หรงซิวขยับตัวและหายตัวไปจากกลางลานกว้างอย่างรวดเร็ว!
อวี๋มั่วกับเยี่ยนชิงสบตากัน พลันสาวเท้าตามออกไปทันที!
…
เมื่อลวดลายอักขระแปลกๆ นั้นเกิดรอยร้าวและแตกออก ซือถูซิงเฉินก็ทะลวงผ่านนักรบระดับห้าอย่างเป็นทางการ!
แต่เมื่อเห็นว่าลำแสงนั้นคงอยู่ และร่างของซือถูซิงเฉินที่ลอยตัวอยู่ในนั้น ก็ยังคงกลืนกินพลังงานแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบ ในที่สุดหรงจิ่วจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ ไม่แน่ว่าซือถูซิงเฉินอาจจะทะลวงไต่ระดับขึ้นไปอีกก็ได้?
เขามองไปยังเว่ยหลิน
“หาตัวเยี่ยเหล่าเจอหรือไม่?”
เว่ยหลินส่ายหัว
หรงจิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าขอสั่งให้เปิดค่ายกลซวนหมิง!”
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่าค่ายกลซวนหมิงที่จักรพรรดิจยาเหวินแทบไม่มีโอกาสได้ใช้ บัดนี้กลับถูกหรงจิ่วสั่งเปิดใช้งานเพื่อจัดการกับซือถูซิงเฉิน!
“ขอรับ!”
เว่ยหลินตอบรับพร้อมพากำลังพลออกไปทันที
การรอคอยนั้นเป็นเรื่องที่ยากเสมอ
ทว่าหลังจากนั้นประมาณครึ่งกานธูป ในที่สุดก็มีคลื่นพลังที่ผันผวนแผ่ขยายมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของวัง!
พร้อมจุดแสงเสมือนดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือท้องนภา!
หลังจากนั้นก็มีจุดแสงปรากฏขึ้นทีละดวงรอบๆ ดาวดวงแรก!
และเพียงชั่วพริบตาจุดแสงเหล่านั้นก็เชื่อมต่อกัน! ราวกับกาแล็กซี่ขนาดเล็ก!
ซึ่งขณะเดียวกันนั้น การเชื่อมผนึกแสงเช่นนี้ ก็เกิดขึ้นกับอีกสามทิศที่เหลือเช่นกัน!
กระทั่งผนึกทั้งหมดโยงใยมาบรรจบกันที่ตรงกลาง
ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็น ดึงผนึกกลุ่มดาวสี่ดวงที่ไม่สมบูรณ์เหล่านี้ให้มาเชื่อมต่อเข้าหากัน!
ครืน!
เมื่อผลึกจากทุกทางมารวมกันแล้ว ในที่สุดก็มีเสียงเหมือนกำแพงมาบรรจบกันดังครืน!
ดั่งตาข่ายดาวขนาดมหึมาที่ครอบคลุมทั้งวังเอาไว้!
และตามมาด้วยการบีบอัดของพลังปราณครั้งใหญ่!
ทั้งลำแสงสีน้ำเงินและสีแดงก็ถูกพลังนี้กดไว้เช่นกัน และเริ่มหดตัวเข้าหาจุดศูนย์กลาง!
ทันใดนั้นเอง ซือถูซิงเฉินก็ลืมตาขึ้น!
นัยน์ตากลมที่เคยเต็มไปด้วยหยาดน้ำชุ่มฉ่ำ บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงก่ำอย่างน่ากลัว!
พร้อมกลับไอจิตสังหารที่โหดร้ายและเย็นชา ที่ไหลออกมาจากส่วนลึกของดวงตานาง!
นางมองไปยังข้อมือและข้อเท้าของตัวเอง
ด้วยความช่วยเหลือของพลังนั้น อาการบาดเจ็บทั้งหมดบนร่างกายของนางจึงได้รับการเยียวยา และขอบเขตการฝึกตนของนาง ก็ทะลวงผ่านจากนักรบระดับสามไปสู่ระดับที่ห้าแล้ว!
มือบางค่อยๆ กำหมัดจนแน่นขึ้น เมื่อรู้สึกถึงได้ถึงความแข็งแกร่งในร่างกายของนาง พร้อมกับใจดวงน้อยที่เต็มไปด้วยความสุขสม!
ก่อนหน้านี้นางลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ จะดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก!
อย่าว่าแต่คนในอาณาจักรเย่าเฉินเลย แต่ทว่าต่อให้เป็นคนทั้งโลก จะยังมีใครหน้าไหนที่สามารถฝ่าฟันไปถึงระดับนี้ได้ในเวลาอันสั้นเช่นนางได้อีก!?
และที่สำคัญคือ พลังปราณในหม้อไฟสัมฤทธิ์สีชาดยังไม่หมด!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากพลังในนั้นยังไม่หมด ความแข็งแกร่งของนางก็จะเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ!
นางเงยหน้าขึ้น พลางแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อสังเกตเห็นว่าลำแสงดูเหมือนจะค่อยๆ หดตัวลง
หลังจากนั้น นางจึงประสานมือเข้าด้วยกัน ก่อนที่พลังปราณดั้งเดิมจะพุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของนาง!
