เขตอาคมโปร่งแสงสีเงินทรงกลม ดูแล้วน่าจะเป็นพรมแดนไวฑูรยะ
แต่เหตุใดถึงสามารถป้องกันปราณกระบี่ที่ดูน่าอันตรายแบบนั้นได้เล่า!?
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นพรมแดนไวฑูรยะมาก่อน แต่สิ่งนั้นไม่น่าจะป้องกันปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งเหล่านี้ได้นะ
ต่อให้พวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน ก็แทบจะไม่สามารถต้านทานปราณกระบี่นั้นได้เลย!
พวกเขาทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา มีเพียงแค่หยางเซิ่นเอ๋อร์ที่ดูดีกว่าศิษย์พี่ทั้งสองของนาง พวกเขาดูท่าทางจนตรอกอย่างมาก
ชายมีเคราได้รับบาดเจ็บ ที่มุมปากยังมีรอยเลือดอยู่เลย ส่วนชายร่างสูงผอมก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะกระบี่ของเขาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้ว!
ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์สำนักกระบี่เมฆาม่วง จุดแข็งแกร่งที่สุดของเขาคือการใช้กระบี่ หากไม่มีกระบี่ สำหรับพวกเขาแล้ว ก็ถือว่าต่อสู้ไม่ได้เลย
“นี่…ทำอย่างใดดี…”
ชายร่างสูงผอมถอนสายตากลับมา เขาจ้องไปที่มือขวาที่ว่างเปล่าของตนเอง
กระบี่ที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น กลับเหลือเพียงด้ามกระบี่ที่หักๆ ดูแล้วน่าสมเพชอย่างมาก
ปราณกระบี่เล่มนั้น บีบบังคับให้พวกเรามาอยู่จุดนี้
หากเดินหน้าลุยต่อไปแล้วล่ะก็…
“มิน่าล่ะ ถึงมีกระดูกมนุษย์มากมายอยู่ที่นี่…” หยางเซิ่นเอ๋อร์แสดงสีหน้ากังวลใจออกมา “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะโดนปราณกระบี่นี้ทำร้ายทั้งสิ้น”
พวกเขาทั้งหลายต่างก็เงียบกันไป
ความทะเยอทะยานก่อนหน้านี้ ได้หายไปจนหมดสิ้น
ความจริงมักจะโหดร้ายเช่นนี้เสมอ
“ปราณกระบี่เล่มนี้ ไม่มีทางปรากฏแค่ครั้งเดียวแน่นอน นี่คือปราณระดับต่ำที่สุดของกระบี่หลงหยวน ปราณกระบี่ครั้งนี้…คือคำเตือนของมัน!”
ชายมีเคราคนนั้นเงยหน้าขึ้นไปมองกระบี่หลงหยวน ความตื่นเต้นและความคาดหวังที่มีก่อนหน้านี้ ได้จางหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเขาเหลือเพียงแต่ความกังวลและไม่สบายใจ อีกทั้งยังมีความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ อีกด้วย
“ยิ่งพวกเราเดินเข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น! ไม่อย่างนั้นสิ่งที่รออยู่ก็คือ…” ความตาย!
เรื่องนี้เขาไม่ต้องพูด คนอื่นก็เข้าใจได้ทันที
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ปราณกระบี่ที่อยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ ได้หายไปแล้ว
“แล้วเหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงไม่เป็นอันใดเลย!?”
หยางเซิ่นเอ๋อร์พูดถามพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยใช้พรมแดนไวฑูรยะมาก่อน แต่ว่า…มันไม่ค่อยเหมือนกับของนางเลยนะ”
ชายทั้งสองคนสบสายตากัน
ความจริงแล้วพวกเขาก็มองออก
พรมแดนไวฑูรยะทั่วไปจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างใด?
