ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 275

จักรพรรดิจยาเหวินอึ้งไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความงุนงง

“อันใดนะ? บอกว่าอีกสักพักไม่ใช่รึ ทำไมจู่ๆ ถึงมาถึงแล้วล่ะ?”

ทางพวกเขายังไม่ทันได้เตรียมพร้อมอันใดเลย!

ขันทีเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะพูดตะกุกตะกัก

“ฝ่าบาท เรื่องนี้บ่าวก็ไม่ทราบเช่นกัน! ท่าน…ท่านว่าเราควรทำอย่างใดดี?”

ควรทำอย่างใด?

แล้วจะทำอย่างใดได้อีกเล่า!

จักรพรรดิจยาเหวินเดินขึ้นมาข้างหน้า

“ก็ต้องไปต้อนรับด้วยตัวเองอยู่แล้วสิ!”

ได้ยินจักรพรรดิจยาเหวินพูดแบบนี้แล้ว ในขณะเดียวกันก็ส่งสายหรงจิ้นและหรงฉี

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท ให้พระมเหสีและองค์รัชทายาทไปพร้อมท่านหรือไม่!”

จักรพรรดิจยาเหวินครุ่นคิด แต่ก็เห็นด้วย

สถานการณ์แบบนี้มีคนมากหน่อยก็จะได้ดูศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งฐานะราชินีและองค์ชายก็คู่ควรดีแล้ว

เขาสาวเท้าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ และมีความตึงเครียดบนใบหน้า ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังตื่นเต้นอยู่

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของจักรพรรดิจยาเหวินแล้ว คนอื่นจึงไม่กล้าเป็นตัวถ่วง

นอกจากหรงจิ้นแล้ว องค์หญิงองค์ชายคนอื่นต่างก็พากันลุกขึ้น และเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง

อาจารย์หัวหน้าสำนักทั้งสามสำนักต่างก็พากันอึ้ง และทำอันใดไม่ถูก

แต่คนมากมายในสนามแห่งนี้ไม่รู้เลยสักนิดว่าราชวงศ์เทียนลิ่งคืออันใด จึงทำให้ทุกคนที่เห็นฉากนี้งงกันไปหมด

“ราชวงศ์เทียนลิ่ง? มันคืออันใด เหตุใดไม่เคยได้ยินมาก่อน?”

“เห็นท่าทางของฝ่าบาทตื่นเต้นถึงเพียงนี้ อยากจะรู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายคือใคร! มีตำแหน่งสูงส่งกว่าฝ่าบาทอีกรึ?”

“เมื่อก่อนเคยได้ยินมาว่า อยู่ในดินแดนอันไกลโพ้น เป็นแคว้นที่มีความแข็งแกร่ง และมีอำนาจกว่าแคว้นเย่าเฉินของเรา หรือว่า…”

“จุ๊! เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะเอามาวิพากษ์วิจารณ์ได้! ระวังปากไว้”

เมื่อได้รับผลกระทบจากจักรพรรดิจยาเหวินแล้ว บรรยากาศรอบๆ สนามก็เกิดความมาคุขึ้นทันที

ซุนจ้งเหยียนครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปาก

“ไป๋เชิน พวกเจ้ารีบพานักเรียนกลับไป เดี๋ยวข้าจะตามฝ่าบาทไป”

ไป๋เชินรีบพยักหน้าทันที

แม้แต่พวกเขาก็อดตื่นเต้นกับเรื่องราชวงศ์เทียนลิ่งไม่ได้

แต่ในขณะเดียวกัน ในใจก็อดมีความแปลกใจเกิดขึ้นไม่ได้

เป็นที่รู้กันว่าราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นร้อยปีส่งคนเยี่ยมเยียนแคว้นเยาเฉินหนึ่งครั้งเท่านั้น!

ถ้าหากว่ามีโอกาสได้เจอสักครั้ง บางทีอาจจะได้รับความโชคดีด้วยก็เป็นได้

ซุนจ้งเหยียนมองไปยังฝูอวิ๋นซานและเฉิงหัน ก็เห็นว่าบนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองเต็มไปด้วยสีหน้าอึ้งทั้งคู่

เขาไม่มีเวลาสนใจมากนัก จึงรีบเอ่ยปาก

“สหายอวิ๋นซาน สหายเฉิงหัน มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น พวกท่านรีบพานักเรียนของตัวเองกลับไปก่อนเถิด ถ้ามีเรื่องอันใด ข้าจะ…”

“ราชวงศ์เทียนลิ่งกำลังมา?”

เฉิงหันอดที่จะเดินมาอยู่ตรงหน้าซุนจ้งเหยียนไม่ได้ และไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองอีกด้วย

เรื่องแบบนี้มีอยู่แค่ในจักรพรรดิชั้นสูงเท่านั้น จะส่งคนมาเยี่ยมเยียนแคว้นน้อยๆ อย่างแคว้นเย่าเฉินเหตุใดเล่า

ซุนจ้งเหยียนชะงักไป

“ไม่ใช่แค่จะมา แต่จะมาถึงแล้ว!”

