ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 257

หลังจากที่ซือถูซิงเฉินบอกลาเฉิงหันแล้ว นางก็ปฏิเสธคนอื่นๆ ที่ต้องการเดินตามนางมา แล้วเดินแยกออกไปคนเดียว

นางเดินไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าในใจควรจะมีความรู้สึกอย่างใดกันแน่ เพียงแค่ในสมองของนางในตอนนี้ขาวโพลนไปหมด และไม่อยากจะคิดอันใดทั้งนั้น

อย่างใดก็ตามฉากที่เกิดขึ้นในสนามเมื่อก่อนหน้านี้ กลับยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของนางเช่นเดิม และทำให้นางรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หลังจากที่คิดแล้วคิดอีกทันใดนั้นนางก็คิดขึ้นมาได้ว่า…ลองไปที่จวนหลีอ๋องดูหน่อยเป็นไร

แน่นอนว่าตั้งแต่นางมีถึงเมืองหลวง นางก็รู้แล้วว่าหรงซิวได้รับการแต่งตั้งเป็นหลีอ๋อง และอยู่ที่จวนหลีอ๋องคือที่ที่นางอยากจะไปเยี่ยมเยือนมาโดยตลอด

แต่ว่าด้วยฐานะของนางในตอนนั้น คิดว่าไม่ควรบุกเข้าไปเองเช่นนั้นจึงไม่ได้ไป

แต่ว่าตอนนี้ นางไม่ได้คิดรอบคอบขนาดนั้นแล้ว

นางกลับบอกไม่ถูกว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงมีความคิดเช่นนี้ออกมาได้ แต่ฝีเท้าของนางกลับเคลื่อนตัวไปทางนั้นตามใจสั่งมา

แม้ว่านางจะไม่เคยไปที่จวนหลีอ๋องด้วยตนเอง แต่ตำแหน่งนั้นก็ติดอยู่ในใจของนางมานานหลายวันแล้ว

ด้วยความกังวลว่าจะมีคนจำหน้าของนางได้ นางจึงหาสถานที่เปลี่ยวๆ เพื่อสวมเสื้อคลุมกันลมหนึ่งชิ้น เพื่อปิดบังใบหน้าทั้งหมดของตนเองอีกทั้งอีกสวมหมวกสาน ทั้งตัวของนางจึงถูกปิดบังอย่างมิดชิด

ต่อให้มีคนออกมาตามหานาง ถ้าไม่มองอย่างละเอียดก็ไม่มีทางจำนางได้อย่างแน่นอน

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว นางก็เดินทางไปที่จวนหลีอ๋องต่อ

ตอนนี้นางอยู่ไม่ห่างจากจวนหลีอ๋องมาก เหมือนนางจะพบว่ามีคนมากมายรวมตัวอยู่ตรงนั้น กำแพงรอบนอกของจวนหลีอ๋องล้อมด้านนอกสามชั้นด้านในสามชั้น เหมือนว่ากำลังดูเรื่องสนุกอันใดกันอยู่

ซือถูซิงเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

ที่นี่เป็นถึงที่อยู่อาศัยของหลีอ๋อง พวกคนธรรมดาถึงบังอาจกล้ายืนอยู่ที่นี่ขนาดนี้?

แล้วก็ไม่รู้ว่าเหตุใดทหารรับใช้ของจวนหลีอ๋องถึงได้แย่ขนาดนี้ เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังจัดการไม่ได้อีก

นางเดินขึ้นไปด้านหน้าสองก้าว นางอยากรู้ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดกัน แต่เพียงครู่เดียวนางก็ได้กลิ่นตัวกลิ่นเหงื่อเหม็นโชยจากคนพวกนั้น กลิ่นแรงมากจนทำให้นางรู้สึกขยะแขยง

นางยืนอยู่ตรงนั้นสองเท้ายืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคง ไม่ได้ขยับไปด้านหน้าสักก้าว

นางรู้สึกไม่อยากจะแหวกฝูงชนเข้าไปด้านใน มันเป็นการเรื่องคึกคักเล็กน้อยเท่านั้นแหละมั้ง

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็เตรียมตัวหมุนตัวออกมา

แต่ตอนที่นางกำลังจะเดินออก นางกลับได้ยินเสียงพูดคุยสองสามคนจากในกลุ่มนั้นว่า

“ไม่รู้จริงๆ นะว่าหลีอ๋องคิดเช่นใดถึงได้เอาเสื้อผ้าดีๆ เหล่านั้นมาโยนทิ้งทั้งหมด”

“นั่นสิ! ดูเนื้อผ้าพวกนั้นสิ มีราคาแพงหมดเลยไม่ใช่หรือ จะเอาไปเผาทิ้งทั้งหมดมันก็เสียดายเงินนะ”

