรงใบบัวบนร่างกายของนางนั้นก็เหมือนจะสว่างไสวมากขึ้น

ถวนจื่อหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่

ครั้งนี้ไม่มีม่านพลังขวางกั้นอีกต่อไปแล้ว นางพุ่งตัวไปอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว

“อาเยว่!”

นางกอดขาของฉู่หลิวเยว่เอาไว้ ใบหน้ากลมเล็กเงยขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจว่า

“อาเยว่! เจ้าดูสิ! เหมือนว่ากระโปรงของข้าจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมด้วยล่ะ!”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

ทุกคน “…”

เจ้าอัญเชิญจิตวิญญาณบรรพบุรุษมาได้ แล้วยังหลอมรวมกับสัญลักษณ์ของเผ่า ความคิดแรกที่คิดขึ้นมาได้คือสิ่งนี้น่ะหรือ?

ฉู่หลิวเยว่ห้ามใจตัวเองไม่ให้กุมขมับ นางหันหน้ากลับไปมองถวนจื่อ

หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กมองหน้ากัน สายตาทั้งสี่ประสาน

“ถวนจื่อ”

ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกไปจิ้มที่หน้าผากของอีกฝ่าย

“นี่คือ… อันใดหรือ?”

ถวนจื่อส่ายหน้า

“ไม่รู้ มันบินเข้ามาเอง”

ขณะที่พูดมันก็ลูบหน้าผากตัวเองเล็กน้อย

“เหมือนว่าจะเอาไม่ออกด้วยน่ะสิ”

ทุกคน “…”

เกินไปแล้ว!

แบบนี้มันเกินไปแล้ว!

เกียรติยศเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาคงน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งไปตั้งนานแล้ว แต่ว่าเจ้า! ยังคิดจะเอามันออกอีกหรือ?

คนบางกลุ่มที่มีความตื่นเต้นเริ่มกลอกตามองบน

และยังมีคนบางกลุ่มกัดฟันกรอด รู้สึกแค้นเคืองที่ไม่มีโชคชะตาเช่นนี้บ้าง

แต่อย่างใดก็ตามบรรยากาศนี้มันแปลกประหลาดมาก

“นั่นคือจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ”

อี้เจาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ภายใจมีความสับสนมากยิ่งขึ้น ในที่สุดก็พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

จิตวิญญาณบรรพบุรุษ?

นั่นมัน…

“ในตอนนั้นบรรพบุรุษเสียชีวิตขณะสักการะสวรรค์ จึงเหลือเพียงจิตวิญญาณสายหนึ่ง เป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าข้า หลายปีที่ผ่านมานี้ มีเพียงตอนที่ประมุขเข้าครองตำแหน่งเท่านั้นที่จะสามารถอัญเชิญออกมาได้”

อี้เจามองถวนจื่อด้วยแววตาซับซ้อน

“แต่… ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้มาก่อนเลย”

ครั้งนี้จิตวิญญาณบรรพบุรุษไม่เพียงแค่ออกมาเท่านั้น แต่ยัง… เข้าไปอยู่ที่กลางหน้าผากของถวนจื่อแล้วกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง

นั่นหมายความว่าอย่างใด?

ฉู่หลิวเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก

เมื่อพูดเช่นนี้หมายความว่า สัญลักษณ์สีทองคำชาดที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก

อี้เจาบอกว่ามีเพียงแค่ตอนที่ประมุขได้ครองตำแหน่งเท่านั้น ถึงจะสามารถอัญเชิญออกมาได้

หากนางต้องการคุยกับพวกเขาอย่างเสมอภาค นางถึงกับต้องเอาความตายของตัวเองมาขู่

แต่ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือน สถานการณ์กลับพลิกผันโดยสิ้นเชิง!

ตอนนี้ฝ่ายได้เปรียบกลับเป็นนางและถวนจื่อ

อี้เจาและคนอื่นๆ นิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างใด

ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่พูดไม่จา ทำได้เพียงรอคอยอย่างเงียบสงบ

ไม่ว่าอย่างใดคนที่รีบร้อนก็ไม่ใช่นาง

แน่นอนว่าคนที่ผ่อนคลายที่สุดคือถวนจื่อ

หลังจากสัญลักษณ์นั้นตกลงที่กลางหน้าผากของนางมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว นางก็ไม่ได้สนใจอันใดมันอีก ถวน

จื่อจึงอยู่ในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่อย่างเชื่อฟัง พร้อมกับกอดคอนางเอาไว้ นางขยับตัวเข้าไปอย่างใกล้ชิด และถูไถใบหน้าซั่งกวนเยว่เป็นครั้งคราว

หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดถวนจื่อก็ทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้นว่า

“อาเยว่ ข้าง่วงนอนแล้ว…”

นางขยี้ตาตัวเอง พร้อมส่งน้ำเสียงออดอ้อน

“เมื่อไรพวกเราจะไปได้ล่ะ?”

ขณะที่พูดก็ยังถูไถตัวอยู่ในอ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่

“ไปกันเถอะ! พวกเรากลับบ้านกัน!”

อี้เจาและคนอื่นๆ เห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว!

แต่เมื่อพวกเขาคิดได้ว่าตอนนี้จิตวิญญาณบรรพบุรุษยังอยู่ในร่างกายของถวนจื่อ แล้วนางก็ยังออดอ้อนคนเผ่ามนุษย์อีกด้วย ผู้อาวุโสหลายคนมีชีวิตอยู่หลายพันปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย แต่หัวใจแทบจะวายในทันที

อี้เจาสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองไปทางฉู่หลิวเยว่

“เจ้าพูดเงื่อนไขมาเถอะ”

ฉู่หลิวเยว่ผงะไป

“อันใดนะ?”

อี้เจาพูดขึ้นว่า

“ในเมื่อถวนจื่อได้รับการแต่งตั้งจากบรรพบุรุษแล้ว เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางก็คือนายน้อยของเผ่าเรา หลังจากนางเติบโตเต็มที่ ตำแหน่งประมุขนี้ก็จะเป็นของนาง หลังจากนี้เจ้าก็จะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของเผ่าเรา เจ้ามีเงื่อนไขอันใด ข้าจะพยายามทำให้เจ้าพึงพอใจที่สุด”

“แต่ เจ้าต้องยกเลิกพันธสัญญากับถวนจื่อ”

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์