ที่นี่คือจตุรัสผิงเหลียงนอกเมืองซีหลิง
จัตุรัสทุกแห่งล้วนใช้ไพฑูรย์หล่อราคาสูงที่หาได้ยาก ครอบครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของจัตุรัส
อีกทั้งบนจัตุรัสแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายจำนวนมาก
ซึ่งค่ายกลอันที่พวกฉู่หลิวเยว่ใช้นั้น ตั้งอยู่ใจกลางของจัตุรัสพอดี
ในตอนที่พวกเขาทั้งสองคนก้าวออกมาจากภายในอุโมงค์ช่องว่างจตุรัสที่ครึกครื้นคึกคักและมีชีวิตชีวาพลันเงียบลงในบัดดล
สายตานับไม่ถ้วนคู่ล้วนจับจ้องมาทางนี้!
ณ ที่แห่งนี้ ทุกวันล้วนมีคนมากมายเดินทางเข้ามา และมีคนไม่น้อยเดินทางออกไปจากซีหลิงเช่นกัน ดังนั้นจตุรัสแห่งนี้จึงมีผู้คนผ่านมาและผ่านไป หลั่งไหลกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ทว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ใจกลาง เนื่องจากปลายทางคือพรมแดนม่านฟ้าทางชายแดนเหนือ ดังนั้นโดยปกติแล้วจึงไม่มีคนใช้
ตอนนี้กลับมีคนโผล่ออกมาถึงสองคน ย่อมดึงดูดความสนใจคนจำนวนไม่น้อย
หลังจากเห็นรูปลักษณ์และบุคลิกของคนทั้งสองชัดเจนแล้ว จัตุรัสก็ยิ่งเงียบลงมากกว่าเก่า
ฝ่ายบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อแพรสีน้ำเงิน เอวห้อยหยกพกสีขาวเรียบง่ายราวกับภาพร่างนุ่มนวลละมุนตา
นัยน์ตาของเขาก็มีสีน้ำเงินเช่นเดียวกัน ยามเคลื่อนสายตามอง ราวกับว่าจิตวิญญาณแห่งน้ำแข็งใสสะอาดแลกระจ่างชัดได้ปรากฏออกมา
หางตาและหางคิ้วของเขาเปี่ยมไปด้วยความพราวเสน่ห์ทำให้ดวงตาคู่นั้นที่เดิมทีเหมือนดั่งประกายน้ำแข็งในเหมันตฤดู กลายเป็นระลอกคลื่นที่กระเพื่อมไหวน้อยๆ
เขากวาดสายตาช้าๆ มองคราหนึ่ง ทำสตรีไม่น้อยใบหน้าแดงระเรื่อ
รูปร่างโดดเด่นสง่างามเป็นที่จดจำเช่นนี้ ช่างพบเจอได้ยากเสียจริง
ทว่าสตรีที่อยู่ข้างกายเขาก็หาได้ด้อยไปกว่ากันไม่เพียงแต่จะเพิ่มความพร่างพรายแก่สายตามากกว่าเก่า
นางมีรูปร่างผอมบางอ่อนช้อย สวมชุดสีแดง เรือนผมสีดำขลับมัดไว้อย่างเรียบง่าย ทั่วทั้งร่างไร้ซึ่งเครื่องประดับกายที่มากเกินความจำเป็น
ผิวพรรณของนางขาวยิ่งกว่าหิมะ คิ้วงามดำขลับราวภูเขาที่ไกลออกไป จมูกโด่งราวกับหยกเนื้อดี ริมฝีปากแดงจิ้มลิ้มราวกับผลอิงเถา ที่พิเศษยิ่งกว่าคือดวงตาคู่นั้น ราวกับหยกนิลเนื้อบริสุทธิ์ชวนตราตรึงใจ
ยามแสงอาทิตย์ตกกระทบลงบนนัยน์ตาของนางราวกับภาพสะท้อนแม่น้ำสวรรค์บนผืนฟ้ายามราตรี
อีกทั้งบริเวณหน้าผากของนางยังปรากฏบรรยากาศสูงส่งออกมาจางๆ
เมื่อรวมกับบุคลิกที่น่าตราตรึงใจ สามารถทำให้คนเคารพเทิดทูน ยอมศิโรราบได้โดยไม่รู้ตัว
สตรีเช่นนี้ ช่างงดงามเหลือคณา ทั้งยังคุณธรรมสูงส่ง!
ถึงแม้ว่าบุรุษไม่น้อยจะใบหน้าแดงเถือกถึงหู ใจเต้นระรัวราวกับถูกกระหน่ำตี แต่กลับไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า
“พวกเขาออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายอันนั้น หรือว่าจะมาจากพรมแดนม่านฟ้าข้างนอกนั่นกัน?”