“แต่ว่าเหล่านั้นมีแต่เสื้อผ้าดีๆ ขนาดลายเมฆที่ปักอยู่บนนั้นก็ล้วนวิจิตรงดงาม น่าเสียดายจริงๆ“

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นในใจของซือถูซิงเฉินก็กระตุกวูบ นางรีบแหวกฝูงชนเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว

แต่คนที่อยู่ด้านหน้ากันนางไม่ให้เข้าไป และไม่ต้องการให้เบียดกันมากเกินไป

หลังจากที่นางเขย่งเท้าดูเพียงเล็กน้อย นางจึงเห็นเพียงทหารยามที่อารักขาจวนหลีอ๋องอยู่ด้านใน และมีเปลวเพลิงสีแดงโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง

ส่วนอย่างอื่น นางก็มองไม่เห็นมันแล้ว

นางรู้สึกจนใจอย่างมาก จึงได้แต่พูดเสียงเบา

“รบกวนขอทางหน่อย…”

แต่ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหน้าสองสามคนกลับรู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อยแล้ว เขาก็หันหน้ากลับมามองหน้าอีกฝ่ายทันที จากนั้นก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างอ้อนแอ้น

แม้ว่านางจะสวมผ้าคลุมและหมวกสาน แต่ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะเสนาะหู แค่ฟังก็รู้ว่าจะต้องเป็นหญิงงามแน่นอน

เมื่อมองดูเสื้อผ้าของนาง เหมือนจะ…เป็นชุดนักเรียนของแคว้นซิงหลัว?

นำผ้าปักลายเมฆ…มาเผาทิ้งให้หมด?

ไม่ใช่ว่าหรงซิวชอบผ้าปักลายนี้มากไม่ใช่หรือ? แม้กระทั่งรูปปักนี้ก็ยังเป็นคนออกแบบเองด้วย เหตุใดจู่ๆ ถึงได้…

นางรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งไปทั้งตัว เลือดในกายแข็งตัว ลายเมฆ…

ใช่แล้วเพราะว่าชอบเขา นางจึงแอบขโมยคัดลอกลายเมฆเหล่านั้น และนำไปปักบนเสื้อผ้าของตนเอง ในเวลาว่างๆ นางมักจะเหม่อมองลายเหม่อที่อยู่บนเสื้อของตนเองอยู่บ่อยๆ ราวกับว่าสามารถเจอเขาได้อย่างใดอย่างนั้น

แม้กระทั่งเสื้อนักเรียนที่นางกำลังใส่อยู่ตอนนี้ นางก็ปักด้วยตนเอง…หรงซิวเห็นมันแล้วหรือ?

สายตาของเขาเฉียบแหลมอยู่เสมอ จะมองไม่เห็นได้อย่างใด?

เพียงเพราะนางปักลายนี้หรือ ดังนั้นเขาก็เลยเผาเสื้อผ้าที่คล้ายคลึงกันทั้งหมดทิ้ง?

คนเมื่อครู่พูดว่าอันใดนะ เกรงว่าจะระคายเคืองพระเนตร?

เขาเกลียดนางขนาดนี้เลยหรือแม้กระทั่งลายเมฆก็ไม่อยากใส่ร่วมกับนางอีก จึงเผาทิ้งให้หมดอย่างนั้นหรือ

มือเท้าของซือถูซิงเฉินเย็นเฉียบ หัวใจเหมือนถูกคนควักออกไปอย่างแรง แล้วเอาไปทิ้งในกองหิมะ ที่หนาวเย็นเสียดกระดูก

นางหนาวจนตัวสั่น น้ำตาร้อนๆ ไหลออกจากดวงตาอย่างเงียบๆ

หลายปีมานี้ นางไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน

ตอนนั้นเอง นางรู้สึกเหมือนว่าร่างกายของนางจะโดนเปลวไฟพวกนั้นเผาไหม้ไปด้วย เผาทั่วร่างจนนางเจ็บไปหมด

ซือถูซิงเฉินมองไปรอบข้างด้วยแววตาแข็งทื่อ เสื้อผ้าที่กองอยู่ข้างถังเหล็กก็ยังมีอีกเยอะอีกทั้งอีกมีคนขนออกมาจากในตำหนักอีกจำนวนมาก

ซือถูซิงเฉินมองต่อไปไม่ไหวแล้ว นางหมุนตัวออกจากกลุ่มคนแล้ววิ่งจากไปทันที กลุ่มคนแน่นขนัด พวกเขาต่างเบียดเข้ามาดูเรื่องราวสนุกๆ เดิมทีไม่มีคนมาสนใจการกระทำเล็กน้อยของนางอยู่แล้ว

มีเพียงกลุ่มชายฉกรรจ์สองสามคนที่เคยให้ทางซือถูซิงเฉิน พวกเขามองหน้ากันจากนั้นก็รีบขยับตัวออกอย่างไร้เสียง พร้อมไล่ตามซือถูซิงเฉินที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์