ไม่เพียงแค่สามารถปิดปากซย่าโหวถิงอันได้
แต่ทุกคนที่อยู่ในงานประมูลล้วนเงียบกริบ!
อากาศในตอนนั้นเหมือนจะเย็นขึ้นทันที!
ท่าทางการแสดงออกของทุกคนนั้นยอดเยี่ยมมาก
ขนาดคนที่มากประสบการณ์ของซ่งเจิง ก็ยังนิ่งค้างไปชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน
นี่คือ…นี่อันใดกันแน่เนี่ย?
ไม่เพียงแต่จะเรียกให้อีกฝ่ายเสนอราคา แต่ในตอนที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ตนเองก็เสนอราคาขึ้นมาเกทับเสียแล้ว!
นี่เขาต้องไม่เห็นซย่าโหวถิงอันผู้นี้อยู่ในสายตาอย่างแน่นอน!
มีคนจำนวนไม่น้อยแอบลอบมองซย่าโหวถิงอันอยู่ และสีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ดูย่ำแย่อย่างมากด้วย อ้าปากค้างจนแมลงวันจะบินเข้าไปได้แล้ว
โหดเหี้ยม!
นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
น้ำเสียงของซย่าโหวถิงอันเต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างมาก!
คนที่ประมูลแข่งกับเขานั้น ไม่เพียงมีเงินอย่างเดียวแต่ยังกล้าหาญอีกด้วย!
ซ่งเจิงสามารถดึงสติกลับมาได้เร็วที่สุดแล้วในตอนนี้ เขากระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วพูดต่อว่า
“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว! ยังมีใครจะเสนอราคาอีกหรือไม่?”
ไม่มีคนพูดขัด
ซย่าโหวถิงอันกำที่วางแขนของเก้าอี้จนเกือบหัก!
เขาคิดว่าเขามีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังไม่เคยสับสนถึงขนาดนี้เลย!
ไม่เสนอราคา?
เจียงอวี่จือก็ยังนั่งอยู่ด้านข้างของเขา อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาก็เคยสัญญากับนางไว้แล้วว่าจะประมูลกระบี่เล่มนั้นให้นาง!
เสนอราคา?
แต่ในตัวของเขาตอนนี้ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น! แล้วอีกอย่าง เงินจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้เบิกจากบัญชีส่วนนอกมา ก็ยากที่จะรอดพ้นสายตาของคนอื่น!
แต่ในตอนนี้ซย่าโหวถิงอันขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก!
“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว ครั้งที่หนึ่ง!”
ซย่าโหวถิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้ทำใจสงบๆ เมื่อหันมองเจียงอวี่จือที่อยู่ด้านข้าง เขาก็พูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยนว่า
“อวี่จือ เจ้าอยากได้กระบี่เล่มนั้นจริงๆ ใช่หรือไม่?”
เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น
“แน่นอน!”
ความจริงแล้ว ตอนแรกนางก็แค่ชอบมันอย่างเดียว
แต่ว่าตอนนี้มันคือการต่อสู้!
ซย่าโหวถิงอันรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงปลอบใจอย่างอดทนว่า
“อวี่จือ เรื่องที่ข้าจะช่วยเจ้าประมูลกระบี่เล่มนั้น มันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญก็คือ…พวกเราไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร เจ้าลองคิดดูสิ อีกฝ่ายสามารถมองเห็นเรา และเขาต้องรู้ฐานะของพวกเราอย่างแน่นอน แต่เขาก็ยังกล้าที่จะทำเช่นนี้…ข้าว่าฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”
เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“แล้วอย่างใดเล่า? หรือว่าเจ้าคิดว่าข้า เจียงอวี่จือ ผู้นี้จะกลัว?”
“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว ครั้งที่สอง!”
