หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็หดเล็กลงตามไปด้วย
ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนอายุสามสิบปี รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้างเอวสอบ สวมชุดคลุมยาวสีขนอีกาเหลือบเขียว เขาเหมือนดาบที่ไร้ฝัก ดูลึกลับและน่ากลัว
ตอนที่ฉู่หลิวเห็นใบหน้าของเขา ฉู่หลิวเยว่ก็เบิกตากว้างขึ้น!
คิ้วคมราวดาบ จมูกเป็นสัน สันกรามชัดเจน ดวงตาเป็นสีดำขลับราวกับหยกสีดำ ทำให้ดูลึกลับอย่างมาก!
สรุปแล้ว หน้าตาหล่อเหลาคมคาย
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกใจนั้น ไม่ใช่ใบหน้าฟ้าประทานของเขา แต่เป็น…
นี่คือใบหน้าของปฐมกษัตริย์!
ศาลบรรพชนของราชวงศ์เทียนลิ่ง ได้แขวนรูปเหมือนของปฐมกษัตริย์เอาไว้!
ใบหน้าของผู้ชายคนนี้เหมือนกับปฐมกษัตริย์ไม่มีผิดเพี้ยน!
ไม่ บางทีอาจจะพูดว่า…ภาพนั้นวาดได้เหมือนผู้ชายคนนี้อย่างมาก!
ในสมองของฉู่หลิวเยว่ตอนนี้ขาวโพลน หัวใจก็เต้นแรงอย่างมาก เสียงฟ้าผ่าโครมครามที่อยู่ในหูของนางก็ทำให้นางเจ็บปวด!
นี่คือ…ปฐมกษัตริย์หรือ?
เขาคือ…ปฐมกษัตริย์!
ผู้ชายคนนั้นมองดูหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ในมือของตนเองอยู่สักครู่ ในแววตายังมีความประหลาดใจอยู่ด้วย
”ดูไม่ออกเลย ว่าสาวน้อยอย่างเจ้าจะมีของที่หายากเช่นนี้อยู่ด้วย…”
เมื่อพูดจบ ก็เงยหน้ามามองฉู่หลิวเยว่ เมื่อเห็นว่าสาวน้อยคนนั้นเหม่อมองตนเองอยู่ด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ราวกับว่าโง่ไปแล้ว
เขาจึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“ทำท่าอันใดของเจ้าน่ะ? ข้าแค่สงสัยเลยเอามาดูเท่านั้นเอง ไม่ได้จะแย่งของของเจ้าหรอก”
เมื่อพูดจบเขาก็ยกมือขึ้น หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยมาอยู่ที่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่
“ในเมื่อเจ้าสามารถทะลวงค่ายกลที่ข้าวางเอาไว้ได้ อีกทั้งสามารถเก็บของลงไปได้แล้ว ของชิ้นนี้ก็ถือว่าเป็นของเจ้าแล้ว ข้าไม่เอามันกลับคืนมาหรอก”
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ว่าแรงกดดันที่มีค่อยๆ หายไปแล้ว
นางเอื้อมมือออกไปอย่างแข็งค้าง แล้วหยิบหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์กลับมา แต่สายตาก็ยังจ้องอยู่ที่คนผู้นั้นท่าทางตกตะลึงอย่างมาก
ปฐมกษัตริย์…คาดไม่ถึงว่านางจะได้เจอกับปฐมกษัตริย์
แม้ว่าในชาติที่แล้ว นางจะวางแผนเข้ามาอาณาจักรเทพเทียนลิ่งมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถเจอปฐมกษัตริย์ได้!
นางรู้สึกอบอุ่น และแสบจมูกขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้ชายคนนั้นคิดว่าเมื่อคืนของนางไปแล้ว นางไม่น่าจะมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้อีก
แต่คิดไม่ถึงว่านางไม่เพียงมองเหมือนเดิม แต่ดวงตากลับแดงขึ้นมามากกว่าเดิมด้วย!
เมื่อมองดูแววตาแดงก่ำ เหมือนลูกกระต่าย เขาก็อดรู้สึกใจเสียขึ้นมาไม่ได้
“เฮ้ย สาวน้อย เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใด?”
ซั่งกวนจิ้งไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวเพียงอย่างเดียวคือคนร้องไห้
อีกทั้งคนคนนั้นยังเป็นแม่นางน้อยด้วย
นี่…เขาก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น แม่นางคนนี้เหตุใดเห็นเหมือนข้ากลั่นแกล้งนางขนาดนั้นเล่า?
