เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 444

ต้นฤดูหนาวในเมืองหลวงอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง

ทั้งในและนอกประตูเมือง มีทหารของทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน

เวลาผ่านไปทีละนิด แสงระเรื่อก็ค่อยๆ ดับลง และบรรดาทหารติดอาวุธพรั่งพร้อมกว่าห้าพันคนยืนเรียงแถวหน้าประตูเมือง พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

ผ่านไปสักพัก ก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นของฝุ่นและเลือดที่ผสมกันอบอวลอยู่ในอากาศ

มีทหารคุ้มกันที่มีอาวุธครบมืออยู่บนกําแพงเมือง

โดยมีชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ตำแหน่งตรงกลางสุด

คนๆ นี้ก็คือรองแม่ทัพของของทหารคุ้มกันที่ชื่อว่าจ้าวหมิง!

เมื่อฉู่หนิงไม่อยู่ เขาจึงได้รับคำสั่งให้เป็นแม่ทัพที่มีอำนาจสูงสุดของเหล่าทหารคุ้มกันในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้

ดวงตาของเขาจ้องไปทางข้างหน้าพลางตะโกน

“แม่ทัพกองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือเว่ยหลินอยู่ที่ใด!?”

ทันใดนั้นเสียงทุ้มและทรงพลังก็แผ่กระจายไปทั่ว!

ชายชุดเกราะสีแดงคนหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

“ข้าอยู่นี่!”

เป็นชายที่รูปร่างกำยำแข็งแกร่งมาก ดูแล้วอายุไม่เกินสามสิบปี ไว้เคราบนใบหน้า ดูดุดันมาก

จ้าวหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับแววตาที่เย็นชา

เว่ยหลินมีชื่อเสียงมากในกองทัพทหารภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เขาเป็นคนมุทะลุและมีความสามารถที่แข็งแกร่ง! อีกทั้ง…ยังเป็นนักต่อสู้ระดับห้าที่โลดแล่นอยู่ในสนามรบจริงๆ ด้วย!

เขาคนเดียวสามารถเอาชนะศัตรูกว่าร้อยคนได้!

ไม่ต้องพูดถึงทหารหลายพันคนที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งดูแล้วก็เป็นสิ่งที่เขาสามารถรับมือได้ไม่ยาก!

ครั้งนี้หรงจิ่วได้เตรียมตัวทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว!

“ตามกฎหมายของแคว้นเย่าเฉินแล้ว ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทแล้วรองแม่ทัพไม่สามารถออกจากกองทัพทหารได้! และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่สามารถพาทหารเข้ามาในเมืองหลวง! เว่ยหลิน เจ้าคิดจะกบฏใช่หรือไม่!?”

เว่ยหลินหัวเราะลั่น

“จ้าวหมิง! เจ้ามีความสามารถไม่พอข้าก็ว่าแย่แล้ว ที่จริงแล้วสมองของเจ้าก็ใช้ไม่ได้เช่นกันรึ! ข้าบอกแล้วว่านี่ไม่ใช่การกบฏ! เพียงแต่สิ่งที่ฝ่าบาทกระทำกับองค์ชายสามนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล! อีกอย่างยังทำร้ายจิตใจของทุกคนในกองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือด้วย! ที่พวกข้ามาที่นี่ นอกจากมาเพื่อช่วยองค์ชายสามแล้ว ก็ยังเป็นการคลี่คลายข้อสงสัยของพวกเราเองด้วย!”

จ้าวหมิงกำลังจะโต้เถียงกลับ แต่ทันใดนั้นฝูงชนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เคลื่อนไหวขึ้นมา

จากนั้น ก็เกิดเสียงฝีเท้าของขบวนทหารดังขึ้นก่อนจะพากันแยกออกเป็นสองฝั่ง!

และแล้วก็มีชายผู้หนึ่งเดินมาจากทางด้านหลัง!

เขาสวมชุดเกราะเอาไว้ ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและหล่อเหลามาก!

ชายผู้นั้นก็คือหรงจิ่ว!

จ้าวหมิงใจเสียทันที

สุดท้ายแล้วหรงจิ่วก็ยังสามารถหนีออกมาได้!

หลังจากเกิดความโกลาหลในแดนประหารครั้งก่อน กองทหารรักษาการณ์ก็ถูกส่งไปรวมตัวกันเพื่อค้นหาที่อยู่ของหรงจิ่วทั่วเมืองหลวง

แต่ก็ไม่สามารถพบตัวจนกระทั่งถึงตอนที่เขาเดินเข้ามา

ที่จริงแล้วหรงจิ่วนั้นได้อาศัยช่วงที่ชุลมุนนี้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว!

ในเวลานี้ ชุดนักโทษและกุญแจมือจากเรือนจำของเขาได้หายไปแล้ว และเขาสวมชุดเครื่องแบบทหารที่ดูชั่วร้ายอำมหิตสุดๆ!

“ต้อนรับการกลับมาของฝ่าบาท!”

เว่ยหลินนำมือประสานแล้วคารวะก่อน จากนั้นคนที่อยู่ข้างหลังก็พากันตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ต้อนรับการกลับมาของฝ่าบาท!”

พวกเขาตะโกนเสียงดังสนั่น!

