เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 418

เมื่อเห็นหรงซิวที่โผล่หน้าออกมากะทันหัน ฉู่หลิวเยว่ก็ชะงักไปเล็กน้อย

“องค์ชาย?”

หรงซิวอยู่ในรถม้าคันนี้มาตลอดเลยหรือ?

หรงซิวมองดูนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพกระเซอะกระเซิง และสกปรกของนาง

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า “องค์ชายทรงอย่าได้กังวล ข้างปลอดภัยดี ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น…เป็นรองแม่ทัพมู่ต่างหาก”

พอได้ยินอย่างนั้นหรงซิวถึงสังเกตเห็นอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างกายนาง ดวงตาคู่คมยังคงสงบนิ่ง พลันพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“รองแม่ทัพมู่ นายน้อยเจี่ยน”

มู่ชิงเห่อไมได้เอ่ยตอบรับ ทว่าเจี่ยนเฟิงฉือกลับยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัย

“ท่านมาช้ากว่าที่คิดนะ องค์ชายหลีหวัน”

หรงซิวจึงทำทีใช้กำปั้นทุบอก และไอโขลกออกมาสองครั้ง

“เข้าช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศก็เย็นจัดทำให้ข้าเดินทางลำบากกว่าปกตินิดหน่อย”

เจี่ยนเฟิงพอได้ฟังก็อยากจะคัดค้านเสียเหลือเกิน

เห็นได้ชัดว่าร่างกายของหรงซิวนั้นแข็งแรงดี และแม้แต่ความแข็งแกร่งของเขา ก็ยังไม่อ่อนกำลังลงเลยแม้แต่น้อย ถ้าเขาหมายมั่นมุ่งหน้ามาที่นี่จริงๆ เขาคงมาถึงนานแล้ว

คิดๆ แล้วก็แปลกดี ก่อนหน้านี้เขาเห็นเต็มสองตาว่าหรงซิววิตกกังวลมากเพียงใด และเขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องรีบมุ่งหน้าไปยังยอดเขาซีจินอย่างแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง และเขาก็เดาไม่ออกว่าแท้จริงแล้ว จุดประสงค์ของหรงซิวนั้นคือสิ่งใดกันแน่…

แต่อย่างใดเสียทั้งเขาและหรงซิว ก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งต่อกันถึงเขาจะแอบอิจฉาหรงซิวเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า

ฉู่หลิวเยว่เดินไปหาหรงซิว และขณะเดินผ่านอวี๋มั่ว นางก็แอบชำเลืองอีกฝ่ายเล็กน้อย

“องค์ชายไม่สบายเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่เติมเตาอุ่นมือให้ท่าน?”

เสียงของนางแผ่วเบาแต่กลับทำให้อวี๋มั่วขนลุกวาบไปทั่วแผ่นหลังได้

“ข้าน้อยขออภัย!”

องค์ชายของเขาแค่ป่วยการเมืองเท่านั้น และทุกครั้งที่ออกสู่โลกภายนอก องค์ชายนั้นจักอยู่ในมาดพร้อมรบยิ่งกว่าเขาเสียอีก

แต่วันนี้เขารีบออกมาจึงลืมเรื่องวัตถุอุปกรณ์เสริมไปเสียสนิท

นอกจากนี้ ดูๆ แล้วสภาพอากาศของวันนี้ แม้แต่เตาอุ่นมือก็คงเอาไม่อยู่…

อวี๋มั่วประเมินสถานการณ์ต่ำไป แต่เขาไม่กล้าแสดงสีหน้าใดใดออกไปจึงได้แต่ก้าวถอยหลังพัลวันด้วยความเคารพ

ฉู่หลิวเยว่เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างรถม้า

“องค์ชาย ท่านไหวหรือเปล่า?”

หรงซิวไอเบาๆ

“ไม่มีปัญหา” ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี หากท่านอาการกำเริบเพราะออกมาตามหาข้า ข้าคงรู้สึกผิดมากแน่ๆ”

เจี่ยนเฟิงฉือที่ยืนอยู่ข้างหลังตกตะลึง เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง มุมปากของเขากระตุกเบาๆ

อะ…อันใดกันเจ้าพวกนี้!

