“ให้ข้าเข้าไป! ค้นให้ทั่วอีกรอบทั้งด้านในด้านนอก! ไม่ว่าซอกมุมใดก็ห้ามละเว้น! ”
“ขอรับ! ”
ทันทีที่ลู่หยุนออกคำสั่ง องครักษ์มากมายก็พุ่งออกไปทันที โดยวางแผนร่วมมือกันกระแทกประตูใหญ่ของตระกูลฉู่ให้เปิดออก
ฉู่หนิงที่ไล่ตามมาก็บังเอิญมาเห็นฉากนี้เข้า
“ลู่หยุน! ”
เขาจึงตะโกนออกไปในทันที
“เจ้าบังอาจนัก! ”
ลู่หยุนหันกลับมามองก็เห็นว่าฉู่หนิงกำลังรีบนำคนเข้ามา ทว่าไม่เพียงแต่ไม่มีสีหน้าหวาดหวั่น เขากลับเผยรอยยิ้มขณะที่เห็นผู้อื่นกำลังลำบาก
“โอ้! นี่ใต้เท้าฉู่หนิงมิใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านกำลังยุ่งอยู่กับงานหลวงหรือ แล้วนี้มันกลางวันเหตุใดถึงออกมากะทันหัน”
ฉู่หนิงรีบก้าวเข้าไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“นี้เป็นที่พักของข้า ข้ามาดูว่าผู้ใดกล้าเข้าไปโดยพลการ! ”
เมื่อเขาเอ่ยก็แฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทรงอานุภาพของผู้ที่แข็งแกร่งลำดับที่ห้า จนทำให้ลู่หยุนรู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจหอบถี่ในทันที
แม้แต่องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูก็รู้สึกหวาดกลัว จนพวกเขาอดไม่ได้จะหยุดการเคลื่อนไหวแล้วมองหน้ากัน
ลู่หยุนคุกรุ่นอยู่ภายใน แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
“ใต้เท้าฉู่หนิง เจ้ามาทำอะไรที่นี่? การที่ข้ามาในวันนี้ เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท! แล้วถ้าเจ้าต้องการจะขัดขวางจริงๆ ก็เท่ากับว่าเจ้ากำลังขัดพระประสงค์! ”
ฉู่หนิงจ้องเขาอย่างเย็นชา
“เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท แน่นอนว่าข้าไม่กล้าขัดขวาง เพียงแต่ถ้าต้องการตรวจสอบก็ต้องแจ้งเหตุผลใช่หรือไม่ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นถึงหัวหน้าองครักษ์”
“ขออภัยด้วย ใต้เท้าฉู่หนิง ข้าแค่จะปฏิบัติตามที่ได้รับคำสั่งมา และถ้าท่านอยากรู้สาเหตุจริงๆ เหตุใดทท่านจึงไม่ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยตัวเองเล่า”
ลู่หยุนเอ่ยเสียงต่ำอย่างไม่พอใจแล้วยกมือขึ้น
“ค้นหาต่อ! ”
“ขอรับ”
ฉู่หนิงกำลังจะก้าวออกไปแต่ จ้าวหมิงที่อยู่ด้านหลังก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ในทันที
“ใต้เท้า ท่านต้องใจเย็นก่อน! ครานี้พวกเขามาพร้อมกับพระประสงค์ของฝ่าบาท หากเราปะทะกันใหญ่โตมันจะไม่เป็นผลดีใดใด ต่อตัวท่านเองนะขอรับ! ”
อาจจะทำให้ฝ่าบาททรงคิดว่าฉู่หนิงต้องการขัดต่อพระประสงค์
ฉู่หนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธ
“ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะดูว่าพวกเจ้าจะสามารถค้นอะไรออกมาได้บ้าง! ”
เขาไตร่ตรองดูแล้วว่าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดและเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เกรงกลัวเรื่องนี้
เพียงแต่…เหตุใดจู่ๆ ฝ่าบาทจึงมีพระประสงค์เช่นนี้เล่า?
ลู่หยุนมองไปยังฉู่หนิงแล้วโค้งตัวลงด้วยความลำพองใจ
ในช่วงเวลาที่ลู่เหยาถูกตระกูลฉู่ทำให้อับอาย และที่หนักที่สุดก็คือสองพ่อลูกฉู่หนิงและฉู่หลิวเย่ว!
ถ้าไม่มีพวกมันจงใจสร้างปัญหา ตอนนี้ลู่เหยาคงจะได้เป็นสตรีที่ได้เชิดหน้าชูตาในตระกูลฉู่แล้ว! แล้วเหตุใดถึงกลายเป็นว่าตอนนี้ผู้คนต่างพากันเกลียดชังนางเล่า?
