ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 277

คนคนนั้นคือแม่นางคนหนึ่ง

ดูแล้วแม่นางน่าจะอายุประมาณสิบสี่ถึงสิบห้า รูปร่างผอม แต่กลับยืนตรงอย่างสง่า

นางมีใบหน้าที่เย้ายวนแม้จะยังมีความเป็นเด็กอยู่ แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าดอกไม้เบ่งบานเต็มที่แล้วจะสวยงามขนาดไหน

แต่ว่า…นี่ไม่ใช่สิ่งที่มู่ชิงเห่อสนใจ

เขารู้สึกเพียงว่า แววตาของแม่นางคนนั้นดูเหมือนคนที่…คุ้นเคย

เหมือน…คนคนนั้น…

จู่ๆ ใจของมู่ชิงเห่อก็เต้นเร็วขึ้น และใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก

แววตาของทั้งสองขัดกัน ดูเหมือนว่าแม่นางคนนั้นจะตกใจจนรีบก้มหน้าลง

แล้วจู่ๆ ความหวังในใจของมู่ชิงเห่อก็หายไปอย่างเงียบๆ

ท่าทางที่ขี้กลัวแบบนี้ต่างกับราวฟ้ากับเหว เขาไปรู้สึกว่าแม่นางคนนี้คล้ายกับคนคนนั้นได้อย่างใด?

บนโลกนี้ไม่มีแม่นางคนไหนสามารถเทียบเคียงนางได้

เมื่อคิดไปคิดมา คลื่นที่อยู่ในใจของมู่ชิงเห่อก็สงบลง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นเช่นกัน

จักรพรรดิจยาเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่ชิงเห่อเห็นเขายืนนิ่ง ในใจก็รู้สึกแปลกใจจึงมองตามไปอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเห่อกำลังมองฉู่หลิวเยว่ เขาก็นิ่งไปทันทีก่อนจะเข้าใจ ฉู่หลิวเยว่หน้าตางดงาม ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น และสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนได้อย่างง่ายดาย

ใบหน้านี้สามารถทำให้ชายหนุ่มมากมายหัวใจสั่นไหวได้

หรือว่า…มู่ชิงเห่อจะชอบฉู่หลิวเยว่?

จักรพรรดิจยาเหวินถึงกับทำอันใดไม่ถูก

“ท่านรองแม่ทัพมู่?”

มู่ชิงเห่อหรี่ตา และตาซ้ายที่มีรอยแผลเป็นก็ขยับ ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

“เจ้าเดินมาตรงนี้”

คำพูดนี้กลับเป็นคำพูดที่เขาพูดกับฉู่หลิวเยว่

ทั้งสนามเงียบสงัดทันที

สายตาทั้งหมดต่างพากันมารวมอยู่บนตัวของฉู่หลิวเยว่

ฉู่หลิวเยว่กำชายเสื้อไว้ในมือแน่นก่อนจะคลายออก จากนั้นจึงเดินขึ้นมาข้างหน้า นางเดินช้ามาก และก้มหน้าลงเหมือนว่านางกำลังตื่นเต้นอยู่

เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเห่อในระยะที่ห่างเพียงสามก้าว นางก็หยุดเดิน

ฉู่หลิวเยว่กำลังก้มหน้าอยู่ จึงเห็นเพียงรองเท้าหนังกวางหิมะสีดำที่มู่ชิงเห่อสวมอยู่

กวางหิมะถือเป็นสัตว์ร้ายระดับหก ถึงจะไม่ใช่สัตว์ร้ายระดับสูง แต่เพราะปกติแล้วจะเจอแค่ในเขตดินแดนหนาว และสืบพันธุ์ได้ยากจึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นำหนังของมันมาทำเป็นรองเท้า สามารถปรับอุณหภูมิทั้งหนาว และร้อนได้ทำให้รู้สึกสบายเป็นพิเศษ

สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือมีคุณสมบัติในการป้องกันที่แข็งแกร่ง เมื่อก่อนรองเท้าหนังกวางหิมะสีดำนั้นเป็นที่นิยมยากมากในเหล่าบรรดาขุนนางแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกิดออุบัติเหตุขึ้นกับฉู่หลิวเยว่ และมีกวางหิมะช่วยชีวิตเอาไว้ นางจึงออกคำสั่งว่าห้ามฆ่ากวางหิมะตามอำเภอใจอีก

