เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 556

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง

ก่อนจะเห็นบุรุษอายุรุ่นราวประมาณสามสิบปีคนหนึ่ง สวมชุดคุลมตัวยาวสีขาวนวลราวแสงจันทร์เดินเข้ามา

ทั้งดูสง่าผ่าเผยและมั่นคง มาดของเขาดูไม่เหมือนนักธุรกิจหัวการค้า แต่เหมือนนักวิชาการเสียมากกว่า

และเขาผู้นี้ก็คือประมุขของหอร้อยโอสถ เย่ว์หลิง

เย่ว์หลิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ พลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“น้อยครั้งนักที่คุณหนูฉู่จะมาเยือนร้านของเรา เหตุใดจึงยืนอยู่หน้าประตูไม่เข้าไปเสียทีเล่า?”

ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างแปลกใจ

“ประมุขเย่ว์จำข้าได้ด้วยหรือ?”

เย่ว์หลิงหัวเราะแล้วพยักหน้า

“ที่งานหมื่นทูร คุณหนูฉู่ดึงดูดสายตาของผู้ชมได้อย่างล้นหลามเลยล่ะ”

ที่แท้ก็เป็นเพราะงานหมื่นทูรนี่เอง

ฉู่หลิวเยว่หลุดหัวเราะออกมาทันที

“ขอบคุณประมุขเย่ว์สำหรับการเยินยอ คิดไม่ถึงเลยว่าประมุขที่งานล้นมืออย่างท่าน จะมีอารมณ์ขันเช่นนี้”

ความแข็งแกร่งของเย่ว์หลิงนั้นเหนือกว่านักรบระดับเจ็ดอย่างแน่นอน และถ้าพูดตามหลักเหตุผล คนอย่างเขาคงไม่ได้จริงจังกับการแข่งขันประเภทนี้เสียเท่าไร

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นถึงประมุขของหอร้อยโอสถ และไม่ใช่เจ้าสำนักใดๆ มันจึงค่อนข้างแปลกที่เขาจะยอมเสียเวลาไปกับการรับชมการแข่งขันนี้

เย่ว์หลิงขมวดคิ้วทีละน้อย

และถ้าจะให้พูดว่าไปเขาดูนางเพราะความคลั่งไคล้ ก็คงจะฟังดูเกินไปหน่อยกระมั้ง?

คุณหนูฉู่ผู้นี้คงเป็นประเภทอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป

ครั้งก่อนที่นางมายังหอร้อยโอสถนั้น ก็เป็นจังหวะที่เขาไม่ได้สังเกต และทำให้นึกเสียดายจนถึงทุกวันนี้

เขาอยากจะหาโอกาสไปเจอนางสักครั้ง เผื่อว่าในอนาคตอาจไม่ได้เจอกันอีก

ทว่าฉู่หลิวเยว่นั้นอาศัยอยู่ในจวนมู่ ที่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา เขาจึงไม่มีโอกาสได้พบนางเสียที

สุดท้าย เขาจึงต้องไปดูการแข่งขันของนางที่จัตุรัสเสวียนจีแทน

ซึ่งในขณะที่รออยู่สองสามวัน ในที่สุดนางก็โผล่ออกมา และคว้าอันดับหนึ่งไปได้

และนั่นทำให้เขายิ่งประทับใจในตัวฉู่หลิวเยว่เข้าไปใหญ่

คำยกยอที่พูดออกไปเมื่อครู่เองก็มาจากความรู้สึกจริงๆ ของเขา

ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย

“เดิมทีข้าก็อยากเข้าไปนะ แต่ดันมาเห็นฉากนี้เสียก่อน”

ความจริงเย่ว์หลิงจำเด็กสาวเหล่านี้ได้ตั้งนานแล้ว

เขามาที่นี่ได้ครู่หนึ่งแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเด็กสาวกลุ่มนี้กำลังสร้างปัญหาให้ฉู่หลิวเยว่ ในใจเขาก็อยากจะสังหารพวกนางทิ้งเสีย!

เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงหูเบื้องบนล่ะก็…เขาได้โดนตราหน้าว่าเป็นประมุขไร้น้ำยาแน่ๆ!

และถ้าฉู่หลิวเยว่ไม่พอใจขึ้นมา…

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหนาวไปถึงคอ

“ต้องขออภัยคุณหนูฉู่ ทางข้าผิดเองที่จัดการปัญหาไม่ได้ จนท่านต้องพลอยลำบากไปด้วย เช่นนี้แล้ว ข้าจะเป็นคนพาท่านเข้าไปเลือกสินค้าด้านในเองแล้วกัน ท่านว่าเป็นเช่นไร?”

จากนั้นเหล่าทหารก็เข้ามาพากลุ่มของเด็กสาวออกไป

ทว่าเด็กสาวคนหนึ่งยังต้องการจะพูดอันใดต่อ แต่จู่ๆ กลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลัง จนแน่นหน้าอกไปหมด และพูดอันใดไม่ได้สักคำ!

