ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยนึกขึ้นมาได้
ก่อนหน้านี้เชียงหว่านโจวเคยบอกกับนางว่า เขาไม่รู้จักตัวหนังสือ ดังนั้นเขาจึงอ่านรายการเหล่านี้ไม่ออก
เมื่อครู่นางตั้งใจจะหยอกล้อ แต่ก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท
เชียงหว่านโจวเบือนหน้าหันไปมองที่ด้านข้าง ผมสั้นสีทองของเขาบดบังดวงตา จึงทำให้ฉู่หลิวเยว่มองเห็นเพียงสันกราม และจมูกที่ตั้งตรงของเขาเท่านั้น จากนั้นก็เห็นว่าเขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
ความจริงแล้ว…เขาคงจะใส่ใจเรื่องนี้มากอยู่ทีเดียว
หัวใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีใครเอามีดที่แหลมคมมากรีดจนเป็นแผล
เธออ้าปากขึ้น ทว่าที่ลำคอเหมือนมีอะไรสักอย่างมาอุดไว้ นางพูดอันใดไม่ออกเลย
ฉากแบบนั้น…มันจะคล้ายกันเกินไปแล้วมั้ง?
นี่มันเหมือนกับตอนที่นางเจอมู่ชิงเห่อเมื่อตอนแรกเลยไม่ใช่หรือ?
ตอนนั้นนางสอนให้เขาคัดตัวอักษร สอนให้เขาฝึกวิชายุทธ์ สอนให้เขาพูดจา และทำสิ่งต่างๆ…
มู่ชิงเห่อนั้นฉลาดมาก ไม่ว่าเรื่องอันใดก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างดี
ดังนั้นเขาจึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เวลาสั้นๆ ในระยะสิบปี เขาก็สามารถกลายเป็นบุคคลสำคัญของราชวงศ์เทียนลิ่งได้แล้ว
หากเขากระทืบเท้าเพียงหนึ่งครั้ง อาณาจักรส่วนใหญ่ก็ต้องสั่นสะเทือน!
แต่…หลังจากนั้นล่ะ?
ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่เงียบปครู่หนึ่ง เชียงหว่านโจวจึงหันหน้ากลับมามองนาง ทว่าเห็นนางกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงชะงักไปครู่หนึ่ง
ไม่…ไม่ใช่ นางไม่ได้มองเขาอยู่
เชียงหว่านโจวขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็เดินเข้าไป
“เป็นอันใดไปหรือ?”
ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ถึงเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา
“ไม่มีอันใด”
เชียงหว่านโจวมองเข้าไปในแววตาของนางด้วยความจริงจัง
“เจ้าดูเศร้ามาก”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา
ในบางครั้งนางก็รู้สึกว่าเชียงหว่านโจวนั้นฉลาดมากเกินไป
เชียงหว่านโจวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาว่า
“ข้าจะเก็บรายชื่อนั้นเอาไว้อย่างดี”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักค้างไป
เด็กคนนี้…หรือเขาคิดว่าถ้าเขาทำเช่นนี้แล้ว นางจะเสียใจน้อยลงใช่หรือไม่?
ในใจของนางก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
นางพูดขึ้นว่า…
“ข้าจะสอนเจ้า”
เชียงหว่านโจวนิ่งไป “อันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หยิบพู่กันออกมาแล้ว เขียนลงบนกระดาษขาว
ทันใดนั้นเชียงหว่านโจวก็เข้าใจได้ในทันที
เขาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอันใดอยู่กันแน่
ฉู่หลิวเยว่ลูบศีรษะของเขาเบาๆ
“แต่ข้าไม่สอนให้เจ้าโดยไม่หวังผลหรอกนะ หลังจากนี้เจ้าจะต้องช่วยข้าทำงาน ถือว่าเป็นค่าเรียน”
เชียงหว่านโจวพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ได้”
…
ตระกูลเจียง
เจียงอวี่เฉิงล้มตัวลงที่พื้นด้วยความเจ็บปวด เหงื่อที่หน้าผากไหลออกมาเป็นเม็ดใหญ่ ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ
ทันใดนั้นพลังดั้งเดิมในร่างกายของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว จนเกือบจะทำให้เขาเป็นลมสลบลงไปแล้ว!