ซย่าโหวถิงอันสำลักในลำคอ จากนั้นก็ต้องสะกดกลั้นความเหนื่อยหน่ายของตนเองลง ก่อนจะพูดโน้มน้าวว่า
“อวี่จือ…พวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก…เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงสามกำลังจะแต่งงานกับพี่ชายของเจ้า กำหนดการทุกอย่างก็ออกมาแล้ว ยิ่งทำเช่นนี้ คนอื่นก็จะยิ่งมองเจ้าไม่ดี! หากเรื่องที่วันนี้พวกเราใช้เงินมากกว่าหนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาวเพื่อซื้อกระบี่เล่มหนึ่งแพร่กระจายออกไป ทุกคนจะพูดว่าอย่างใด? เขาจะบอกเจ้าเป็นลูกคุณหนูที่ฟุ่มเฟือย…ถึงตอนนั้นถ้ามันส่งผลกระทบกับพี่ชายของเจ้าจะทำอย่างใด?”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเจียงอวี่เฉิง สีหน้าของเจียงอวี่จือก็เปลี่ยนไปทันที
เมื่อซย่าโหวถิงอันเห็นว่านางผ่อนคลายลงมากแล้ว เขาก็พูดต่อว่า
“…เจ้าก็รู้ว่า คนที่มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งกับพี่ชายของเจ้า หากพี่ชายของเจ้ารู้ว่าเจ้ายอมทำเพื่อเขา ยอมปล่อยกระบี่เล่มนั้นไปเพื่อชื่อเสียงของเขา…เขาจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน หลังจากเรื่องทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะอยากได้อันใด มันก็จะต้องได้มาอย่างง่ายดายแน่นอน”
คำพูดสุดท้ายของเขานั้นทำให้เจียงอวี่จือเปลี่ยนใจได้
“ก็ได้! ถ้าเช่นนั้นคราวนี้ก็ช่างมันเถอะ!”
ในที่สุดซย่าโหวถิงอันก็หายใจได้ทั่วท้องเสียที
“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาวครั้งที่สาม…สิ้นสุดการประมูล!”
เจียงอวี่จือมองกระบี่เทพเมฆาสำริดเล่มนั้นด้วยสายตาไม่ยินยอม
“หากข้ารู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร…ข้าจะไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างเด็ดขาด!”
ซย่าโหวถิงอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของเจียงอวี่จือเสียงเบา
เจียงอวี่จือรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“จริงหรือ? ทำเช่นนี้…มันจะมีประโยชน์หรือ?”
ซย่าโหวถิงอันกำหมัดแน่น พร้อมทุบหน้าอกของตนเองอย่างแรง
“ข้าจะทำเอง เจ้าวางใจเถอะ”
…
“เจ้ายังไม่จัดการเขาหรือ?”
“ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ออกจากจวนมาสามเดือน เจ้าคิดว่าเพราะสาเหตุอันใด?”
เจี่ยนเฟิงฉือยกนิ้วโป้งขึ้น
“สุดท้ายแล้วสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ยอดเยี่ยมที่สุด”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ปัดมือของเขาออกไป
“ไม่ต้องมาทำเช่นนี้! ความจริงแล้ว ข้าขอบอกเจ้าอย่างไม่ปิดบัง ถ้าเทียบให้ดูซย่าโหวถิงอันขายหน้า ข้ากลับชอบดูเจียงอวี่จือที่โมโหจนพูดอันใดไม่ออกมากกว่า!”
ราวกับว่าเจี่ยนเฟิงฉือก็คิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เขาจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะนางล่วงเกินคนผู้นั้น…แต่คนผู้นั้นกลับไม่คิดเล็กคิดน้อย ส่วนเจ้านั้นก็ยังจดจำเอาไว้ตลอด”
ต่อให้ถึงเวลานี้ สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ยังเก็บความไม่พอใจเจียงอวี่จือเอาไว้
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์หัวเราะเสียงเย็น
“เจียงอวี่จือผู้นี้…จะต้องมีคนจัดการกับนางแน่นอน”
ตอนนี้นางอาศัยเพียงเจียงอวี่เฉิง ก็ยังวางท่าใหญ่โตคับซีหลิงเสียขนาดนี้
ศัตรูมีนับไม่ถ้วน แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลย!
น่าขันเสียจริง
เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ของที่วันนี้ต้องซื้อก็ซื้อแล้ว ความบันเทิงก็ได้ชมแล้ว มีความสุขหรือไม่? ความจริงแล้วข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ประมูลกระบี่เล่มเมื่อครู่นี้คือใครกันแน่…”
เขายังพูดไม่ทันจบ แต่แววตาก็ฉายประกายเย็นเยียบ ก่อนจะลุกพรึ่บ แล้วเดินไปที่หน้าต่าง พร้อมมองลงไปที่เวที!
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก
“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
…
ในขณะเดียว ฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวอีกห้อง ก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันเช่นกัน ทันใดนั้นก็มีกรงอันหนึ่งปรากฏขึ้นกลางเวทีอย่างกะทันหัน!
ภายในกรงขนาดใหญ่นั้นกำลังขังผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
เสื้อผ้าของนางขาดวิ่น ใบหน้าซีดเผือด ผมยาวลงมาปกคลุมใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง
แต่ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถมองออกได้ทันที
นั่นคือ…มู่หงอวี่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...