เด็กสาวอีกสองคนที่เหลือก็รู้สึกแบบเดียวกัน

ฉู่หลิวเยว่เหลือบมอง และเดาได้ว่าน่าจะเป็นฝีมือของเย่ว์หลิง

นางชะงักไปเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า

“ข้าได้ยินว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับข้าด้วย…”

“คุณหนูฉู่เข้าใจผิดแล้ว สาเหตุจริงๆ ของเหตุการณ์นี้ก็คือ พวกนางได้กระทำการดูหมิ่นลูกค้าระดับพิเศษขณะอยู่ในหอร้อยโอสถอย่างเปิดเผย ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงสร้างความอับอายให้กับลูกค้าผู้ทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูถูกหอร้อยโอสถของเราด้วย กระทั่งวันนี้ ทุกอย่างก็เป็นเพราะการพูดไม่คิดของพวกนางเองทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะท่าน หรือลูกค้าท่านอื่น อย่างใดเสียผลลัพธ์ที่ตามมานั้นก็ยังเหมือนเดิม”

การแสดงออกของเย่ว์หลิงดูสงบนิ่ง แต่น้ำเสียงของเขากลับหนักแน่นจนเถียงไม่ได้

เขาเบนสายตามองเด็กสาวกลุ่มนั้น พลางเอ่ยเสียงเรียบ

“ถ้าในอนาคตพวกเจ้าไม่กลัวเรื่องหาซื้อสมุนไพรในเมืองซีหลิงไม่ได้ ก็จงสร้างปัญหาต่อไปเถอะ”

พลันการเคลื่อนไหวของเด็กสาวเหล่านั้นก็หยุดชะงักทันที

ผู้คนที่อยู่รอบๆ เองก็ถึงกับพร้อมใจกันเงียบกริบ

นี่มัน…ขู่กันซึ่งๆ หน้าชัดๆ!

ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าหอร้อยโอสถจะกล้าอวดดีกับลูกค้าเช่นนี้!

แต่ในเมื่อเย่ว์หลิงเป็นคนเอ่ยปากเอง ย่อมหมายความว่าเขาทำได้อย่างที่พูดแน่นอน!

หอร้อยโอสถไม่เคยข่มขู่ใครเช่นนี้ แต่เมื่อพวกเขาประสบปัญหา พวกเขาจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ!

ฉู่หลิวเยว่แอบคิดในใจ ภายนอกประมุขเย่ว์คนนี้ดูอ่อนโยน แต่เขากล้าบ้าบิ่นกว่าที่คิดเสียอีก

ไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายสามารถอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของหอร้อยโอสถได้

“…ขะ! ขอรับ!”

คนรับใช้ตัวน้อยพลันได้สติ และรีบลงไปเตรียมสินค้าอย่างว่องไว

คนรับใช้หลายคนต่างมองดูภาพนั้นด้วยความเสียดาย

เหตุใดวันนี้ท่านประมุขถึงมาเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่นี่กัน?

ถ้าอีกฝ่ายไม่มา วันนี้หนึ่งในพวกเขาคงได้ออกไปรับใช้ฉู่หลิวเยว่แล้ว!

แต่น่าเสียดายที่ท่านประมุขยืนอยู่ตรงนั้น และดูเหมือนเขาจะตามนางไปจนจบเลยด้วย เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่มีทางเข้าไปแทรกแซงได้แล้วสิ

“คุณหนูฉู่ เร็วๆ นี้เราได้นำสินค้าตัวใหม่ไปจัดวางอยู่ที่ชั้นสอง ท่านต้องการขึ้นไปดูหรือไม่?”

เย่ว์หลิงถาม

ฉู่หลิวเยว่จึงพยักหน้าตอบ

“ตกลง”

“เช่นนั้นก็เชิญเลย”

พูดจบเย่วหลิงก็หมุนตัวเดินนำฉู่หลิวเยว่ขึ้นไปชั้นสอง

เมื่อคล้อยหลังคนทั้งสอง ท่ามกลางห้องโถงที่เงียบสงัด ในที่สุดก็มีใครบางคนพ่นลมหายใจออกมา หลังจากที่อัดอั้นมานาน

“โอ้ สวรรค์…เมื่อครู่นางจ่ายไปเท่าไหร่นะ…”

“ข้าก็ไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้ด้วย…น่าหงุดหงิดเสียจริง! พวกเรามันก็ได้แต่เลือกซื้อของจากชั้นหนึ่ง ส่วนพวกที่ขึ้นชั้นสอง…ก็มีแต่คนรวยเท่านั้นแหละ!”

“แต่แปลกมาก ครั้งก่อนฉู่หลิวเยว่มาที่นี้พร้อมผู้ติดตามจากจวนมู่ ทว่าตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา…”

ทุกคนล้วนสงสัยในเรื่องนี้ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้สนใจเลย

แม้ก่อนหน้านี้จะหักคอเอาเงินจากมู่ชิงเห่อมาใช้อย่างสุขสบาย แต่พูดก็พูดเถอะ ใช้จ่ายด้วยเงินของตัวเองย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ

แต่ทว่าตอนนี้ สภาพทางการเงินของนางก็ยังได้จัดว่าดีเท่าที่ควร…

ปกติชั้นสองจะรกร้างไร้ผู้คนมาโดยตลอด และวันนี้ก็ยิ่งไม่มีลูกค้าขึ้นมาเลยสักคน

ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกเสมือนว่าตนนั้นกำลังอยู่ในห้องส่วนตัว

เย่ว์หลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง พลันเอ่ยอ้อมๆ ว่า

“คุณหนูฉู่ ท่านสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการได้ตามใจชอบ เนื่องจากวันนี้พวกเราทำให้ท่านต้องเจอกับเรื่องน่าตกใจที่ประตูทางเข้า ดังนั้นข้าจะมอบส่วนลดให้ท่านสามสิบเปอร์เซ็นต์”

เดิมทีเขาไม่ต้องการเก็บเงินนางด้วยซ้ำ แต่ที่ต้องพูดเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้คุณหนูฉู่ รู้ถึงเจตนาลำเอียงที่ดูโจ่งแจ้งเกินไปของตน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์