น้อยคนนักที่มองไม่ออกว่าหรงซิวแกล้งป่วย แต่ไฉนสองคนนี้กลับดูจริงจังกับบทผู้ป่วยหนุ่มกับสาวเฝ้าไข้เช่นนี้ พวกเจ้าหมกมุ่นกับละครน้ำเน่าเกินไปหรือเปล่า

หรงซิวยื่นมืออกมา “ขึ้นมาสิ”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ และวางมือของนางลงบนฝ่ามือของเขา พลันกระโดดขึ้นรถอย่างง่ายดาย

จากนั้นหรงซิวก็หันไปมองเจี่ยนเฟิงฉือกับมู่ชิงเห่อ

“วันนี้ข้าออกมารับลมนานไปหน่อย ร่างกายของข้าเริ่มล้าแล้ว ฉะนั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน”

ฉู่หลิวเยว่ที่เพิ่งขึ้นไปนั่งบนรถม้าชะงักทันที พลันหันควับมองเขาอย่างไว

หากหรงซิวว่าเช่นนี้หมายความว่า เขาไม่ต้องการให้มู่ชิงเห่อและเจี่ยนเฟิงฉือติดรถไปด้วยใช่หรือไม่?

พลันมุมปากของเจี่ยนเฟิงฉือกระตุกถี่ขึ้นกว่าเดิม

“จะ…เจ้าว่าอย่างใดนะ เจ้าคิดจะทิ้งพวกข้าสองคนไว้ที่นี่หรือ?”

หรงซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเผยยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ตำแหน่งของนายน้อยเจี่ยนและรองแม่ทัพมู่นั้นสูงศักดิ์ยิ่งนัก การนั่งรถม้าของข้า จักเป็นเหยียดหยามศักดิ์ศรีของพวกท่าน”

เมื่อกล่าวเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ที่ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปพลางกระแอมไอออกมา

“องค์ชาย รองแม่ทัพมู่ได้รับบาดเจ็บหนัก เราควรพาเขากลับไปพร้อมกันนะเพคะ”

หรงซิวกดยิ้มลึก

พลันฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเย็นลงอย่างรวดเร็ว

“หากรองแม่ทัพมู่ไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดี”

เจี่ยนเฟิงฉือถึงกับปวดหัวและต้องการจบศึกนี้แล้ว

“พอ พอ พอ! ข้าปากพล่อยเอง ข้าผิดไปแล้ว!”

ถ้าทำมู่ชิงเห่อโมโหสุดขีด คงไม่ใช่การดีแน่ๆ

เมื่อเห็นร่างทั้งสองค่อยๆ เดินออกไป ในที่สุดหรงซิวก็หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

“กลับตำหนัก”

“ขอรับ!” อวี๋มั่วตอบอย่างขันแข็ง ก่อนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง และโบกแส้ยาวในมือของเขา

“เดินหน้า!”

ล้อรถค่อยๆ หมุนและรถม้าก็เคลื่อนไปอีกทางที่ตรงข้ามกับสองคนนั้น

หรงซิวดึงสายตากลับมา และเห็นฉู่หลิวเยว่นั่งตรงข้ามเขาด้วยท่าทางมึนงงราวกับตกอยู่ในภวังค์

ดวงตาคมฉายแววลึกซึ้ง

“เยว่เอ๋อ เยว่เอ๋อ?”

เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอยู่สองครั้ง พลันฉู่หลิวเยว่ก็ได้สติคืนมา

“หืม? มีอันใดหรือ?”

ท่าทีของหรงซิวยังคงสงบนิ่ง พลางเอ่ยถามเสียงเบา

“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”

“ไม่มีอันใดหรอก”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวและเบือนหน้าหนี ความจริงแล้วเมื่อครู่ตอนที่นางเห็นเจี่ยนเฟิงฉือกับมู่ชิงเห่อโต้เถียงกัน จู่ๆ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่า…มู่ชิงเห่อไม่ชอบนั่งรถม้า

ส่วนเหตุผลนั้น…เป็นเพราะความจริงแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่พวกเขาเดินทางด้วยกัน แต่แยกกันขึ้นรถม้าสองคันเพื่อความสะดวก แต่พวกเขาก็ถูกโจมตีระหว่างทาง ดังนั้นมู่ชิงเห่อซึ่งอยู่ในรถม้าอีกคัน จึงไม่สามารถไปหานางได้ในทันที

ครานั้นนางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่มู่ชิงเห่อกลับเอาแต่คุกเข่าอยู่นอกห้องโถงทั้งวันทั้งคืน เพื่อสารภาพความผิดของตน

ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่นั่งรถม้าอีกเลย

แต่จู่ๆ หรงซิวก็คว้ามือนางมาจับ ฉู่หลิวเยว่ชะงักพลันเงยหน้ามองเขา ทั้งสองคนประสานสายตากันอย่างแน่วแน่ หัวใจดวงน้อยของนางสั่นไหว ก่อนจะเอ่ยถามช้าๆ

“ความจริงข้ากำลังคิดว่า เหตุใดวันนี้องค์ชาย…จึงมาถึงช้านัก?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์