เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 469

ท่ามกลางป่าไผ่อันเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดใบไผ่เท่านั้น ที่ส่งเสียงกรอบแกรบดังแว่วอยู่ร่ำไป

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนว่าทุกสิ่งรอบตัวนั้นหยุดนิ่ง และมีเพียงเรียวคิ้วของคนตรงหน้าเท่านั้นที่ชัดเจนเป็นพิเศษ

เสียงของนางที่เอื้อนเอ่ยนั้นแผ่วเบา ราวกับจะหายไปในสายลม

แต่นางรู้ว่าหรงซิวได้ยินมันแน่นอน

และนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง

เมื่อก่อนนางคิดว่ามันคงยากที่จะพูดเรื่องนี้กับหรงซิว แต่เมื่อยามที่คนทั้งสองต้องเผชิญกับการจากลาที่ดูยาวนานกว่าปกติ นางก็พบว่าการซื่อสัตย์กับหรงซิวนั้นง่ายกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก

และนั่นเป็นเพราะนางอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาต่อไป นางจึงเลือกที่จะพูดออกไปตามตรง

ดวงตาคู่คมของหรงซิววูบไหว

ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมสบตาของนางอย่างแน่วแน่

“หากเจ้ากลับมาไม่ได้ ข้าก็แค่ไปหาเจ้า”

ฉู่หลิวเยว่ชะงัก

“…องค์ชายจะไม่ถามข้าหน่อยหรือ ว่าเหตุใดข้าถึงมีศัตรูอยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่ง?”

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา นางเป็นเพียงเด็กสาวไร้ความสามารถจากตระกูลที่กำลังตกต่ำในแคว้นเย่าเฉิน และเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เทียนลิ่ง

ทว่าหรงซิวกลับไม่นึกสงสัยหรือเอ่ยถาม

มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลันหัวเราะเบาๆ

“ข้าสนแค่ว่า เยว่เอ๋อมีความสุขกับการแก้แค้นหรือไม่”

คำพูดนั้นทำเอาฉู่หลิวเยว่ไปไม่ถูก

หรงซิวโน้มตัวเข้ามาใกล้ใบหูของนาง และพ่นลมหายใจอุ่นใส่เบาๆ จนใบหูเล็กร้อนผ่าว

“ไม่ว่าเยว่เอ๋อจะอยู่ที่ใด ข้าก็จะติดตามไปด้วย”

ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและอากาศปลอดโปร่ง ไร้ซึ่งก้อนเมฆบดบังแสงอาทิตย์

เจี่ยนเฟิงฉือกำลังยืนอยู่บนกระบี่ของเขา พลางเหาะลอยขึ้นไปบนอากาศ ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็กำลังยืนมองอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง

“เจ้าจะไปจริงๆ หรือ?” เจี่ยนเฟิงฉือเหลือบมองฉู่หลิวเยว่เล็กน้อย “ครานี้เจ้าจะไม่ได้เจอบิดาและคู่หมั้นของเจ้าไปอีกนานเลยนะ”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว

“เช่นนั้น นายน้อยเจี่ยนก็ช่วยพาพวกเขาไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งได้หรือไม่?”

เจี่ยนเฟิงฉือตอบกลับทันควัน

“ไม่มีทาง”

การคัดกรองคนของราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นเข้มงวดมาก และทุกคนต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

โดยเฉพาะเมื่อสถานที่ที่พวกเขาจะไปในครั้งนี้ คือเมืองซีหลิง เมืองหลวงของราชวงศ์เทียนลิ่ง!

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถข้ามพรมแดนม่านฟ้า และเข้าสู่เมืองซีหลิงได้ ทว่าหากไร้ซึ่งเหตุผลอันควรและสถานะที่เหมาะสม พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในเมืองหลวงซีหลิงได้

ฉู่หลิวเยว่แบมือออก

นางไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้ จักมีอันใดคอยอยู่เบื้องหน้า ฉะนั้นเดินทางคนเดียวย่อมสะดวกกว่าเป็นไหนๆ

เจี่ยนเฟิงฉือกวาดสายตามองนางขึ้นๆ ลงๆ และรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“ว่าแต่ หลีหวัน…ผู้ลึกลับซับซ้อนคนนั้นเล่า หากพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขา เจ้าย่อมเดินทางเข้าไปในพรมแดนม่านฟ้าได้อย่างไม่มีปัญหา”

ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

ดูเหมือนเจี่ยนเฟิงฉือจะสนใจเรื่องของหรงซิวมาก เพราะตลอดทางเจ้าตัวเอาแต่พูดถึงเรื่องขององค์ชายไม่หยุดหย่อน

จากนั้นนางก็ส่ายหัว

“เขาเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการ”

เมื่อเห็นว่ายุแหย่ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ผล รอยยิ้มบนใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือก็พลันมลายหายไป ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมา

“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงอยากอยู่กับคนร้อยเล่ห์มารยาเช่นนั้น”

ทว่าฉู่หลิวเยว่นั้นขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจนิสัยกระแนะกระแหนของเขา

ทั้งสองคนจึงไม่ได้พูดอันใดกันอีก และหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง

เจี่ยนเฟิงฉือกระโดดลงมาจากกระบี่ และโบกสะบัดแขนเสื้อเบาๆ

พลันเกิดกลุ่มฝุ่นควันลอยคลุ้ง

พร้อมค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา!