เขาก็แค่ส่งแรงกดดันไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น ยังไม่ทำร้ายนางเลย ยิ่งไปกว่านั้นภายในร่างกายของนางยังมีพลังแห่งสวรรค์ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เลย!
“เจ้า อย่าร้องสิ! ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าของชิ้นนี้เป็นของเจ้าแล้ว?” ซั่งกวนจิ้งทำอันใดไม่ถูก “ถ้าเช่นนั้น…สมบัติที่อยู่ในห้องนี้เจ้าเอาไปให้หมดเลยดีหรือไม่?”
บนโลกนี้มีคนไม่ชอบเงินด้วยหรือ?
ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ถึงได้สติขึ้นมา ริมฝีปากสั่นสะท้านเล็กน้อย
“ขอบคุณ…ขอบคุณท่านอาวุโส”
นางเกือบจะหลุดพูดคำว่า “ปฐมกษัตริย์” ออกไปแล้ว!
นางพยายามควบคุมสติของตัวเองให้ดีที่สุด แต่น้ำเสียงของนางก็ยังสั่นเครืออยู่ ทำให้เห็นว่านางยังคงรู้สึกสับสนอยู่เช่นเดิม
ซั่งกวนจิ้งเห็นว่านางรับปากแล้ว จึงถอนหายใจออกมา
แต่ว่าเขาเองก็รู้สึกสงสัยในปฏิกิริยาที่สาวน้อยคนนี้มีต่อตนเองเล็กน้อย เหมือนกับว่ามันค่อนข้างเหมือน…
น่าจะเป็นเพราะเขาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันล่ะมั้ง?
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็โบกมือ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณที่อยู่ที่กระบี่หลงหยวนเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ ในใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
หากมีคนรู้ว่านางถูกทำลายชีพจร ซ้ำยังไม่มีหนทางรักษา นางไม่มีทางนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอน
แม้จะไม่รู้ว่านางใช้วิธีการใดกันแน่ แต่นางก็สามารถซ่อนความลับนี้ได้สำเร็จ
จริงสิ นอกจากเจียงอวี่เฉิง
“ข้าว่า ปัญหาของนางอยู่ที่การฝึกตนใช่หรือไม่”
ซั่งกวนจิ้งถามขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ข้าน้อยได้ยินมาว่า เหมือนว่าชีพจรของนางจะมีปัญหา…”
“มิน่าล่ะ…”
ใบหน้าของซั่งกวนจิ้งแสดงออกมาคิดเอาไว้อยู่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น
ท่าทางของปฐมกษัตริย์ เหมือนจะรู้แล้วว่าเหตุใดซั่งกวนหว่านถึงได้จัดงานหมื่นทูรขึ้นมา?
“ผู้อาวุโส ที่ท่านพูดเช่นนี้…หมายความว่าอย่างใด?” นางถามขึ้นเสียงเบา
ใบหน้าของซั่งกวนจิ้งก็ดูเคร่งเครียดมากขึ้นหลายเท่า เขาเอามือไพล่หลัง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
“ช่างเถอะๆ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้จะดีกว่า สรุปแล้วนี่ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายที่ราชวงศ์เทียนลิ่งมีทายาทเช่นนี้”
ฉู่หลิวเยว่ก็อยากจะถามอันใดอีกสักหน่อย แต่คิดไปคิดมา ก็ยังไม่ยอมพูดออกไป
ทันใดนั้นก็เหมือนว่าซั่งกวนจิ้งจะนึกอันใดขึ้นมาได้ แล้วมองนางขึ้นลงอย่างสำรวจ
“จะว่าไปแล้ว เจ้าเข้ามาในท้องพระโรงนี้ได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังอินทรีสามตาที่อยู่ด้านข้าง แล้วกระแอมไออย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ขอตอบตามตรง ที่ข้ามาครั้งนี้ เพื่อมาตามหาโครงกระดูกเหล่านี้ นี่…อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของข้า มีเพียงจิตวิญญาณ ข้าอยากช่วยทำให้เขามีกายเนื้อ จึงบุกมาที่นี่เจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ได้ถามเรื่องนี้”
ซั่งกวนจิ้งมีสีหน้าแปลกๆ ไป
“เจ้าอาจจะไม่รู้ ประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงแห่งนี้ มีเพียงคนที่มีสายเลือดราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถเปิดมันได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...