“แน่นอน นี่ก็หมายความว่า ขอแค่ผ่านด่านรอบต่อไป ก็สามารถเลือกสำนักเรียนได้ตามใจชอบเลยสินะ หลังจากที่พวกเจ้าเลือกสำนักที่อยากเข้าแล้ว ทางสำนักก็จะตรวจสอบอีกรอบ หากไม่ผ่านล่ะก็ จะต้องเลือกใหม่อีกครั้ง”
เสียงรบกวนรอบข้างก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง แต่ความตื่นเต้นของคนส่วนใหญ่นั้นยังไม่ลดลงเลย
ความจริงแล้วจุดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ กลุ่มคนสุดท้ายที่สามารถยืนได้อยู่ในซีหลิง ก็ถือว่าเป็นสำนักที่โดดเด่นที่สุดในราชวงศ์เทียนลิ่ง
การคัดเลือกศิษย์เข้าสำนักนั้นจะต้องเข้มงวดอย่างมาก
ถ้าไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ มันก็ไร้สาระเกินไปแล้ว
“แต่ว่า ทุกคนที่อยู่ในสนามต่างก็เป็นอัจฉริยะที่มีชีพจรตี้จิง ข้าเชื่อว่าสำนักใหญ่ๆ ต้องต้อนรับพวกเจ้าอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสชิวซีกล่าวเสริมขึ้น “ข้าเชื่อว่าทุกคนเข้าใจกติกาในการแข่งขันงานหมื่นทูรครั้งนี้ หากแสดงผลงานได้ดี ก็จะได้รับความนิยมจากสำนักใหญ่ๆ มากขึ้นเท่านั้น! โอกาสที่จะได้เข้าไปในสำนักก็เพิ่มมากขึ้น!”
สีหน้าของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนตื่นเต้น บางคนกังวล ยังมีบางคนที่กำลังเพ้อฝันว่าตัวเองจะเลือกสำนักไหนดี
“ผู้เข้าแข่งขันหนึ่งร้อยคนแรกเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากการแข่งขันเริ่มขึ้น จะไม่มีเวลากำหนด สู้จนกว่าจะมีอีกฝ่ายยอมแพ้ หรือว่าออกจากพื้นที่การแข่งขันของตัวเอง ถือว่าสิ้นสุดการแข่งขัน! หลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว ลำดับของผู้ชนะจะมีการเพิ่มขึ้น! ส่วนชื่อของผู้แพ้จะหายไปจากกระดานหินหยกสีดำของทันที!”
ผู้อาวุโสชิวซีสอดส่องสายตาไปรอบด้าน
“มีใครมีคำถามอีกหรือไม่?”
“ผู้อาวุโสชิวซี!”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้น จากนั้นก็ถามเสียงดังว่า
“ในการแข่งขันครั้งนี้ ขอเพียงชนะก็พอแล้วใช่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ได้หรือ?”
ผู้อาวุโสชิวซีลูบเคราของตนเองเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“ถูกต้อง! ขอเพียงไม่ทำให้อีกฝ่ายตาย เรื่องอื่นๆ ไม่มีกำหนด! แค่ชนะได้นับว่าเป็นความสามารถของเจ้าแล้ว!”
สีหน้าของผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านนอกพรมแดนม่านฟ้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็คิดว่างานหมื่นทูรครั้งนี้จะเข้มข้นและร้อนแรงขนาดไหนกันเนี่ย น่าติดตามจริงๆ!
แต่ชาวเมืองซีหลิงกลับแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างฮึกเหิมอีกด้วย
แต่สีหน้าของจ้าวอวิ๋นจื่อกลับซีดลงเล็กน้อย นางบ่นเสียงเบาว่า
“นี่…นี่..จะเป็นไปได้อย่างใด? นี่มันไม่มีกฎเกณฑ์เกินไปแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้ว
“เหตุใดหรือ หรือว่าลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไม่ได้บอกเรื่องนี้หรือ ที่ซิหลิงก็มีกฎเช่นนี้มาโดยตลอด เจ้าไม่รู้หรือ?”
ในเมืองซีหลิงมีผู้แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน
แนวคิดผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ของที่นี่นั้นรุนแรงกว่าที่อื่นอย่างมาก
ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะหรูหรา รุ่งเรือง แต่ความจริงแล้วทุกวันจะมีการต่อสู้นองเลือดตามสถานที่ต่างๆ มากมาย!
มีคนจำนวนมากตายตามท้องถนน เหตุเพราะว่า…อ่อนแอ!
งานในงานหมื่นทูรนี้มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามให้อีกฝ่ายตาย ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
จ้าวอวิ๋นจื่อกัดริมฝีกปาก แล้วเงียบไปอยู่นาน
นางเคยได้ยินลูกพี่ลูกน้องเล่าให้ฟังเรื่องที่เมืองซีหลิงมีคนที่แข็งแกร่งจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยได้ยินเขาพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย!