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วกระโดดลงไป และเดินไปยืนอยู่ข้างๆ เจี่ยนเฟิงฉือ

“นี่คือค่ายกลที่ข้าใช้ยามเดินทางมาที่นี่”

เจี่ยนเฟิงฉือเชิดค้างขึ้น

ส่วนฉู่หลิวเยว่กับขมวดคิ้วเป็นปม

ภูเขาลูกนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง และไร้ซึ่งผู้คนสัญจร เช่นนั้นแล้ว จะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายซ่อนอยู่ได้อย่างใด?

เจี่ยนเฟิงฉือผายมือ แล้วชี้ไปด้านหน้า

ฉู่หลิวเยว่พลันตัวแข็งทื่อ และเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ

ในเวลานี้ ทั้งสองกำลังยืนอยู่บนหน้าผา และใต้หน้าผานั่นก็เป็นทะเลสีครามที่ดูปั่นป่วนและไร้ขอบเขต!

ไกลออกไปนั้นคือจุดตัดที่ทะเลและท้องฟ้ามาบรรจบกัน และพรมแดนม่านฟ้าขนาดใหญ่ที่ทิ้งตัวยื่นอาณาเขตลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมน

ดวงดาวนับพันทอแสงวูบวาบราวกับทางช้างเผือกอันไกลโพ้น!

การบีบบังคับอันกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตของสวรรค์ ได้หลั่งไหลออกมา จนเกือบจะครอบคลุมพื้นที่ของทั้งสวรรค์และโลกเอาไว้!

บริเวณตรงกลางของพรมแดนม่านฟ้า มีกองทหารในชุดเกราะสีดำและถือดาบยาว ยืนเรียงรายเป็นแถวเดียวกัน!

และแม้จะอยู่ไกล แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังสัมผัสได้ถึงลมปราณอันเยือกเย็นของทหารเหล่านั้น!

เพราะราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น มีเพียงทหารชั้นยอดและทรงพลังที่สุดเท่านั้น ที่จะมีคุณสมบัติในการปกป้องพรมแดนม่านฟ้า!

ดังนั้น บุคคลคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทรงพลังทั้งสิ้น!

พวกเขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเคร่งขรึม ราวกับว่ามันหลอมรวมเข้ากับโลกนี้ไปแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่กำมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อแน่นจนหมัดนั่นสั่นคลอน เลือดในกายของนางเย็นเฉียบราวจะแข็งตัวเสียให้ได้! ก่อนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่กำลังลุกไหม้และพุ่งพล่านไปทั่วทรวงอกกับหน้าจนแทบระเบิดออกมา!

ช่างเป็นฉากที่คุ้นเคยอันใดเช่นนี้!

ในปีรัชสมัยหนึ่งพันหกร้อยสี่สิบห้า แห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง หลังจากสมรส นางก็มาที่นี่ในฐานะองค์หญิง เพื่อตรวจสอบอันใดบางอย่างด้วยตนเอง

ในเวลานั้น ทหารหลายพันนายแสดงความเคารพต่อนาง พลางธงโบกสะบัด และสรรเสริญกองเกียรติยศให้แผ่ขยายความยิ่งใหญ่นี้ออกไปหลายร้อยลี้

แต่ตอนนี้ นางไม่เคยคิดว่านางจักต้องกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ด้วยสภาพเช่นนี้!

เมื่อเห็นท่าทีของฉู่หลิวเยว่ผิดแปลกไป เจี่ยนเฟิงฉือก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

“เป็นอันใดไปหรือ?”

ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย พลันรอยยิ้มที่งดงามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

“แค่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย คุณชายเจี่ยนไม่ต้องห่วงหรอก”

เจี่ยนเฟิงฉือพยักหน้ารับเบาๆ

เพราะนี่เป็นครั้งที่นางมาเยือนพรมแดนม่านฟ้า ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดประหม่าขึ้นมากะทันหัน

“ที่นี่คือพรมแดนม่านฟ้าของราชวงศ์เทียนลิ่ง แล้วพวกเจ้าเป็นใคร!?”

มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากระยะไกล!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์