เขารีบกัดฟันกรอด เพราะกลัวว่าหากเคลื่อนไหวอันใดไป จะทำให้เป็นการดึงดูดความสนใจจากบุคคลภายนอกได้
เขาต้องอดทนไปพลาง และมองดูกลางฝ่ามือของตนเองไปพลาง
เส้นเลือดบางๆ สายหนึ่งไหลจากกลางฝ่ามือลงมาที่ข้อมือ
แต่ในตอนนั้นเองตำแหน่งที่ข้อมือของเขามันหายไปอย่างรวดเร็ว
เจียงอวี่เฉิงตกใจอย่างมาก
เหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ…มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างใด?
ก่อนหน้านี้มันยังดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?
หรือว่า…คนในสำนักชงซูเก๋อจะรู้เรื่องนี้แล้ว?
เขากดเส้นเลือดสายนั้นอย่างสุดกำลัง เขาต้องการหยุดการแตกสลายของมัน
แต่ว่าที่เขาทำไปทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ต้องกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่!
ในขณะเดียวกัน ระดับพลังของเขาก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับแปดขั้นกลางแล้ว จากนั้นก็ลดลงไปที่ระดับแปดขั้นต่ำ!
ตอนนั้นเองร่างกายของเขาก็ล้มลงไปที่พื้นเสียงดัง!
ในตอนนี้เจียงอวี่เฉิงจะยังสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่ได้อย่างใด?
ในสมองของเขาตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียว!
ระดับการฝึกของเขาลดลงแล้ว!
ต้องบอกก่อนว่า ระดับพลังในส่วนนี้ หากลดลงไปแค่หนึ่งส่วนก็แตกต่างกันอย่างมาก!
เขาใช้เวลาหนึ่งปี ระดับการบำเพ็ญเพียรของเขาจึงเพิ่มขึ้น แต่ในตอนนี้มันกลับศูนย์เปล่าไปหมดแล้ว!
อีกทั้งสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร หากระดับพลังถดถอย ที่สูญเสียไปไม่ใช่แค่พลังเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นชีพจร สภาพจิตใจ และอื่นๆ อีกมากมาย
การที่เขาล้มลงครั้งนี้ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานขนาดไหน ถึงจะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิม!
หรือบางทีมันอาจจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว!
บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินการเคลื่อนไหวของเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นห่วง แต่ด้วยคำสั่งของเจียงอวี่เฉิงที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไป จึงทำได้เพียงรออยู่ด้านหน้าด้วยใจเป็นกังวล
ภายนอกและภายในห้องต่างเงียบสงัด
เจียงอวี่เฉิงทรุดตัวนั่งลงบนพื้นด้วยความมึนงง เขาได้ยินเพียงเสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจของตนเองเท่านั้น
พลังทั้งสองส่วนที่อยู่ในชีพจร ก็เหมือนว่าจะระเบิดออกมา
เวลาผ่านสักพัก เหมือนว่าในที่สุดเขาก็เคยชินกับความเจ็บปวดที่รุนแรงนี้แล้ว
แต่หลังจากนั้น เขาถึงได้ค้นพบว่า ไม่ใช่ว่าเขาชินชาแล้ว แต่เป็นเพราะความเจ็บปวดนั้นมันคลายลงแล้วจริงๆ
แต่ใบหน้าของเขาดูไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย ราวกับว่าเขาจะเดาอันใดได้บางอย่าง เขาจึงค่อยๆ ก้มหน้า แล้วมองฝ่ามือของตนเอง
เส้นสีแดงเส้นนั้น ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้ว!
เหลือเพียงบาดแผล ที่บ่งบอกว่าเมื่อครู่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!
หากเมื่อครู่มันยังไม่หยุดละก็ เกรงว่าอีกไม่นานเขาจะต้องเป็นนักรบระดับแปดอย่างแน่นอน!
ในใจของเจียงอวี่เฉิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ในตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างใดดี
เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ในสมองของเขากลับว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว คราบเลือดที่อยู่บนตัวของเขาก็ค่อยๆ แห้ง ในที่สุดเขาก็ได้สติขึ้นมาแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน…
“คุณชายใหญ่ขอรับ ประมุขสำนักชงซูเก๋อมาขอเข้าพบขอรับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...