………………..
หินตกลงน้ำก้อนเดียวทำให้เกิดระลอกคลื่นนับพัน!
สีหน้าของทุกผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!
ชื่อของหรงซิวนั้น ส่วนใหญ่พวกเขาก็เคยได้ยินมาแล้ว
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ แม่นางคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นซั่งกวนเยว่!
ก่อนหน้านี้ ภายในเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ชื่อเสียงเรียงนามนี้โด่งดังกว่าหรงซิวเป็นอย่างมาก
“ซั่งกวนเยว่? คนที่อยู่ในสำนักหลิงเซียวคนนั้นน่ะหรือ?”
“นางนั่นแหละ! ได้ยินมาว่าซั่งกวนจิ้งคือบรรพบุรุษของนาง ในปีนั้นหลังจากซั่งกวนจิ้งขโมยโครงกระดูกชิ้นนั้นของเผ่าเราไป ตอนนี้โครงกระดูกชิ้นนั้นก็ยังอยู่กับซั่งกวนเยว่! ก่อนหน้านี้ที่ผู้อาวุโสโหมวเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เพราะนาง!”
“นี่มัน…ดูเหมือนว่านางจะอยู่ในระดับเทพขั้นสูงเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ฝีมือของผู้อาวุโสโหมวเหยาแข็งแกร่งปานนั้นเหตุใดถึงตกเป็นรองนางได้ล่ะ?”
“ชู่ว! เบาเสียงหน่อย! ไม่เห็นหรืออย่างใดว่าสีหน้าของผู้อาวุโสโหมวเหยาย่ำแย่มากแค่ไหนแล้ว?”
“…แต่ข้าก็พูดความจริงนี่นา ข้าสงสัยซั่งกวนเยว่ผู้นั้นแข็งแกร่งตรงที่ใดกัน?”
“แข็งแกร่งตรงที่ใด…หึ วันนี้นางมาที่เกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง ความกล้าขนาดนี้คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้หรือ?”
“จะว่าไปแล้วก็จริง! แต่ว่าที่นางมาในครั้งนี้ เกรงว่าผู้อาวุโสโหมวเหยาคงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่นอน?”
ทุกคนซุบซิบกันขึ้นมา
แม้ว่าพวกเขาจะกดเสียงต่ำ แต่บุคคลภายในที่แห่งนี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง แล้วจะไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ได้อย่างใด?
โหมวเหยากำหมัดกรอด บนหน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน
คำพูดเหล่านี้ช่างไม่น่าฟังเสียจริง!
หากเป็นก่อนหน้านี้ ต่อให้พวกเขาคิดเรื่องเหล่านี้ในใจ ก็ไม่มีทางกล้าพูดออกมาต่อหน้าเขาเช่นนี้เด็ดขาด
แต่ในตอนนี้นั้นไม่เหมือนกันแล้ว
คนเหล่านี้ดูถูกดูแคลนเขาได้ในทันที
โหมวเหยารู้สึกโมโหจนทนไม่ได้ สุดท้ายเขาก็โทษว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของแม่นางคนนั้น!
หากไม่ใช่เพราะนาง เขาจะมาตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างใด!
ความทุกข์ทรมานทั้งหมด ซั่งกวนเยว่จะต้องรับกลับคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า!
เมื่อเห็นแววตาแห่งความเคียดแค้นชิงชังที่ปิดไม่มิดของโหมวเหยา เดิมทีฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกตื่นตระหนกมากพออยู่แล้ว กลับผ่อนคลายลงมากอย่างไม่สามารถอธิบายได้
…ไม่ว่าอย่างใดก็ตามนางได้ล่วงเกินไท่ซวีเฟิ่งหลงไปแล้ว
จะตื่นตระหนกไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด?
ถ้าเช่นนั้นก็สู้เผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างสงบจะดีกว่า ดูสิว่าพวกเขาจะทำอย่างใดได้อีก!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ความกดดันที่อยู่ภายในใจของฉู่หลิวเยว่ก็ลดลงไปอย่างมาก
ริมฝีปากแดงของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับโหมวเหยาด้วยรอยยิ้มว่า
“ผู้อาวุโสโหมวเหยา ไม่เจอกันนานเลยนะเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าท่านจะจดจำผู้เยาว์ได้ด้วย”
โหมวเหยาโกรธมากจนแทบจะหายใจไม่ออก
พูดแบบนี้มันหมายความว่าอย่างใดกัน?
นางทำร้ายเขาจนมีสภาพเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อถึงตอนนี้คาดไม่ถึงว่านางจะยังพูดเช่นนี้ออกมาได้!
เขาหัวเราะเสียงเย็นหนึ่งเสียง แล้วกัดฟันกรอด คำพูดแต่ละคำเหมือนเล็ดลอดออกมาจากซอกฟัน ทั้งนี้ยังแฝงด้วยความเคียดแค้นอย่างสุดซึ้ง
“ผู้เฒ่าอย่างข้าไม่เพียงจดจำเจ้าได้ แต่ข้ายังจดจำการกระทำทุกสิ่งอย่างของเจ้าได้อย่างชัดเจน!”
กล่าวในอีกนัยหนึ่งหมายความว่า บัญชีความแค้นของนางกับเขา เขาไม่มีทางลืมเลือน!
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กดยิ้มลึกขึ้น ทำราวกับว่านางฟังความหมายแฝงที่อยู่ในนั้นไม่ออก
“เช่นนั้นก็คงทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว!”
“ซั่งกวนเยว่! เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้พูดอันใดออกมา แต่ก็มีเสียงอันน่าเกรงขามและราบเรียบดังขึ้นจากข้างกายของเขา
“โหมวเหยา”
เมื่อได้ยินดังนั้น โหมวเหยาก็หน้าเปลี่ยนสีไปในทันที ในที่สุดเขาก็กัดฟันกรอดแล้วนั่งลงที่เดิม
เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ตาเขม็งเช่นเดิม
หากสายตาของเขาสามารถกลายเป็นมีดได้ เกรงว่าฉู่หลิวเยว่จะถูกเขาลงทัณฑ์ด้วยทัณฑ์เลาะกระดูกไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...