ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 247

ซูไป๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที แต่ว่ามันสายไปแล้วหนึ่งก้าว

โครม!

กระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้าได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากเซิ่นอีหมิงและพลิกคว่ำในทันที!

ตอนแรกเขาสามารถทะลวงค่ายกลได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่มันก็ล้มระเนระนาดภายในพริบตา!

ใบหน้าของซูไป๋ทั้งซีดขาวและเขียวคล้ำทันที!

เซิ่นอีหมิงตั้งใจ!

เมื่อเขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้และกำลังจะพ่ายแพ้ เขากลับฉวยโอกาสทำลายค่ายกลของคนอื่นโดยตรง เพื่อหยุดการแข่งขันครั้งนี้!

ซูไป๋หันขวับไปมองที่เซิ่นอีหมิงอย่างรวดเร็ว

เซิ่นอีหมิงยืนห่างจากเขาไม่ไกลมาก และได้รับผลกระทบมากที่สุด จากนั้นเขาก็ล้มไปที่พื้นทันที พร้อมกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่

แต่ว่านอกจากหมากรุกที่กระจัดกระจายเต็มพื้นแล้วนั้น ในใจของเซิ่นอีหมิงกลับมีความสุขขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ตอนนั้นเองที่ทุกอย่างไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว

เหตุการณ์เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอย่างกะทันหัน จึงสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างดีทีเดียว

ฝูอวิ๋นซานหันไปมองเซิ่นอีหมิง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?!”

ใบหน้าของเซิ่นอีหมิงมีประกายความรู้สึกผิดอยู่

“ทะ…ท่านเจ้าสำนัก..ข้าขอโทษขอรับ…เป็นเพราะความผิดพลาดของข้า…เรื่องมันถึงได้เป็นเช่นนี้…”

“เจ้าพูดน่ะมันง่าย แต่กระดานของซูไป๋ถูกทำลายไปหมดแล้ว! แล้วควรจะทำอย่างไรต่อไป เจ้าจะชดใช้อย่างไร?”

เดิมทีเฉิงหันก็รู้สึกแย่มากอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า จึงระเบิดอารมณ์โมโหออกมา

เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าซูไป๋สามารถแก้ค่ายกลได้อย่างราบรื่น แต่กลับโดนเซิ่นอีหมิงทำลายมันไปจนหมด

“เจ้าในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ เจ้าไม่มีทางไม่รู้ว่าการที่แก้ค่ายกลนั้นจะต้องสูญเสียปราณมากเท่าใด แต่ตอนนี้ มันถูกเจ้าทำลายไปหมดแล้ว!”

ความหวังสุดท้ายของสำนักเขาฝากไว้ที่ซูไป๋ทั้งหมดแล้ว

เซิ่นอีหมิงไม่ได้เรื่องเอง แต่คาดไม่ถึงว่าจะลากซูไป๋ลงน้ำไปด้วย

ซุนจ้งเหยียนขมวดคิ้วแน่นแล้วกล่าวต่อว่า

“ก่อเรื่องเสียจนเป็นเช่นนี้ เกรงว่าการประลองคงต้องจบเพียงเท่านี้แล้ว”

เฉิงหันกลับไม่อยากจะยอมรับ

“การแข่งขันก็แข่งมาดีๆ ทำไมถึงมายกเลิกตอนนี้เล่า ความเร็วของศิษย์สามลำดับแรกก็ยังพอๆ กันอยู่เลยไม่ใช่หรือ? หากให้เริ่มใหม่ล่ะก็ เกรงว่ามันจะไม่เป็นธรรมเกินไป”

เดิมทีเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะเป็นตัวน่ารำคาญใจ คิดไม่ถึงว่าเซิ่นอีหมิงจะไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน[1]เช่นกัน

แน่นอนว่าซุนจ้งเหยียนก็อารมณ์เสียเช่นกัน

ใครๆ ก็ดูออก ในตอนที่หลังจากที่เซิ่นอีหมิงเริ่มแก้ค่ายกลแล้ว ฉู่หลิวเยว่และซูไป่มีโอกาสชนะมากกว่า

หากต้องมาเริ่มใหม่ตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็อาจจะเสียเปรียบเช่นเดียวกัน

หลายวันก่อนหน้านี้ แม่นางผู้นี้เข้าร่วมการแข่งขันมาโดยตลอด เมื่อคืนเองก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนมา แต่ตอนนี้กลับมาเข้าร่วมการแข่งแก้ค่ายกลอย่างต่อเนื่อง…

มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางจะยืนหยัดได้ถึงเมื่อไหร่!

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนจัดงานสมาคมเยาวชนขึ้นมา เขาก็จะคิดว่านี่เป็นการสร้างกระแสแน่นอน!

ในเรื่องนี้ฝูอวิ๋นซานเป็นคนที่มีความผิดมากที่สุด

แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะถอยหลังกลับ

เขากระแอมไอมาหนึ่งเสียงแล้วพูดว่า

“เรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นเซิ่นอีหมิงของพวกเราที่ผิด แต่เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถแข่งขันต่อไปจริงๆ… ไม่เช่นนั้น ให้พวกเด็กๆ กลับไปพักผ่อนกันก่อน พวกเราค่อยมาจัดการทดสอบใหม่อีกรอบเป็นอย่างไร?”

เซิ่นอีหมิงก็เงยหน้าขึ้นมามองฉู่หลิวเยว่ทันที

ฉู่หลิวเยว่กางกระดานในอ้อมแขนของนางออกมาทันที

หมากที่อยู่บนกระดานนั้น ไม่มีการขยับเขยื้อนเลย ขนาดโดนระลอกคลื่นที่เกิดจากการทำลายของค่ายกล แต่กระดานของนางยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน กระดานของนางไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อยเลยจริงๆ

ซุนจ้งเหยียนทั้งตกใจระคนดีใจ เขาคิดไม่ถึงว่าภายในสถานการณ์เช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่จะสามารถรักษากระดานของตนเอาไว้อย่างปลอดภัย

“ดีๆๆๆ ในเมื่อกระดานของเจ้าไม่มีความเสียหาย เช่นนั้นเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหยุดการแข่ง! เพียงแต่…คนอื่น…”

เซิ่นอีหมิงไม่ได้พูดอันใด แต่ซูไป๋ที่เป็นผลรับเคราะห์รู้สึกเหมือนโดนปรักปรำ

ประตูเมืองไฟไหม้ เป็นภัยลามถึงปลาในสระ[2]

หากให้ฉู่หลิวเยว่แข่งคนเดียว ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม…

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเสียงเบา พร้อมถามว่า

“ผู้อาวุโสซุน หมากกระดานนี้ท่านสามารถซ่อมได้หรือไม่?”

ซุนจ้งเหยียนชะงักไป

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าหมายความว่า…”

“ท่านช่วยซ่อมกระดานของซูไป๋ที รอจนซ่อมเสร็จแล้ว ข้าค่อยแข่งกับเขาต่อก็ได้”

แววตาของซุนจ้งเหยียนเปล่งประกายทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงกันนะ?

“ซูไป๋ เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าอยู่ตรงที่จุดไหนแล้ว?”

ซูไป๋พยักหน้า

[1] ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน แปลว่า พวกเรื่องมาก วุ่นวาย ก่อเรื่อง

[2] ประตูเมืองไฟไหม้ เป็นภัยลามถึงปลาในสระ แปลว่า เหตุร้ายลุกลามต่อเนื่อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์