เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1612

……….

พิธีสำคัญเช่นนี้ เผ่าหงส์ทองคำจะยินยอมให้มนุษย์ผู้หนึ่งอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงได้อย่างใด?

เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้มีปัญหา

“เจ้าหมายถึง…”

โหมวเหยารู้สึกดีใจขึ้นมาในคราวแรก แต่ต่อมาก็ลังเลไปเล็กน้อย

“เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ละมั้ง… ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นมีฐานะไม่ต่ำต้อย หากเผ่าหงส์ทองคำทำอันใดเกินควร เช่นนั้น… เกรงว่าเผ่ามนุษย์ก็คงจะไม่เห็นด้วย”

โหมวหยางพยักหน้า

“เรื่องนี้ข้ารู้สึกว่ามันแปลกประหลาด”

จากการคาดเดาของเขา อี้เจาน่าจะให้ซั่งกวนเยว่ยกเลิกพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวนั้น แต่เนื่องจากเขาพิจารณาด้วยสาเหตุหลายประการ พวกเขาน่าจะไม่ได้หมายเอาชีวิตของซั่งกวนเยว่จริงๆ

เรื่องนี้แก้ไขได้ไม่ยาก และใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือน

บอกก่อนว่าตอนนี้งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษของพวกเขาก็ยังดำเนินอยู่

ซั่งกวนเยว่อยู่ที่นั่น ไม่แน่ว่าอาจจะเข้าร่วมงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ?

แต่ว่ามันก็ไร้สาระมากเกินไปแล้ว!

“ซั่งกวนจิ้งรออยู่ด้านนอกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงมาโดยตลอด ไม่ได้ติดตามเข้าไปด้วย”

โหมวหยางหลุบหน้าลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่

“คนของพวกเราไม่สามารถเข้าใกล้ได้มากเกินไป จึงสามารถสืบได้เท่านี้”

อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลสองเผ่าพันธุ์มีการต่อสู้แข่งขันกันมาโดยตลอด ดังนั้นจึงใส่ใจความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของอีกฝ่าย

แต่พวกเขาก็ยังมีกฎเกณฑ์ที่ยึดถือกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณนั่นคือห้ามล้ำอาณาเขตของอีกฝ่ายโดยพลการ

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้หงส์ทองคำจัดงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ พวกเขาจึงมีความระมัดระวังตัวมากขึ้นเป็นพิเศษ

ดังนั้นข้อมูลที่สืบได้จึงมีเพียงเท่านี้

“หากซั่งกวนจิ้งยังคงรออยู่ เช่นนั้นก็หมายความว่าซั่งกวนเยว่ยังไม่เป็นไร…”

โหมวเหยารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา

“ไม่ว่าแผนการของพวกเขาจะเป็นอย่างใด ศักดิ์ศรีของเผ่าหงส์ทองคำก็ไม่สามารถท้าทายได้ ครั้งนี้ซั่งกวนเยว่จะต้องยกเลิกพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวนั้นอย่างแน่นอน แต่ทว่าอินทรีสามตาตัวนั้น… ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจัดการอย่างใด”

ครั้นพูดถึงตรงนี้สีหน้าของโหมวเหยาก็เปลี่ยนไป เขาหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา

“ถ้าท่านประมุขไม่พูดข้าก็เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว อี้เจาเย่อหยิ่งขนาดนั้น? คนของเผ่าตนเองทำพันธสัญญากับมนุษย์ก็นับว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังมีเจ้านายคนเดียวกับอินทรีสามตา เรื่องนี้เป็นความอัปยศอดสูงอย่างมาก! ข้าคิดว่าเขาจะต้องสังหารอินทรีสามตาตัวนั้นอย่างแน่นอน!”

โหมวหยางพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

“หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ดีไม่น้อย หลังจากนี้พวกเราก็สามารถหาโอกาสแย่งโครงกระดูกนั้นกลับมาได้”

ด้วยวิธีการเช่นนี้ก็จะสามารถกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาได้แล้ว

“ช่างเถอะ รออีกหน่อยแล้วกัน”

โหมวหยางส่ายหน้า

ขอเพียงแค่ไม่มีอันใดผิดพลาด เรื่องก็จะเป็นตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้

“เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้ดีเถอะ”

เมื่อพูดจบ โหมวหยางก็หมุนตัวเตรียมตัวจากไป

“ประมุข!”

