เมื่อเขานึกบางอย่างได้ ร่างก็หายวับจากจุดเดิมไปในทันที!
“นายท่าน!”
เฉิงอีพูดอย่างรวบรัด
อู่เหยามองดูสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่นนั่นจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“พี่ใหญ่ ในเวลาเช่นนี้พวกเราไม่ทำอันใดเลยอย่างนั้นหรือ”
สถานการณ์ทางด้านนั้นของนายท่านดูแล้วอันตรายยิ่งนัก!
“ก็ใช่นะสิ! ความว่างเปล่ากำลังพังทลายลงอย่างไม่ขาดสาย ใช้เวลาเพียงไม่นานเกรงว่าท่าเรือดอกท้อทั้งหมดคงจะ…”
อวี๋จิ่วจับกระบี่ไม้ในมือแน่น ด้วยความร้อนใจดุจไฟเผา
แต่สีหน้าของเฉิงอียังคงสงบนิ่งดังเดิม
“หากพวกเจ้าออกไปในตอนนี้ เพียงแต่จะสร้างความวุ่นวายให้กับนายท่าน ไม่สู้รอคอยอยู่ที่นี่ดีกว่ารึ”
อู่เหยาและคนอื่นๆ ต่างลังเลจนทำอะไรไม่ถูก
ฝั่งหนึ่งพวกเขาเป็นห่วงนายท่าน
อีกฝั่งหนึ่งพวกเขาก็เชื่อใจพี่ใหญ่
เห็นท่าทางเฉิงอีเช่นนี้ แทบจะ…ไม่กังวลเลยจริงๆ อย่างนั้นหรือ
“โอ้ว พวกเจ้าวางใจเถอะ! สถานที่อื่นข้าไม่กล้าพูด แต่ถ้าเป็นที่นี่…นายท่านต้องไม่เกิดปัญหาอะไรอย่างแน่นอน!”
ซานซานที่อยู่ด้านข้างทำตามคำสั่งเขา
เขาเคยเห็นด้วยตามาก่อน ด้วยพลังของนายท่านและโล่ในวันนั้นเขาเกือบที่จะเผาพื้นที่สีดำนั่น
ในวันนั้นเขาเกือบเผามิติเล็กๆ ของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว!
แม้ว่าในตอนนี้เปลวไฟของยอดเขาเหล่านี้ดูน่ากลัวอย่างมาก แต่คิดอย่างรอบคอบดูแล้ว ไม่ใช่เป็นนายท่านเองที่จุดชนวนหรอกหรือ
ซานซานคาดเดาได้ลางๆ ในใจว่านายท่านกำลังหาของอะไรบางอย่าง
ตั้งแต่แรกเริ่มที่นางตั้งใจวิ่งไปทางด้านนี้เพื่อหยิบยืมทัณฑ์สวรรค์ที่ก่อเกิดจากพิธีที่เรียกว่าการสังเวยเลือดของสำนักกระบี่ทมิฬ เพื่อแยกภูเขาที่เชื่อมต่อกัน….
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะนายท่านเตรียมการไว้อย่างดีก่อนหน้าแล้วหรือ
“เดิมที่มิติพลังของท่าเรือดอกท้อวุ่นวายสับสนอย่างมาก แต่ถ้าเกิดปัญหาเล็กน้อยขึ้น สถานการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่โดยปกติทั่วไปจะใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้เอง นับประสาอะไรกับตัวนายท่านที่มีไพ่ตายมากมาย การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเช่นนี้ คงไม่พอที่จะทำอะไรนางได้หรอก พวกเจ้าเอาความกังวกลับลงท้องไปสะ!”
ถึงแม้ว่าซันซันในวันปกติ ส่วนใหญ่มักทุ่มเททั้งจิตวิญญาณและพลังทั้งหมดให้กับการค้าขาย แต่กลับจริงจังขึ้นมาในเวลาวิกฤตเช่นนี้ ยังคงน่าเชื่อถืออยู่มาก
บัดนี้นอกจากเฉิงอีแล้ว ในบรรดาสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ เขาคือผู้ที่มีสถานะสูงที่สุด
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้อู่เหยาและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน
ถึงแม้ว่าสามารถมองเห็นความกังวลจากสายตาทั้งสองฝ่าย จนในที่สุดไม่ได้พูดอันใดออกมา ต่างพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ดูนั่น!”
จู่ๆ สิบสามอุทานขึ้นมาทำให้เบนความสนใจ
ดวงตาหลายคู่จ้องมอง
สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือเงาร่างของหรงซิวจู่ๆ ปรากฏตัวบนเหนือยอดเขาอันไกลโพ้น
คลื่นลมไล่ล่าจนชุดคลุมนอกสีขาวดุจหิมะของเขาถลกขึ้นและล่องลอยราวกับเทพเซียน
เปลวไฟสีทองพุ่งขึ้นมาจากฝ่ามือของเขาในทันที จากนั้นกลายเป็นแสงดาวระยิบระยับนับไม่ถ้วนและกระจายไปทุกทิศทาง!
มองจากระยะไกลเหมือนกับค่ายกลหนึ่งหรือตาข่ายขนาดใหญ่
“น้ำแข็งค้าง!”
เสียงที่เยียบเย็นและทุ้มต่ำได้แผ่กระจายไปไกลระหว่างสวรรค์และโลกที่กำลังมืดดำลง!
เมื่อคำพูดนี้ของเขาร่วงโปรยลงมา ความว่างเปล่าที่กำลังพังทลายไม่หยุดนั่นกลับนิ่งค้างในทันที!
รอยแตกของมิติอันมืดดำเหมือนถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองที่รวมตัวกันกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ จึงหยุดความเสียหายนั่นไว้ได้!
ในช่วงพริบตาภาพตรงหน้าราวกับหยุดนิ่ง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...