เห็นได้ชัดว่าของนางนั้นเป็นของพิเศษ
หยางเซิ่นเอ๋อร์หยิบผ้าพันแผลออกมา แล้วช่วยชายร่างสูงผอมพันแผลที่ผ่ามือด้วยความระมัดระวัง ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ
“ศิษย์พี่ต้องมาบาดเจ็บเพราะข้า…หากข้าสามารถแข็งแกร่งได้อย่างฉู่หลิวเยว่ก็คงจะดี”
คำพูดนั้นได้เตือนสติชายทั้งสองทันที
“นางแข็งแกร่งที่ไหนกัน? มีแค่พรมแดนไวฑูรยะของนางเท่านั้นที่แข็งแกร่ง” ชายมีเคราคนนั้นพูดขึ้นมาอย่างดูถูก และยังมีท่าทีไม่พอใจอยู่เล็กน้อย “มิน่าล่ะเมื่อครู่นางถึงบอกว่าไม่อยากมากับพวกเรา เพราะว่าสิ่งนี้นี่เอง!”
“เจ้าเพิ่งบอกว่าฉู่หลิวเยว่คนนั้นมีฐานะธรรมดาไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดนางถึงมีอาวุธที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้เล่า?” ชายร่างผอมสูงหันขวับไปจ้องฉู่หลิวเยว่ เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเก็บพรมแดนไวฑูรยะสีหน้าของเขาก็กระตุกเล็กน้อย “นางมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งหรือเปล่า?”
หยางเซิ่นเอ๋อร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง
“เหมือนว่าจะใช่นะเจ้าคะ…นางมีความสัมพันธ์กับเจี่ยนเฟิงฉือแห่งหุบเขาเขี้ยวมังกรคนนั้น”
“เจี่ยนเฟิงฉือ?”
ชายทั้งสองคนพูดชื่อของเจี่ยนเฟิงฉือขึ้นมา ใบหน้าก็แฝงด้วยความริษยาและดูถูก
“คนสำนักกระบี่เมฆาม่วง พูดคำไหนคำนั้น”
ฉู่หลิวเยว่เกือบจะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นแล้ว
หน้าใหญ่มาจากที่ใดกันเนี่ย
ที่นางถามคำถามนั้น ก็เพื่อดูว่าคนเหล่านี้หน้าด้านกันขนาดไหน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาเองเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่ามาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ยังวางท่าสูงส่งเหมือนกำลังให้ทานอยู่เลย
ใบหน้าของนางยังมีรอยยิ้มเช่นเดิม แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้ส่งไปถึงดวงตาอีกแล้ว
“ข้าว่าเมื่อครู่ข้าได้พูดอย่างชัดเจนแล้วนะ ข้าไม่สะดวกให้พวกเจ้าร่วมเดินทางไปด้วย ดังนั้น…ช่างมันเถอะ”
พวกเขาทั้งหลายก็ตกตะลึงไป
พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า อุตส่าห์มายื่นข้อเสนอให้ขนาดนี้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่ยอมช่วยเหลือพวกเขาอีก!
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็เป็นศิษย์จากสำนักกระบี่เมฆาม่วงนะ!
แต่ว่านางไม่เคยเห็นพวกเขาในสายตาเลย!
ใบหน้าของชายมีเคราดูย่ำแย่อย่างมาก
“คุณหนูฉู่ เจ้าแน่ใจหรือ? เมื่อครู่เราให้ความช่วยเหลือเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับมาทำเช่นนี้ มันคงไม่เหมาะสมล่ะมั้ง”
ฉู่หลิวเยว่ถามกลับ
“แต่เมื่อครู่ข้าขอร้องให้พวกเจ้ามาช่วยข้าหรือไม่? อีกทั้ง ข้ายังไม่ได้รับ “ความช่วยเหลือ” ที่ว่านั้นของพวกเจ้าเลยนะ เช่นนี้…ก็ถือว่าข้าไม่ได้ติดหนี้พวกเจ้าไม่ใช่หรือ?”
ทันใดนั้นชายมีเคราก็แค่นหัวเราะเสียงเย็นทันที
“คนที่เจี่ยนเฟิงฉือพามา ก็เห็นแก่ตัวเหมือนกับเขานั่นแหละ! หากเจ้าไม่รับไมตรีเช่นนั้นก็รับการโจมตี แล้วอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจนะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ หายไป ราวกับว่ามีชั้นน้ำแข็งบางๆ เข้ามาปกคลุม แววตาของนางเย็นชา ทำให้รู้สึกหนาวถึงกระดูก
“เจ้าเอาจริงใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...