โหมวเหยารีบตะโกนเรียกเขาในทันที

โหมวหยางชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามอง

“มีอันใดหรือ?”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว โหมวเหยาก็รู้สึกเก้อกระดากเล็กน้อย

“ข้า… ร่างกายของข้าฟื้นตัวได้พอประมาณแล้ว สามารถไปจัดการงานหมื่นคีรีได้แล้ว…”

สิ่งที่เรียกว่างานหมื่นคีรีนั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จุดประสงค์หลักคือให้คนรุ่นใหม่เข้าร่วมทดสอบ เพื่อคัดเลือกคนส่วนหนึ่งเข้าไปฝึกฝนในแดนศักดิ์สิทธิ์บรรพชน

อีกทั้งพวกเขาจะได้รับทรัพยากรในการฝึกฝนไม่เหมือนกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับคะแนนของพวกเขา

ซึ่งผู้ที่โดดเด่นจะมีโอกาสสืบทอดตำแหน่งประมุขคนต่อไปได้

ก่อนหน้านี้โหมวเหยาเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้มาโดยตลอด

สีหน้าโหมวหยางดูดีขึ้นเล็กน้อย

เขาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“งานหมื่นคีรีมีโหมวจื๋อคอยจัดการเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเรื่องทั่วไปก็เตรียมเสร็จสมบูรณ์แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล แค่พักผ่อนให้ดีไปก็พอ”

หัวใจของโหมวเหยาดำดิ่ง และเห็นว่าโหมวหยางเดินจากไปในทันที

นี่กำลัง… ยึดอำนาจคืนอย่างนั้นหรือ?

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาระเบิดความโกรธอันบ้าคลั่งออกมา! อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเคียดแค้นอย่างลึกซึ้ง!

ถ้าไม่ใช่เพราะซั่งกวนเยว่ เรื่องทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างใด?

นางทำได้เพียงยืนนิ่งๆ แต่อีกฝ่ายกลับสามารถมองนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!

ไม่ว่าจะเป็นการโกหกหรือการปกปิดใดๆ ในเวลานี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องไร้ผลเป็นอย่างมาก

“ในเมื่อมันยอมรับเจ้าเป็นเจ้านายแล้ว การตามหาอีกส่วนที่เหลือนั้นก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของเจ้า”

ทันทีที่สิ้นเสียง เปลวเพลิงสีทองชาดกลุ่มหนึ่งก็ลอยออกมาจากภาพวาดฝาผนังนั้น! แล้วพุ่งตรงมายังฉู่หลิวเยว่!

พรึ่บ!

กระแสเสียงแหวกอากาศดังขึ้น!

ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่มีลำแสงสีทองสว่างวาบ!

ในขณะนั้นเองนางก็ต้องล่าถอยออกไปอย่างไม่รู้ตัว!

และขณะเดียวกันนั้นภายในสมองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

นางได้ยินไม่ชัดเจนว่าเสียงนั้นกำลังพูดว่าอันใด แต่กลับรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างใด

นางกลั้นหายใจลงในทันที และสั่งให้ตนเองหยุดยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อน!

เปลวเพลิงกลุ่มนั้นลอยมาหยุดตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ภายในชั่ววินาที!

ซึ่งมีระยะห่างเพียงหนึ่งกำปั้นเท่านั้น!

อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น แทบจะทำให้ผมที่อยู่ตรงหน้าผากของฉู่หลิวเยว่นั้นลุกไหม้!

ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ดวงตาของนางนั้นสะท้อนกับเปลวเพลิงอันเจิดจ้า!

ทันใดนั้นเองเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นดึงถวนจื่อออกไปด้านข้าง

ถวนจื่อพยายามดิ้นรนจากมือนั้น น่าเสียดายที่พลังของนางนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษกลับไม่มีประโยชน์เลย

ตู้ม!

ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังขึ้น เป็นเปลวเพลิงกลุ่มนั้นที่ระเบิดขึ้น! กลายเป็นสะเก็ดลูกไฟจำนวนนับไม่ถ้วน และตกอยู่บริเวณโดยรอบของฉู่หลิวเยว่!

ภายในชั่วพริบตาเปลวเพลิงเหล่านั้นก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของนาง!

ความรู้สึกแสบร้อนปกคลุมทั่วทั้งร่างกายในทันที!

“อ๊าก!”

ฉู่หลิวเยว่ร้องคร่ำครวญออกมา ความเจ็บปวดที่น่ากลัวแทบจะทำให้นางหมดสติไปโดยตรง!

แต่ในขณะเดียวกัน ตรงกลางหน้าผากของนางกลับมีลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน!

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์