หรงจิ่วกำหมัด แล้วเสียงก็เงียบสงัดลงทันที

พวกกองทัพทหารคุ้มกันของจ้าวหมิงเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็พากันนิ่งอึ้งไปทันที

การสั่งหยุดแบบนี้ และการที่หรงจิ่วสามารถทำถึงขั้นนี้ได้นั้น เพียงพอที่จะทำให้เห็นศักดิ์ศรีและอำนาจของเขาที่มีอยู่ในกองทัพแล้ว!

ไม่แปลกใจที่เขากล้าทำเช่นนี้!

หรงจิ่วมองจ้าวหมิงด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“จ้าวหมิง ข้าไม่ต้องการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า สั่งเปิดประตูเมืองซะ! ไม่เช่นนั้น… อย่าหาว่าข้าไร้ความปราณีต่อเจ้า!”

จ้าวหมิงจะยอมทำตามได้อย่างใด!?

“องค์ชายสาม! หากท่านทำสิ่งที่ทรยศเช่นนี้ สุดท้ายแล้วท่านจะถูกคนทั้งโลกประณาม! ท่านกลับใจเถิด! ตามกระหม่อมกลับไปตอนนี้และสารภาพผิดต่อฝ่าบาทเสียเถิด!”

หรงจิ่วแสยะยิ้ม

“ก่อนหน้านี้ข้าได้กลายเป็นคนทรยศไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าก็อยู่กับฉายานี้ต่อไปไม่ดีกว่ารึ!”

จ้าวหมิงรู้สึกร้อนรนใจขึ้นมาทันที

“ข้าเจ้าร่วมกองทัพทหารตั้งแต่อายุสิบสี่ปี และได้ทำการสู้รบมาเป็นเวลาหลายปี ฆ่าศัตรูไปนับไม่ถ้วน! บนตัวของข้ามีรอยแผลเป็นทั้งหมดยี่สิบสามรอย แต่ละรอยนั้นเสี่ยงชีวิตทั้งนั้น! ข้าสละหยาดเหงื่อกายใจเพื่อแคว้นเย่าเฉินถึงเพียงนี้ แต่สุดท้ายกลับได้มาเพียงชุดนักโทษและความผิดนับไม่ถ้วน!”

เขาจะยอมรับความผิดนี้ได้อย่างใด!?

สารภาพผิด?

หรงจิ่วกระโดดขึ้นไปและคิดจะเผชิญหน้ากับจ้าวหมิงซึ่งๆ หน้า!

จ้าวหมิงพูดอย่างเด็ดขาด

“เปิดใช้ค่ายกลป้องกันประตูเมือง!”

เขาไม่เชื่อว่าหรงจิ่วพร้อมกับม้าเพียงตัวเดียวนี้จะสามารถพุ่งเข้ามาได้ทันที!?

จากนั้นเมื่อผ่านไปสักพัก ค่ายกลประตูเมืองก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“รองแม่ทัพ! แย่แล้ว! ค่ายกลประตูเมืองได้พังไปแล้วและไม่สามารถเปิดใช้ได้แล้ว!”

ทหารนายหนึ่งวิ่งมาด้วยอาการหอบ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

จ้าวหมิงอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะคว้าคอเสื้อของคนคนนั้นแล้วยกเขาขึ้นมา

“เจ้าว่าอย่างใดนะ!?”

ค่ายกลประตูเมืองเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ทำการตรวจสอบและซ่อมแซมบูรณะเป็นอย่างดีแล้ว เหตุใดถึงเกิดการผุพังได้?

ทันใดนั้น การกระทำของเขาก็ชะงักไป

เป็นฝีมือของหรงจิ่ว!

พวกเขาได้ทำการเตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้แล้ว!

จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ทำการสู้รบกัน!

เมื่อประตูเมืองตกอยู่ในสถานการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือด เมืองหลวงก็เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

แม้ว่าทหารคุ้มกันส่วนหนึ่งจะทำหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ แต่ผู้คนก็รู้สึกกระวนกระวายใจไปแล้ว

ถนนและตรอกซอกซอยเละเทะมาก ไม่มีใครปรากฏตัวเลยสักคน และทุกคนต่างก็พากันซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตัวเอง

หลังจากที่หรงจิ้นถูกโค่นบัลลังก์แล้ว เดิมทีก็นึกว่าหรงจิ่วจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาทต่อ แต่ใครจะรู้ว่านอกจากจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว กลับกันยังเห็นผู้นำทำการกบฏอีกด้วย!

แต่คนที่รู้ก็จะมองออกว่าหรงจิ่วได้เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่อย่างงั้นคงไม่สามารถระดมพลทหารจากตะวันตกเฉียงเหนือภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้แน่นอน

ตอนนี้ทุกคนต่างก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่จริงแล้วจักรพรรดิจยาเหวินเป็นฝ่ายกระทำต่อหรงจิ่วก่อนหรือหรงจิ่วเป็นฝ่ายทำการกบฏก่อนกันแน่

แต่ในขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่กลับไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้

เพราะชิงมู่เห่อได้มาหานางถึงที่ด้วยตัวเองแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ในห้องเบิกตากว้างโต

“อันใดนะ? ไปเดี๋ยวนี้เลยรึ!?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์