………………..
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นๆ วางแผนจะหลบหนีจากความวุ่นวายนี้ แต่ก็ถูกพลังที่บ้าคลั่งพุ่งกลับมาจนเสียหาย!
เห็นท้องฟ้าที่กำลังพังทลายลงเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงถล่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลั่วเหยี่ยนรู้สึกเพียงร่างกายตนเองเหมือนถูกฉีกและรัดคอจากพลังนับไม่ถ้วน
เขาโคจรพลังอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างค่ายกลคลุมรอบตัวเขา!
แต่พลังที่โจมตีอย่างน่ากลัวนั่น ยังคงสร้างความหวาดผวาต่อผู้คน!
แม้แต่พวกเขายังต้องรวบรวมพลังทั้งหมดภายในร่างกายถึงสามารถฝืนยึดมั่นให้อยู่ทีเดิมได้โดยไม่ถูกพลังจากทุกทางพัดออกไป!
ลั่วเหยี่ยนกำมือทั้งคู่ไว้แน่น หัวใจเต้นแรงจนแทบจะออกมาจากอก!
ค่ายกลท่าเรือดอกท้อได้พังทลายลง พวกเขาไม่มีทางออกไปได้แล้ว!
สำนักกระบี่ทมิฬและฉู่หลิวเยว่ต้องการฝังทุกคนไปพร้อมกับพวกเขา!
…
ในขณะเดียวกันทุกคนในเมืองต่างรับรู้สึกความผิดปกติ จึงค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นไปมอง
“แย่แล้ว! ค่ายกลของท่าเรือดอกท้อถูกทำลายแล้ว!”
เมื่อคำนั่นเอ่ยออกมาคนนับไม่ถ้วนเริ่มตื่นตระหนกและรีบหลบหนีออกจากท่าเรือดอกท้อ
อีกทั้งพลังระหว่างสวรรค์และโลกไร้การควบคุมโดยสิ้นเชิง!
ผู้ที่พลังแข็งแกร่งอยู่บ้างเล็กน้อยยังสามารถยึดให้มั่นเอาไว้ได้ แต่หากพลังไม่แข็งแกร่งพอก็จะเริ่มเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ขึ้น
ใบหน้าขาวซีด หายใจติดขัด และไม่อาจทนต่อแรงบีบคั้นของพลังมิติที่พลังทลายลงอย่างรวดเร็วนี้ได้
จนกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ในที่สุดสถานการณ์ก็เลวร้ายอย่างมาก
ในสำนักกระบี่ทมิฬมีแต่คนตายมากมายนับไม่ถ้วน
ความตั้งใจของทุกคนในเมืองก่อนหน้านี้ ทั้งหมดต่างเร่งรีบมาและล้อมสำนักกระบี่ทมิฬเอาไว้ ทั้งสองฝ่ายเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงดุเดือดขึ้น!
คนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
ภายในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่หนาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
สำนักกระบี่ทมิฬต้องการฆ่าพวกเราทั้งหมด!”
ต้วนชิงเฉวียนเป็นคนแรกที่ตอบโต้และตะโกนด้วยเสียงทุ้ม!
ทุกคนค่อยๆ มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา
ใช่!
ถ้าหากสำนักกระบี่ทมิฬไม่ยืนกรานที่จะไล่ฆ่าหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่ ถ้าหากพวกเขาไม่สร้างค่ายกลที่แปลกประหลาดและน่ากลัวนั่น ถ้าหากไม่สนใจและไม่ทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ที่พลังแปลกประหลาดนั่น
ค่ายกลของท่าเรือดอกท้อจะพังทลายลงได้อย่างใด!
ทุกคนคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ทั้งความเป็นและความตายเช่นนี้!
ความโกรธและความแค้นที่รุนแรงได้เติมเต็มหัวใจของทุกคน!
ที่แท้คนของสำนักกระบี่ทมิฬกำลังตกอยู่สภาวะไร้กำลังและหมดหนทางจนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เหน็บหนาวและตึงเครียด จนพวกเขารู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเวลาเช่นนี้มาถึงพวกเขาจึงเข้าใจว่ามั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ ไม่คิดที่จะกลับมาช่วยพวกเขา
แม้กระทั่งความเป็นความตายของพวกเขาก็ไม่ได้สนใจ!
“ค่ายกลพังทลาย จนพวกเราถูกปิดล้อมอยู่ที่นี่แล้ว!”
คนกลุ่มแรกที่ตอบสนองด้วยการพยายามหลบหนีจากท่าเรือดอกท้อ ทั้งหมดถูกหยุดด้วยความวุ่นวายในมิติที่ทับซ้อนกัน
ในกลุ่มพวกเขายังมีบางคนที่ถูกกลืนกินอย่างโหดเหี้ยมจากความว่างเปล่าที่พังทลาย และไม่สามารถออกมาได้อีก
เมื่อได้ยินเสียงคนเหล่านี้ที่ต่อสู้ดื้นรนและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก่อนตาย คนด้านหลังจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความขี้ขลาดออกมาก
“แย่แล้ว…ท่าเรือดอกท้อจบสิ้นแล้ว! วันนี้พวกเราจะตายอยู่ที่นี่!”
“ต่อให้วันนี้ข้าต้องตาย ก็จะลากคนที่อยู่เบื้องหลังของสำนักกระบี่ทมิฬออกมา!”
ในกลุ่มคนที่เงียบไป มิรู้ว่าเป็นใคร จู่ๆ ก็พูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยเสียงตะคอกอย่างรุนแรง
ประโยคนี้เหมือนประกายไฟที่ร่วงหล่นลงมาและเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นในทันที!
การต่อสู้กันของทั้งสองฝ่ายยิ่งรุนแรงมากขึ้น!
เมื่อคนของสำนักกระบี่ทมิฬต้องเสียเปรียบ ในเวลานี้ผู้คนโกรธเคืองและยิ่งพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ!
…
ไม่เพียงแต่สำนักกระบี่ทมิฬเท่านั้น ในขณะนี้ท่าเรือดอกท้อทั้งหมดได้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายแล้วเช่นกัน
บนทางคนมากมายนับไม่ถ้วนต่างวิ่งหนีไปมา
แต่ละคนเหยียบกัน ชนกัน ฆ่ากัน…เกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
เมื่อรับรู้ว่าท่าเรือดอกท้อกำลังเข้าสู่วิกฤตความเป็นความตายจึงไม่มีใครที่ควบคุมสติอารมณ์ได้
ในตอนแรกยังมีคนมากมายที่พยายามหลบหนีออกจากค่ายกลที่พังทลาย แต่หลังจากที่มีคนกลุ่มแรกตายไป จากนั้นผู้คนทางด้านหลังจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี
พวกเขาหนีไปเพื่อมีชีวิตรอด ไม่ใช่เพื่อตาย!
ผู้คนมากมายเลือกที่จะยอมแพ้อย่างสิ้นหวัง
…
ลานภายในสำนักกระบี่ทมิฬต้วนชิงเฉวียนชำนาญการใช้มีดอย่างรวดเร็ว

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...