เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 588

ไม่เพียงแค่สามารถปิดปากซย่าโหวถิงอันได้

แต่ทุกคนที่อยู่ในงานประมูลล้วนเงียบกริบ!

อากาศในตอนนั้นเหมือนจะเย็นขึ้นทันที!

ท่าทางการแสดงออกของทุกคนนั้นยอดเยี่ยมมาก

ขนาดคนที่มากประสบการณ์ของซ่งเจิง ก็ยังนิ่งค้างไปชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน

นี่คือ…นี่อันใดกันแน่เนี่ย?

ไม่เพียงแต่จะเรียกให้อีกฝ่ายเสนอราคา แต่ในตอนที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ตนเองก็เสนอราคาขึ้นมาเกทับเสียแล้ว!

นี่เขาต้องไม่เห็นซย่าโหวถิงอันผู้นี้อยู่ในสายตาอย่างแน่นอน!

มีคนจำนวนไม่น้อยแอบลอบมองซย่าโหวถิงอันอยู่ และสีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ดูย่ำแย่อย่างมากด้วย อ้าปากค้างจนแมลงวันจะบินเข้าไปได้แล้ว

โหดเหี้ยม!

นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

น้ำเสียงของซย่าโหวถิงอันเต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างมาก!

คนที่ประมูลแข่งกับเขานั้น ไม่เพียงมีเงินอย่างเดียวแต่ยังกล้าหาญอีกด้วย!

ซ่งเจิงสามารถดึงสติกลับมาได้เร็วที่สุดแล้วในตอนนี้ เขากระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วพูดต่อว่า

“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว! ยังมีใครจะเสนอราคาอีกหรือไม่?”

ไม่มีคนพูดขัด

ซย่าโหวถิงอันกำที่วางแขนของเก้าอี้จนเกือบหัก!

เขาคิดว่าเขามีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังไม่เคยสับสนถึงขนาดนี้เลย!

ไม่เสนอราคา?

เจียงอวี่จือก็ยังนั่งอยู่ด้านข้างของเขา อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาก็เคยสัญญากับนางไว้แล้วว่าจะประมูลกระบี่เล่มนั้นให้นาง!

เสนอราคา?

แต่ในตัวของเขาตอนนี้ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น! แล้วอีกอย่าง เงินจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้เบิกจากบัญชีส่วนนอกมา ก็ยากที่จะรอดพ้นสายตาของคนอื่น!

แต่ในตอนนี้ซย่าโหวถิงอันขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก!

“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว ครั้งที่หนึ่ง!”

ซย่าโหวถิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้ทำใจสงบๆ เมื่อหันมองเจียงอวี่จือที่อยู่ด้านข้าง เขาก็พูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยนว่า

“อวี่จือ เจ้าอยากได้กระบี่เล่มนั้นจริงๆ ใช่หรือไม่?”

เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น

“แน่นอน!”

ความจริงแล้ว ตอนแรกนางก็แค่ชอบมันอย่างเดียว

แต่ว่าตอนนี้มันคือการต่อสู้!

ซย่าโหวถิงอันรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงปลอบใจอย่างอดทนว่า

“อวี่จือ เรื่องที่ข้าจะช่วยเจ้าประมูลกระบี่เล่มนั้น มันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญก็คือ…พวกเราไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร เจ้าลองคิดดูสิ อีกฝ่ายสามารถมองเห็นเรา และเขาต้องรู้ฐานะของพวกเราอย่างแน่นอน แต่เขาก็ยังกล้าที่จะทำเช่นนี้…ข้าว่าฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

“แล้วอย่างใดเล่า? หรือว่าเจ้าคิดว่าข้า เจียงอวี่จือ ผู้นี้จะกลัว?”

“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว ครั้งที่สอง!”

ซย่าโหวถิงอันสำลักในลำคอ จากนั้นก็ต้องสะกดกลั้นความเหนื่อยหน่ายของตนเองลง ก่อนจะพูดโน้มน้าวว่า

“อวี่จือ…พวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก…เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงสามกำลังจะแต่งงานกับพี่ชายของเจ้า กำหนดการทุกอย่างก็ออกมาแล้ว ยิ่งทำเช่นนี้ คนอื่นก็จะยิ่งมองเจ้าไม่ดี! หากเรื่องที่วันนี้พวกเราใช้เงินมากกว่าหนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาวเพื่อซื้อกระบี่เล่มหนึ่งแพร่กระจายออกไป ทุกคนจะพูดว่าอย่างใด? เขาจะบอกเจ้าเป็นลูกคุณหนูที่ฟุ่มเฟือย…ถึงตอนนั้นถ้ามันส่งผลกระทบกับพี่ชายของเจ้าจะทำอย่างใด?”

เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเจียงอวี่เฉิง สีหน้าของเจียงอวี่จือก็เปลี่ยนไปทันที

เมื่อซย่าโหวถิงอันเห็นว่านางผ่อนคลายลงมากแล้ว เขาก็พูดต่อว่า

“…เจ้าก็รู้ว่า คนที่มีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก ก็ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ยิ่งกับพี่ชายของเจ้า หากพี่ชายของเจ้ารู้ว่าเจ้ายอมทำเพื่อเขา ยอมปล่อยกระบี่เล่มนั้นไปเพื่อชื่อเสียงของเขา…เขาจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน หลังจากเรื่องทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะอยากได้อันใด มันก็จะต้องได้มาอย่างง่ายดายแน่นอน”

คำพูดสุดท้ายของเขานั้นทำให้เจียงอวี่จือเปลี่ยนใจได้

“ก็ได้! ถ้าเช่นนั้นคราวนี้ก็ช่างมันเถอะ!”

ในที่สุดซย่าโหวถิงอันก็หายใจได้ทั่วท้องเสียที

“หนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาวครั้งที่สาม…สิ้นสุดการประมูล!”

เจียงอวี่จือมองกระบี่เทพเมฆาสำริดเล่มนั้นด้วยสายตาไม่ยินยอม

“หากข้ารู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร…ข้าจะไม่มีวันปล่อยเขาไปอย่างเด็ดขาด!”

ซย่าโหวถิงอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของเจียงอวี่จือเสียงเบา

เจียงอวี่จือรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

“จริงหรือ? ทำเช่นนี้…มันจะมีประโยชน์หรือ?”

ซย่าโหวถิงอันกำหมัดแน่น พร้อมทุบหน้าอกของตนเองอย่างแรง

“ข้าจะทำเอง เจ้าวางใจเถอะ”

“เจ้ายังไม่จัดการเขาหรือ?”

“ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ออกจากจวนมาสามเดือน เจ้าคิดว่าเพราะสาเหตุอันใด?”

เจี่ยนเฟิงฉือยกนิ้วโป้งขึ้น

“สุดท้ายแล้วสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ยอดเยี่ยมที่สุด”

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ปัดมือของเขาออกไป

“ไม่ต้องมาทำเช่นนี้! ความจริงแล้ว ข้าขอบอกเจ้าอย่างไม่ปิดบัง ถ้าเทียบให้ดูซย่าโหวถิงอันขายหน้า ข้ากลับชอบดูเจียงอวี่จือที่โมโหจนพูดอันใดไม่ออกมากกว่า!”

ราวกับว่าเจี่ยนเฟิงฉือก็คิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เขาจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า

“ถ้าไม่ใช่เพราะนางล่วงเกินคนผู้นั้น…แต่คนผู้นั้นกลับไม่คิดเล็กคิดน้อย ส่วนเจ้านั้นก็ยังจดจำเอาไว้ตลอด”

ต่อให้ถึงเวลานี้ สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ยังเก็บความไม่พอใจเจียงอวี่จือเอาไว้

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์หัวเราะเสียงเย็น

“เจียงอวี่จือผู้นี้…จะต้องมีคนจัดการกับนางแน่นอน”

ตอนนี้นางอาศัยเพียงเจียงอวี่เฉิง ก็ยังวางท่าใหญ่โตคับซีหลิงเสียขนาดนี้

ศัตรูมีนับไม่ถ้วน แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลย!

น่าขันเสียจริง

เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ของที่วันนี้ต้องซื้อก็ซื้อแล้ว ความบันเทิงก็ได้ชมแล้ว มีความสุขหรือไม่? ความจริงแล้วข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ประมูลกระบี่เล่มเมื่อครู่นี้คือใครกันแน่…”

เขายังพูดไม่ทันจบ แต่แววตาก็ฉายประกายเย็นเยียบ ก่อนจะลุกพรึ่บ แล้วเดินไปที่หน้าต่าง พร้อมมองลงไปที่เวที!

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก

“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”

ในขณะเดียว ฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวอีกห้อง ก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันเช่นกัน ทันใดนั้นก็มีกรงอันหนึ่งปรากฏขึ้นกลางเวทีอย่างกะทันหัน!

ภายในกรงขนาดใหญ่นั้นกำลังขังผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

เสื้อผ้าของนางขาดวิ่น ใบหน้าซีดเผือด ผมยาวลงมาปกคลุมใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง

แต่ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถมองออกได้ทันที

นั่นคือ…มู่หงอวี่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์