“ข้าขอประกาศว่า การแข่งขันงานหมื่นทูร…จะเริ่มขึ้นณ.บัดนี้!”
ผู้อาวุโสชิวซีพูดขึ้นเสียงดัง
บนสังเวียนก็มีคนขานรับอย่างรวดเร็ว เพราะว่าลงมือก่อนได้เปรียบ!
คนที่อยู่ในสนามก็เริ่มต่อสู้ระยะประชิดกันทันที!
โชคดีที่แต่ละสนามมีพื้นที่มากเพียงพอ อีกทั้งรอบข้างก็มีม่านพลังสีเงินจางๆ ปรากฏขึ้น เหตุใดมันสะดวกต่อการแยกแยะได้ จะได้ไม่มีการสับสนระหว่างกัน
ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก ความสนใจส่วนใหญ่กลับมุ่งมาที่ฉู่หลิวเยว่และจ้าวอวิ๋นจื่อ
“นักรบขั้นสามคนนั้น เป็นคนที่มีระดับต่ำที่สุดในสนามนี้แล้วใช่หรือไม่? ข้าว่าการต่อสู้ของพวกนางจะต้องจบเป็นกลุ่มแรกอย่างแน่นอน!”
“นั่นก็ไม่แน่หรอกมั้ง? หรือว่าเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องฝีมือที่แท้จริงของฉู่หลิวเยว่คนนั้นหรือ!”
“ช้าก่อน เจ้าจะบอกว่านางคือคนที่ชนะอู่จ้าวงั้นหรือ?”
“ข้าได้ยินว่าตอนนั้นนางมากับเจี่ยนเฟิงฉือ หากมีการสนับสนุนจากเจี่ยนเฟิงฉือ… ไม่แน่ว่าอู่จ้าวอาจจะอ่อนข้อให้ก็ได้?”
“นั่นมันก็ใช่… แต่มันจะลึกลับขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้มีศิษย์จากสำนักใหญ่มากมายมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย มันต้องน่าสนใจมากแน่นอน”
ที่นั่งของผู้ชมเกือบเต็มแล้ว เสียงซุบซิบก็ดังขึ้น เมื่อมองไปที่สนามพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
แต่อย่างใดก็ตามฝั่งตรงข้ามของกระดานหินหยกสีดำ ก็มีพื้นที่บริเวณหนึ่ง ที่ไม่เข้าพวกอย่างมาก
คนกลุ่มนั้นแต่งตัวดูเหมือนธรรมดา แต่ปราณบนร่างกายของพวกเขา ที่แผ่ออกมากลับทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
“เย่าเฉิน?”
นั่นเป็นที่ที่มู่ชิงเห่อไปไม่ใช่หรือ!?
“ขอรับ แต่เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนพานางมา” ชายที่อยู่ด้านข้างรู้สึกถึงความผิดปกติของเขา จึงถามขึ้นอย่างกังวลใจว่า “คุณชายใหญ่ เป็นอันใดไปหรือ? หรือว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องกัน?”
ชายคนนั้นครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่มีอันใด”
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอยู่แน่นอน…
ในเวทีการประลอง จ้าวอวิ๋นจื่อก็ดึงกระบี่สีน้ำเงินของตนเองออกมา!
ปราณน้ำแข็งแผ่ออกมา และกระจายไปที่รอบข้างอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานก็มีหยาดน้ำค้างแข็งปรากฏขึ้นที่บนดาบ!
อีกทั้งพื้นสนามก็มีความเย็นเริ่มเข้าปกคลุม หยาดน้ำค้างแข็งเริ่มคืบคลาน
“วิชาตัดแม่น้ำเหมันต์”
จ้าวอวิ๋นจื่อถ่ายเทพลังในร่างกายเขาไปอยู่ในกระบี่เล่มนั้น
หลังจากนั้นแสงสีเงินก็พุ่งออกมาจากกระบี่อย่างรวดเร็ว เหมือนน้ำแข็งที่แตกกระจาย
เสียง แกร๊กๆ ดังขึ้น ปราณกระบี่ที่ดุร้ายก็พวยพุ่งออกมาจากกระบี่เล่มนั้นอย่างมหาศาล
จ้าวอวิ๋นจื่อแตะปลายเท้าแล้วพุ่งตัวเข้าไปทันที
กระบี่สีน้ำเงินเล่มบาง พุ่งตรงเข้าไปที่หัวใจของฉู่หลิวเยว่
กระบี่แม่น้ำเหมันต์นี้ทำมาจากเหล็กเหมันต์ที่ล้ำค่า อีกทั้งสามารถขยายปราณเย็นออกไปกลางอากาศได้ ถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก
การต่อสู้ในรอบหลายปีมานี้ นางไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
จ้าวอวิ๋นจื่อจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง
“ถ้าเจ้าแพ้ให้กับกระบี่แม่น้ำเหมันต์ ก็ถือว่าเจ้าไม่สมควรได้มาอยู่ที่นี่”
เมื่อพูดจบ กระบี่เล่มนั้นก็พุ่งเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...