ทันใดนั้น ท่ามกลางฝูงชนก็มีเสียงกระซิบเบาๆ แฝงไปด้วยความสงสัยดังขึ้นมา
คำพูดนี้ทำลายความเงียบลงได้ในที่สุด
เหล่าฝูงชนล้วนมองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะทำเช่นไร
“คงมิผิดนั่นไม่ใช่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่จะไปชายแดนเหนือหรอกหรือ… เมื่อไม่นานมานี้มีคนไม่น้อยเลยที่เข้าๆ ออกๆ ที่นั่น”
“บุรุษผู้นั้นจะว่าไปแล้วดูคุ้นตายิ่งนัก… นัยน์ตาสีน้ำเงิน… เนตรบรรจุวสันตฤดู… นั่นมิใช่นายน้อยเจี่ยนหรอกหรือ!?”
“นายน้อยเจี่ยนผู้ใดกัน?”
“ผู้ที่มาจากภูเขาเขี้ยวมังกรเช่นไรเล่า พวกเจ้าลืมแล้วหรือ…”
ผู้คนจำนวนมากถอนหายใจ
เจี่ยนเฟิงฉือ!
ปกติแล้ว ร่องรอยของคนผู้นี้เป็นความลับ บวกกับสถานะที่สูงส่ง คนที่เคยพบเจอเขาจึงมีไม่มากนัก ทว่าในเมืองซีหลิง ชื่อเสียงของเขากลับกระฉ่อนไปทั่ว!
แม้จะไม่สามารถยืนยันได้ แต่บุรุษผู้นี้มีลักษณะตรงตามข่าวลือที่ว่าไว้ไม่มีผิด!
อย่างใดก็ต้องเป็นเขาแล้ว!
“หากใช่เจี่ยนเฟิงฉือจริง สตรีที่อยู่ข้างเขาก็คือ… อ๊า! เห็นได้ชัดเลยว่านางคือนักรบระดับสาม!? ดูไปดูมาน่าจะอายุสิบห้าสิบหกหนาวได้ เหตุใดถึงยังเป็นเพียงนักรบระดับสามเล่า?!”
ฝูงชนพากันเงียบ
แววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและนุ่มนวลฉับพลันก็เปลี่ยนไปมีแววของความเปราะบางอยู่บ้าง
“นั่นต้องเป็นเพราะว่ามาจากด้านนอกพรมแดนม่านฟ้าเป็นแน่!” มีคนเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เรื่องที่เผชิญอยู่ตอนนี้ จะนับเป็นอันใดได้
นางมองไปยังสตรีที่จับกลุ่มกันหัวเราะ
สีหน้าของนางหาได้เปลี่ยนไม่ภายในนัยน์ตาใสสะอาดเป็นระลอกคลื่นกลับเหมือนกักเก็บแรงกดดันมหาศาล ทำให้คนร้อนรน!
เสียงหัวเราะของสตรีกลุ่มนั้นค่อยๆ แผ่วลง ไม่รู้ว่าเหตุใดในใจเกิดความหวาดหวั่น พากันหลีกเลี่ยงสายตาของฉู่หลิวเยว่
ครั้นฉู่หลิวเยว่เรียกความสนใจกลับคืนจนพอใจแล้ว ก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้า
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นก็มีบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินมาข้างหน้า ขวางเส้นทางเดินของฉู่หลิวเยว่เอาไว้
เขามีร่างกายแข็งแรงกำยำน่าเกรงขาม สีหน้าดำคล้ำ มัดกล้ามที่ขดตัวบนร่างกายแทบจะดันอาภรณ์ที่เขาสวมให้ฉีกขาด!
ฉู่หลิวเยว่เลื่อนสายตามองคนผู้นี้
“มีอันใด?”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าครั้งหนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงก้องกังวาน
“เจ้าพวกคนนอก ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของพวกเราราชวงศ์เทียนลิ่ง ต้องจ่ายเงิน! ค่ายกลที่เจ้าใช้มีขนาดใหญ่ที่สุด คิดเป็นผนึกศิลาขาวสิบอัน!”
ในเขตพรมแดนม่านฟ้า เงินทองล้วนหาใช่สกุลเงินแข็งไม่
สิ่งที่มาแทนที่เงินทองเหล่านั้น คือผนึกศิลาขาวที่มีมูลค่าสูงกว่ากันอย่างเทียบไม่ติด!
ผนึกศิลาขาวหนึ่งอัน หากอยู่นอกพรมแดนม่านฟ้า มีค่าเทียบเท่ากับหนึ่งหมื่นตำลึงทอง!
ผนึกศิลาขาวสิบอัน เท่ากับหนึ่งแสนตำลึงทอง!
ทำเช่นนี้ดูอย่างใดก็คือการรีดไถกันซึ่งหน้า!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงอย่างน่ากลัว ก่อนจะหัวเราะ
มาได้จังหวะพอดีเสียจริง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...