ข่าวคราวนี้ มีคนที่รู้ไม่ยากนัก อีกอย่างจักรพรรดิจยาเหวินก็กล่าวอย่างชัดเจนว่าจะไม่เผยแพร่ข่าวนี้ออกไปจนกว่าคนจะมาถึง

พวกเฉิงหันจึงไม่รู้เรื่องนี้จึงทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น

เฉิงหันหายใจไม่ทั่วท้อง และใช้เวลานานมากกว่านะทำให้เขาสงบลงได้

แต่ในหัวยังคงมีคำพูดของขันทีวนเวียนอยู่ตลอด

คนจากราชวงศ์เทียนลิ่ง อยู่ห่างจากวังหลวงเพียงยี่สิบกิโลเมตร!

“ข้าไปด้วย!”

เฉิงหันโพล่งออกมากะทันหัน

“ว่าอย่างใดนะ?”

ซุนจ้งเหยียนขมวดคิ้ว

เฉิงหันเขย่าชายเสื้อของตัวเองก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม

“ข้าเป็นหัวหน้าของสำนักไท่เหยี่ยน ข้าจะไม่มีสิทธิ์ไปเข้าเฝ้าแขกอันล้ำค่าหน่อยเลยรึ?

ซุนจ้งเหยียนกำลังจะโต้กลับ ฝูอวิ๋นซานที่อยู่อีกฝั่งก็เอ่ยปากขึ้นอีก

ไป๋เชินเห็นว่านางไม่ได้มีอันใดผิดปกติแล้วก็รู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองคงตาฝาดไป และไม่ได้คิดอันใดมาก

“หลิวเยว่ งานสมาคมเยาวชนเสร็จสิ้นลงแล้ว เจ้าก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”

“รับทราบ…ว่าแต่มีใครมารึ?

จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยปากถาม

ไป๋เชินนิ่งไปก่อนจะพยักหน้า โดยไม่ได้สังเกตเห็นแสงประกายในแววตาของฉู่หลิงเยว่

“ได้ยินมาว่า…คนที่นั่นแข็งแกร่งกันมาก”

เสียงของฉู่หลิวเยว่เบามาก ราวกับว่าเป็นเรื่องที่อยากจะรู้มาก

ถ้าเป็นคนอื่นถามเรื่องพวกนี้ไป๋เชินก็คงจะขี้เกียจ และไม่ตอบแน่นอน แต่เมื่อคนถามคือฉู่หลิวเยว่ จึงไม่เหมือนกันก่อนหน้านี้เขาชื่มชมฉู่หลิวเยว่มากอยู่แล้ว และในงานสมาคมเยาวชนครั้งนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็แสดงความสามารถที่ทำให้ผู้คนอึ้งออกมาด้วย

ตอนนี้เขาก็ชอบฉู่หลิวเยว่มากๆ อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงยินดีที่จะตอบคำถามและอธิบายให้นางฟัง

“ใช่แล้ว! สำหรับพวกเราแล้ว นั้นเป็นที่ที่เราไม่สามารถไปถึงได้! ถ้าวันนี้พวกเขาไม่ส่งคนมาก่อน แน่นอนว่านี่เป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้อย่างหนึ่ง!”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเพื่อบอกว่าเข้าใจ จากนั้นก็ถามคำถามที่เหมือนหยอกล้อ

“ก่อนหน้านี้ท่านบอกเองว่า คนที่สอบได้ที่หนึ่งในช่วงกลางภาคก็สามารถไปพบได้ไม่ใช่รึ?”

ตอนนี้นางไม่เพียงแต่ได้ที่หนึ่งในการสอบกลางภาคเท่านั้น นางยังได้อันดับหนึ่งในการการแข่งขันสมาคมเยาวชนด้วย แบบนี้คงมีสิทธิ์พอที่จะเข้าได้แล้วใช่หรือ?

ฉู่หลิวเยยว่เอ่ยปากถาม แต่ในใจกลับหัวเราะเย้ยหยันอยู่

นางไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง การที่ตัวเองจะเข้าเฝ้าราชวงศ์เทียนลิ่งสักครั้งนั้นจะยากเย็นถึงเพียงนี้?

ไป๋เชินลำบากใจ

“จะว่าอย่างงั้นก็ได้ เพียงแต่ในสถานการณ์ตอนนี้มัน…”

หึ่ง!

ทันใดนั้นก็มีเสียงดาบฟันเข้าในอากาศดังขึ้น

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น กลับเห็นเงาของร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ที่ชายเสื้อพริ้วสไว ยืนอยู่บนดาบยาวที่ตกลงมาจากฟ้า

แล้วบรรยากาศที่คุ้นก็พัดมากระทบหน้า!

หัวใจของนางเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกำลังอ้าปากจะงับคนได้ทุกเมื่ออย่างใดอย่างงั้น!

บนอกเหมือนมีอันใดมากดทับเอาไว้ เหลือเพียงความรู้สึกอึดอัด และถูกกดขี่ที่มากมายมหาศาล!

ฉู่หลิวเยว่กำหมัดเอาไว้แน่นก่อนจะกลอกตา พลางใช้สองตาจ้องมองคนคนนั้นเอาไว้!

นั่นก็คือ…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์