หลังจากนั้น ราชวงศ์เทียนลิ่งจึงไม่มีของแบบนี้อีกต่อไป

ส่วนตัวนางเองก็นำกวางหิมะตัวนั้นกลับไปเลี้ยงที่บ้านของตน

กวางหิมะตัวนั้นนิสัยอ่อนโยน มู่ชิงเห่อชอบมันมาก ฉะนั้นทุกครั้งที่นางงานยุ่งมากๆ ก็จะให้มู่ชิงเห่อเป็นคนดูแล

แววตาของฉู่หลิวเยว่ประหม่า แต่กลับมองเห็นรอยขีดข่วนตื้นๆ ที่ขอบของรองเท้าของมู่ชิงเห่อ

ทันใดนั้นนางก็ลืมตาโตทันที

นั่นไม่ใช่รอยข่วน

มันคือรอยที่ถูกมีดกรีด เมื่อแผลสมานแล้วจึงหลงเหลือเป็นรอยแผลเป็น

บนเนื้อตัวของกวางหิมะมีบาดแผลไว้มากมายจากการที่ช่วยนางเอาไว้

ส่วนรอยแผลเป็นนั้น…

ความทรงจำที่น่ากลัวก็วาบผ่านเข้ามาในสมองของฉู่หลิวเยว่ทันที

กวางหิมะทั้งฉลาด และอ่อนโยน สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในตัวของมันก็คือผิวหนังที่ขาวดั่งหิมะ

ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นรองเท้าหรือสิ่งของอื่นๆ ผู้คนส่วนใหญ่พยายยามจะใช้หนังที่สมบูรณ์ที่สุด

มู่ชิงเห่อเป็นรองแม่ทัพทหารม้าดำ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางใช้ของที่ไม่ดีแน่นอน

นอกเสียจากว่า…

ใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกมือข้างหนึ่งบีบเอาไว้แน่น เจ็บจนนางแทบจะยืนไม่อยู่

“เงยหน้าขึ้น” มู่ชิงเห่อออกคำสั่ง

“เยว่ที่แปลว่า ไข่มุกแห่งทวยเทพ”

ตำนานบอกว่าชางหมิงมีพระเจ้า และไข่มุกของพระเจ้าลงมายังโลกเรียกว่า ‘เยว่’

มู่ชิงเห่อถึงกับอึ้ง

“อันใดนะ?”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ

“อีกความหมายหนึ่งก็คือเจิดจ้าเฉิดฉาย”

ทันใดนั้นก็มีเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนเกิดขึ้นในหัวของมู่ชิงเห่อทันที

ตอนนั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยิ้ม และอธิบายให้เขาฟังเช่นกกัน

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเยว่ของข้าคือเยว่ตัวไหน?”

ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอยู่ข้างกายนางได้ไม่นานจึงตกใจจนไม่รู้จะทำอย่างใดดี จึงทำได้เพียงส่ายหน้าเท่านั้น

“พระธิดาที่เคารพ ชิงเห่อมิบังอาจวิจารณ์ชื่อของท่านได้?”

นางกลับหัวเราะลั่นแล้วให้เขายื่นมือออกมา ก่อนจะใช้นิ้วที่นุ่มนวลเรียวยาวเขียนชื่อของตัวเองตรงกลางฝ่ามือของเขาเบาๆ

นางสูงส่งมาก แต่กลับไม่รังเกียจมือที่ด้านของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

“เยว่ ก็คือ ไข่มุกแห่งทวยเทพ เสด็จพ่อกล่าวว่ามีความหมายว่าเฉิดฉายเจิดจ้าเช่นกัน”

ตอนนี้คิดว่านางเจิดจ้าและแยงตายิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก

“ได้ยินมาว่าท่านไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน ถ้าอย่างงั้นนับแต่วันนี้ข้าสอนท่านเขียนหนังสือดีหรือไม่?”

ดังนั้น เขาจึงเรียนรู้คำหนึ่งคำ ก็คือคำว่าเยว่

ความดุดันบนหน้าค่อยๆ หายไป

มู่ชิงเห่อมองแม่ฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง

เขาพึมพำเบาๆ

“เจ้าคู่ควรที่ ‘เยว่’ ที่มีความหมายไข่มุกแห่งทวยเทพ ตัวนี้ด้วยรึ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์