ต้วนจืออวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินจากไป
“เขาไปแล้ว”
เชียงหว่านโจวพูดขึ้นเสียงเย็น
ฉู่หลิวเยว่หยิบสมุนไพรชนิดใหม่ออกมาแล้วโยนเข้าไปในเตาหลอม แล้วหัวเราะออกมาพร้อมพูดว่า
“ข้ารู้แล้ว”
“เจ้าตั้งใจหลอมโอสถให้เขาเห็นหรือ?” น้ำเสียงของเชียงหว่านโจวราบเรียบอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ยังคงยิ้มให้เหมือนเดิม
“ใช่แล้ว ข้าใช้เงินของรองแม่ทัพมู่มาเยอะขนาดนี้ ดังนั้นก็ต้องให้เขารู้สักหน่อยไม่ใช่หรือ?”
แล้วอีกอย่างมู่ชิงเห่อรู้อยู่แล้วว่านางสามารถหลอมโอสถได้ และยังรู้ว่านางสามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้
แต่นางออกตัวเด่นเรื่องการต่อสู้ คนอื่นๆ จึงไม่พูดเรื่องนี้มากนัก
เชียงหว่านโจวมองนางอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า
“เขาล่วงเกินเจ้าหรือ?”
การเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ยังไม่หยุด เปลวไฟที่หลอมโอสถแบ่งเป็นหลายส่วน
หลังจากที่นางสกัดสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว นางก็จุดไฟอย่าแรงอีกครั้ง!
พรึ่บ!
ไฟภายในเตาหลอมก็แรงขึ้นอย่างรวดเร็ว! ทำให้สมุนไพรที่ใส่ลงไปผสมผสานกันอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่เริ่มหลอมยาอายุวัฒนะ
“เหตุใดถึงถามเช่นนี้เล่า?”
นางจ้องไปที่โอสถที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ข้ามองออก”
เชียงหว่านโจวสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา
แม้ว่าเชียงหว่านโจวจะไม่เจนโลก แต่กลับฉลาดและมีไหวพริบดีมาก
“ก็ไม่นับว่าใช่ ถือว่าผิดใจกันเล็กน้อย”
เชียงหว่านโจวรู้สึกว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอันใดอีกเลย
ภายในห้องนั้นมีเสียงเดียวที่ดังอยู่ท่ามกลางความเงียบ ก็คือเสียงเปลวเพลิงจากเตาหลอมที่ดังชัดเจนอย่างมาก
เวลาผ่านมาค่อนคืนแล้ว ในที่สุดโอสถก็หลอมได้สำเร็จ!
พรึ่บ!
ระลอกคลื่นสายหนึ่งก็แผ่กระจายออกมาจากหยวนตัน
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกดีใจอย่างมาก!
เดิมทีนางกังวลนิดหน่อยว่าจะไม่สามารถหลอมโอสถออกมาได้ แต่ดีที่หลังจากนางเลื่อนขั้นมาเป็นระดับสามแล้ว พลังของนางก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย การหลอมโอสถจึงสามารถทำได้อย่างสบายมากขึ้น
หากสำหรับหมอเทวดาคนอื่นแล้วล่ะก็ หากต้องการเลื่อนขั้นในสายวิชาหมอเทวดาจำเป็นจะต้องฝึกฝนและเรียนรู้มากขึ้น
แต่สำหรับนางแล้วนั้น มันไม่เหมือนกัน
ชาติที่แล้วนางเป็นหมอเทวดาระดับแปด เรื่องเทียบยาหรือวิธีหลอมนั้น สลักอยู่ในสมองของนางหมดแล้ว
ขอเพียงแค่ปราณที่อยู่ในร่างกายของนางได้เลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่อง นางก็สามารถเข้าสู่ระดับหมอเทวดาได้อย่างง่ายดาย
ฉู่หลิวเยว่แบมือขึ้นกลางอากาศ โอสถเม็ดนั้นก็ลอยมากลางอยู่ที่กลางฝ่ามือของนางทันที
โอสถเม็ดนี้เป็นสีเขียว มีเส้นสีแดงสดสามเส้นพาดอยู่
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างพอใจ นางยื่นโอสถเม็ดนี้ให้กับเชียงหว่านโจว จากนั้นนางก็วางมือลงบนเตาหลอมอีกครั้ง!
หลังจากที่วันนี้นางได้สู้กับจ้าวอวิ๋นจื่อ นางก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังของนางเพิ่มขึ้นเยอะมาก อีกทั้งเกือบจะทะลุผ่านขั้นสามแล้ว
…
กลางคืนที่เงียบสงัด เสียงลมพัดแว่วมา
แต่ภายในห้องหนึ่งของตระกูลซย่าโหวกลับไม่ได้สงบสุขมากนัก
ซย่าโหวหรงขมวดคิ้วแน่น แล้วหันไปมองลูกชายคนรองที่ยืนอยู่
“ถิงอัน นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ข้าบอกให้เจ้าไปสานสัมพันธ์กับเจียงอวี่จือไม่ใช่หรือ? ตอนนี้กำลังคุยเรื่องงานแต่งงานแล้ว แต่เจ้ากลับทำให้นางโกรธเนี่ยนะ มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
สีหน้าของซย่าโหวถิงอันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เรื่องที่เกิดวันนี้จะมาโทษลูกไม่ได้”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องที่อยู่ในหอร้อยโอสถให้ผู้ที่เป็นบิดาฟังอีกรอบ
เมื่อนึกถึงท่าทางของเจียงอวี่จือในตอนนั้น ในใจของเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“มีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง วันนี้ลูกได้พูดออกมาแล้ว วันพรุ่งนี้วันมะรืนนี้คงได้หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ต้องทำร้ายตระกูลซย่าโหวของพวกเราจนย่อยยับแน่นอน”
เขาก็เคยพยายามที่จะชอบเจียงอวี่จือ เพราะว่าหน้าตาและชาติตระกูลของนางนั้นดีมาก
แต่ด้วยนิสัยที่เป็นเช่นนี้… เขารับไม่ไหวจริงๆ!
ซย่าโหวหรงนั่งไปอยู่นาน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“นิสัยของนางค่อนข้างดื้อรั้นเล็กน้อย แต่ใครใช้ให้นางมีพ่อที่ดี พี่ชายที่ดีเล่า? ตอนนี้มีคนอีกมากมายที่อยากจะเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเจียง เจ้าก็อดทนเสียหน่อยเถอะ! เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ถ้าตอนนี้มีเรื่องที่เกี่ยวกับเจียงอวี่จือ เจ้าสามารถเบิกเงินเพิ่มเติมได้ ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่นในตระกูล
ซย่าโหวถิงอันกลับพูดว่า
“ยังไม่ทันได้หมั้น ก็เป็นขนาดนี้แล้ว หากแต่งงานไปแล้ว ไม่หนักยิ่งกว่านี้หรือขอรับ ลูกมองว่า เรื่องงานแต่งงานครั้งนี้ ล้มเลิกเสียเถอะขอรับ”
ปัง!
ซย่าโหวหรงตบโต๊ะอย่างแรง
“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...