สำนักเทียนลู่ทุกคนต่างเงียบเสียงไป
ส่วนคนอื่นๆ ก็สัมผัสถึงเรื่องนี้ได้ จึงลดเสียงซุบซิบลง
“คาดไม่ถึงว่าสำนักเทียนลู่จะเหลือแค่เด็กใหม่คนเดียว เกรงว่าตอนนี้น่าจะคว้ารางวัลอันใดไม่ได้เลยล่ะมั้ง!”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ! ได้ยินมาว่าคนคนนั้นคือคุณชายใหญ่ของตระกูลซือ มีพรสวรรค์ในระดับปรมาจารย์เลยล่ะ บางทีเขาอาจจะจะพลิกสถานการณ์ได้ก็ได้นะ”
“แต่ข้าว่ายาก! เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขายังไม่ผ่านด่านที่สี่? ส่วนเซิ่นอีหมิงกับซูไป๋ก็ใกล้จะผ่านด่านสุดท้ายแล้ว”
…
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ซือถิงก็วางหมากลงไปภายในครั้งเดียว!
ตุ้บ!
บนกระดานด้านหน้าของเขา มีดาวดวงที่สี่ปรากฏขึ้นมา!
ตอนนั้นเองทุกคนก็เงียบเสียงไปทันที พวกเขาคิดไม่ถึงว่าซือถิงจะสามารถผ่านด่านที่สี่ในตอนนี้!
นอกจากเซิ่นอีหมิงกับซูไป๋ที่ยืนอยู่ด้านหน้า ตอนนี้เขาอยู่ลำดับสามคนแรกแล้ว!
ซุนจ้งเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ความสามารถของซือถิงนั้น เขาที่เป็นฐานะอาจารย์ล้วนรู้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้เขาหลบซ่อนความสามารถของตัวเองมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้ เหมือนว่าเขาก็ต้องการแย่งตำแหน่งชนะเลิศเช่นกัน
…
หลังจากซือถิงเข้ามาถึงด่านสุดท้ายแล้ว เขาก็รู้สึกสงบลงมาก แต่ผู้คนที่อยู่รอบๆ กลับรู้สึกประหลาดใจแทน
ทั้งเซิ่นอีหมิงกับซูไป๋อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามามอง สีหน้าของพวกเขาก็แสดงความแปลกใจเล็กน้อย
เหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาจะประเมินซือถิงผู้นี้ต่ำไปเสียหน่อย…
ซีหว่านหว่านที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้างามของนางก็เหมือนมีม่านน้ำแข็งปรากฏขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
เดิมทีแล้วนางก็มั่นใจในตัวเองมาก แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะโดนเด็กใหม่คนหนึ่งแซงหน้านางไป
นางจึงอดพูดไม่ได้ว่า
“ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะเก่งกาจเช่นนี้”
ซือถิงเหลือบตามองนาง พร้อมพยักหน้าโดยไม่แสดงสีหน้าอันใด
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
เมื่อพูดจบเขาก็ถอนสายตากลับมา พร้อมมองไปที่กระดานหมากรุกที่อยู่ด้านหน้าอีกครั้ง
ค่ายกลด่านสุดท้ายนั้น ยากกว่าการทะลวงด่านสี่ในครั้งก่อนอีก ถ้าหากไม่รวบรวมจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน เกรงว่าจะทำให้มันทะลวงด่านนี้ได้ยาก
เมื่อซีหว่านหว่านเห็นปฏิกิริยาตอบรับของเขา นางก็รู้สึกโมโหมากขึ้น และรู้สึกว่าซือถิงผู้นี้ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลย
แค่อยู่ด้านหน้านางเพียงเล็กน้อย ยังกล้าอวดดีขนาดนี้เลยหรือ?
ซีหว่านหว่านรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ใบหน้าของนางกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกอันใดออกมา
ตอนนี้นางควรจะรีบทะลวงด่านที่สี่ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า…
แต่ว่า ยิ่งนางตื่นเต้นมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งหาวิธีทะลวงค่ายกาลนี้ไม่เจอ
ไม่ต้องพูดถึงเซิ่นอีหมิงกับซูไป๋ พวกเขาทั้งสองล้วนมีชื่อเสียง หากแพ้ให้กับเด็กใหม่อย่างซือถิง แบบนั้นคงขายหน้ามาก
แต่ตอนนี้เขานำหน้านางไปแล้ว!
ซีหว่านหว่านรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าซือถิงเริ่มวางหมาก ราวกับว่ากำลังเริ่มจะทดลองทะลวงค่ายกลแล้ว
นางหันไปมองเซิ่นอีหมิงหนึ่งครั้ง แต่เห็นว่าเขากำลังจ้องหมากกระดานอยู่ และนิ่งค้างไปโดยที่ไม่ขยับตัว ราวกับว่าเขากำลังลังเลอยู่
นางจึงกัดริมฝีปาก
ถ้านางแพ้เองก็ช่างเถอะ แต่….เซิ่นอีหมิงรอคอยวันนี้มาตั้งนานแล้ว
ราวกับว่าเซิ่นอีหมิงกับซูไป๋รับรู้ได้ว่าซือถิงกำลังจะทำอันใด จึงมองหน้าเขาอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าซือถิงมีสีหน้าราบเรียบ ท่าทางของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที แน่นอนว่าปรมาจารย์ทั้งหลายต่างดูออกว่าเขาทำเป็นจริงๆ หรือว่าแสร้งทำ
คาดไม่ถึงว่าความสามารถของซือถิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้?
ซูไป๋หัวเราะขึ้นมาเบาๆ อย่างไม่มีสาเหตุ คาดไม่ถึงว่าเขาจะเริ่มลองแล้ว เขาจึงกระซิบเสียงต่ำว่า
“น่าสนใจ”
เซิ่นอีหมิงและซีหว่านหว่านสบตากันครู่หนึ่ง พวกเขาต่างเห็นความกังวลในสายตาของกันและกัน
ซีหว่านหว่านเม้มริมฝีปากแน่น
เซิ่นอีหมิงจะแพ้ไม่ได้…
นางหลับตาลงจากนั้นก็จ้องกระดานหมากรุกอีกครั้ง นางกลับรู้สึกว่าลวดลายอักขระที่อยู่ตรงหน้าดูยุ่งเหยิงอย่างมาก
นางกลั้นหายใจและขมวดคิ้วแน่น นางรู้ตัวนางดีว่านางมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์