สายลมเริ่มพัดโหมกระหน่ำ! ท้องนภาส่งเสียงร้องพร้อมสันนิบาตที่ฟาดฟันอย่างดุเดือด!
จากนั้นลำแสงที่แล่นริ้วอยู่ในชั้นเมฆหนาก็ร่วงลงมาเหมือนน้ำตก!
พลันแสงระยิบระยับเหล่านั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังอันไม่มีผู้ใดเทียบเคียง ก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง!
นางรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว!
ซือถูซิงเฉินมองเห็นบาดแผลเล็กๆ หลายแผลบนมือของตน และเลือดที่ข้นหนืดราวน้ำหวานก็ค่อยๆ ไหลออกมา
ทว่านางกัดฟันอดทน และไม่ยอมหยุด
เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะช่วยให้นางทะลวงผ่านขอบเขตนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด!
หากอดทนกับช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดนี้ได้ ถึงเวลานั้นนางจะกลายเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!
ไม่นานหรงจิ่วและคนอื่นๆ ก็เห็นว่าลำแสงที่ดูเหมือนจะเชื่อมระหว่างผืนฟ้ากับแผ่นดินนั้น ได้ตัดขาดออกจากปลายด้านบนและด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ร่างกายที่เปรียบเสมือนกับหลุมดำของซือถูซิงเฉิงดูดกลืนแสงเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง!
เมื่อเห็นเช่นนั้นหรงจิ่วก็ยิ่งวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น
ตู้ม!
หางของมันปะทะกับค่ายกลด้านหน้าซือถูซิงเฉินเข้าเต็มๆ!
เปรี้ยง!
เกิดเสียงอึกทึกจากการชนกันของพลังปราณครั้งใหญ่!
พลันแรงบีบอัดจากหางของมันก็ทะลุผ่านผนึกค่ายกล และกระแทกเข้ากับร่างของซือถูซิงเฉินจนนางกระเด็นไปเล็กน้อย!
เธอตกใจและหน้าซีดเผือด!
ทว่าวินาทีต่อมา แววตาของนางก็เปล่งประกายอีกครั้ง!
เนื่องจากค่ายกลของนางยังไม่ได้พังเสียหมด!
หากใช้ทักษะของนักรบระดับห้าของนางเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่สามารถสู้กับมังกรตัวนี้ได้
ดังนั้นเมื่อครู่นางจึงใช้พลังจากลำแสงโดยตรงเพื่อสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา!
มันจึงยังคงทนต่อแรงฟาดได้เพียงนี้!
เมื่อคิดเช่นนั้น นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย พลันกลืนกินพลังแห่งสวรรค์และโลกรอบๆ ตัวต่อไป!
ตราบใดที่ยังมีพอซื้อเวลาได้อีกเล็กน้อย นางอาจจะปรับมือกับมังกรตัวนี้ได้!
เมื่อเห็นว่าซือถูซิงเฉินได้รับความเสียหายจากหางของมังกร ทุกคนที่ดูการต่อสู้ด้านล่างก็ตกตะลึง
“เกิดอันใดขึ้นกับแสงสีน้ำเงินและสีแดงบนร่างกายของนาง แท้จริงมันทรงพลังเช่นนี้เลยหรือ?”
“เพียงเวลาสั้นๆ นางกลับสามารถทะลุผ่านระดับห้าแล้ว ไม่สิ! ตอนนี้นางอยู่ระดับห้าขั้นกลางแล้วมิใช่หรือ!? นี่นางต้องการจะทะลวงให้ผ่านระดับหกเลยหรือไร!?”
“เจ้าเห็นหรือไม่? ร่างกายของนางมีเลือดไหลออกมาด้วยนะ? เกรงว่าร่างกายของนางคงรับไม่ไหวแล้ว!”
“นางคิดจะทำการใดกันแน่…”
ไม่เพียงแต่คนที่อยู่ในวัง ทว่าคนในเมืองหลวงทั้งหมดล้วนได้เห็นเหตุการณ์นี้! ก่อนจะเงยหน้ามองดูฉากนั้นอย่างพร้อมเพียง!
ซือถูซิงเฉินสบตากับดวงตาเหล่านั้น
พลันรู้สึกราวมีมวลบางอย่างพลุ่งขึ้นระหว่างหน้าอกและหน้าท้องของนาง และเลือดก็ไหลออกมาจากร่างกายของนาง แต่นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป ทว่ากลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟแทน!
ทันใดนั้น นางก็หรี่ตาลงและมองไปที่ไหนสักแห่ง!
พลันโบกสะบัดแขนเสื้อ แผ่กระจายพลังปราณออกไป!
ทำให้ฉู่หลิวเยว่ที่ซ่อนตัวค่อยสังเกตนางจากตำหนักชิงเหอสะดุ้งสุดตัว แล้วรีบหันหลังกลับไปมอง!
การบีบอัดของพลังปราณครั้งใหญ่กำลังเคลื่อนเข้ามา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...