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลู่เหยาไม่ดีนัก แต่ถึงอย่างไรเสีย ลู่เหยาก็เป็นคนตระกูลลู่ เมื่อนางเสื่อมเสียชื่อเสียง ตระกูลลู่ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ นางยังต้องกลับไปที่ตระกูลลู่แล้วหาเงินเพื่อกลบหลุมเหล่านั้น
ภายในใจลู่หยุนนั้นไม่พอใจลู่เหยาและก็ยิ่งเคียดแค้นพ่อลูกตระกูลฉู่มากขึ้นไปอีก
ตอนนี้มีโอกาสจัดการพวกเขาแล้ว เขาก็ไม่พลาดอย่างแน่นอน
ตึง!
ประตูใหญ่ถูกคนกระแทกเปิดอย่างแรง
องครักษ์จำนวนมากกรูกันเข้าไป!
ลู่หยุนแย้มยิ้มยั่วยุฉู่หนิงแล้วสาวเท้าตามเข้าไป
ฉู่หนิงขมวดคิ้วแล้วเดินตามเข้าไป
กลุ่มคนต่างแยกย้ายกันอย่างรวดเร็วและรุนแรง เพื่อไปค้นตามลานบ้านและห้องต่างๆ
ลู่หยุนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ที่ลานบ้าน แล้วคอยออกทำสั่งอย่างไม่หยุดพัก
“ห้องนั้น! เข้าไปค้น! ยังมีด้านนั้นอีก! ค้นให้ละเอียด! หลังลานบ้านมีคนไปค้นแล้วหรือไม่ หากพบสิ่งใดผิดปกติให้รายงานทันที ”
ฉู่หนิงยืนอยู่ไม่ไกลนักและเขาก็เห็นชัดเจนว่าคนเหล่านั้นโยนของหลายอย่างในห้องนอนเขาออกมา
ฝูกนอน ชั้นหนังสือ ชุดและของใช้
แม้แต่ชุดน้ำชา เครื่องเขียนและหมึกต่างก็โยนออกมายังพื้นด้านนอกตามอำเภอใจ
ของจำนวนมากแตกกระจายเกรื่อนกราดบนพื้น
เย่วเอ๋อได้เดินทางไปยังสำนักวิชาไท่เหยี่ยนเมื่อสิบวันก่อน และในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน แล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อค้นหาอะไรกัน?
ในตอนที่ฉู่หนิงกำลังคิดไม่ตกอยู่นั่นเอง ก็มีคนตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า
“ใต้เท้าลู่! ค้นเจอแล้วขอรับ”
ฉู่หนิงตกตะลึงแล้วหันหันไปในทันที
เขามองเห็นเพียงองครักษ์ผู้หนึ่งที่จู่ๆ ก็วิ่งออกมาจากทางลานหลังบ้านและพุ่งเข้าหาลู่หยุนอย่างรวดเร็ว แล้วส่งสิ่งของในมือให้
“ใต้เท้าลู่! โปรดดู!”
ลู่หยุนหยิบปิ่นปักผมนั้นขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ พลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป ก่อนจะมองฉู่หนิงอย่างเยาะเย้ย
“ใต้เท้าฉู่หนิง ตอนนี้หลักฐานชัดเจนแล้วท่านยังมีอะไรจะอีกพูดหรือไม่?!”
ฉู่หนิงก้าวเข้าไปอย่างเร่งรีบ
“เจ้าพูดอะไร? ”
“ใต้เท้าฉู่หนิง เหตุใดท่านยังต้องแกล้งไขสืออีกเล่า?” ลู่หยุนยกปิ่นปักผมในมือขึ้นแล้วยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง “ปิ่นปักผมนี่เป็นเครื่องประดับที่องค์หญิงสี่ทรงใช้ แต่ในตอนนี้มันกลับมาปรากฏอยู่ภายในลานหลังบ้านของพวกเจ้า เช่นนี้แล้วท่านยังจะแก้ตัวอีกหรือ”
ฉู่หนิงตะลึงงันอยู่ชั่วครู่พลางเข้าใจได้ในทันที
องค์หญิงสี่หรงเจินหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ด้วยเหตุนี้ฝ่าบาทจึงทรงกักบริเวณจักรพรรดินีด้วย
มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้ แต่ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าองครักษ์จึงเข้าใจได้
และในตอนนี้เองที่เครื่องประดับขององค์หญิงสี่ที่หายตัวไป กลับถูกพบว่าอยู่ในบ้านของพวกเขา…
“พวกเจ้าสงสัยว่าเย่วเอ๋อกำลังซ่อนตัวองค์หญิงสี่อยู่หรือ” ฉู่หนิงพูดโพล่งออกมา
“ไม่ใช่การสงสัยเพราะตอนนี้มีหลักฐาน จึงกล่าวได้ว่าเป็นความจริง”
ลู่หยุนนำปิ่นปักผมนั้นออกมาด้วยแววตาถากถาง
“ใต้เท้าฉู่เชิญท่านไปกับพวกเราอีกครั้งเถอะ”
…
ตำหนักของหลีหวัน
หรงซิวกำลังพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้หวาย อวี๋มั่วก็รีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“หลีอ๋อง! ใต้เท้าฉู่หนิงถูกคุมตัวแล้วขอรับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...