ไม่นานมานี้ชงซูเก๋อยังตามหลังอยู่มาก แต่หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวมาถึง พวกเขาก็ไล่ตามทันและคว้าชัยชนะมาได้อย่างต่อเนื่อง!
ตอนนี้ขอเพียงแค่ชนะอีกหนึ่งครั้ง ชงซูเก๋อก็จะสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างราบรื่น!
ทุกคนต่างถอนหายใจ
ใครจะคิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันเสียใหญ่โตเพียงนี้?
และดูเหมือนว่าสถานะที่มั่งคงมาตลอดของพันธมิตรเก้าดารานั้น กำลังตกอยู่ในขั้นวิกฤตเสียแล้ว…
…
จางหัวขมวดคิ้วแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววตาเชือดเฉือน
หากสายตาฆ่าคนได้ ฉู่หลิวเยว่คงโดนเขาฟันด้วยมีดพันเล่มไปแล้ว
ทว่าฉู่หลิวเยว่นั้นชินชากับการจ้องมองทุกประเภทอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เลย
แค่นี้ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หากจบการประลองแล้ว จางหัวจะไม่โกรธแค้นจนเสียสติไปเลยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่คิดในใจ มุมปากของนางยกยิ้มเย้ยหยัน พลันใช้มือข้างหนึ่งตบหม้อต้มโอสถทันที!
เปลวเพลิงสีแดงลุกโชติช่วง!
หนิงจื้อชิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่ยังมีแรงแข่งต้มยาต่อไปจริงๆ ด้วย…
สรุปแล้ว นางมีพลังปราณภายในมากเพียงใดกัน?
แต่ถึงอย่างใดก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาจะต้องชนะการประลองครั้งนี้ให้ได้!
เมื่อครู่เซี่ยหลิงหยางก็แพ้ไปแล้ว เกรงว่ากลับไปอย่างผู้แพ้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ตอนนี้ความกดดันทั้งหมดตกอยู่ที่เขาคนเดียว ถ้าเขาแพ้ มันจะแย่กว่าเซี่ยหลิงหยางหลายเท่า
พอนึกถึงสิ่งนี้ หนิงจื้อชิงก็เม้มปากแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์ และใส่วัตถุดิบยาลงในหม้อต้มโอสถอย่างเป็นระบบ แล้วเริ่มกลั่นยา
…
เวลาผ่านไปช้ามาก
ความสนใจของทุกคนล้วนจดจ่ออยู่ที่ฉู่หลิวเยว่และหนิงจื้อชิง
สถานการณ์ในตอนนี้ ได้ดึงดูดความสนใจคนของสำนักอื่นให้เข้ามาชมกันอย่างล้นหลาม
เจี่ยนชูเย่เอามือไพล่หลังพลางใช้สายตามองฉู่หลิวเยว่ผ่านร่องน้ำที่คั่นกลางระหว่างสนามประลอง ก่อนจะตบริมฝีปากตัวเองอย่างอดไม่ได้
“จิ๊ จิ๊! สาวน้อยคนนี้ซ่อนความเก่งกาจไว้มากมายจริงๆ! ลองดูวิธีการพวกนี้สิ ช่างชำนาญยิ่งนัก! อีกทั้งยังควบคุมไฟได้ดีด้วย! ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ล้ำค่าจริงๆ!”
เขาเอ่ยชื่นชมออกมาเสียงดัง และทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ได้ยินอย่างชัดเจน
เจี่ยนเฟิงฉือถึงกับปวดหัว พลันเอ่ยถามอย่างเหลืออด
“ท่านพ่อ ท่านเอาแต่ดูพวกเขาทั้งสอง ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเริ่มการประลองจนถึงตอนนี้ แต่ท่านกลับไม่หันไปดูการประลองระหว่างภูเขาเขี้ยวมังกรกับสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์เลย ตกลงท่านอยู่สำนักใดกันแน่?”
เจี่ยนชูเย่โบกมืออย่างไม่แยแส
“การประลองของสำนักเรามันน่าตื่นเต้นตรงไหน? อย่างใดเราก็ชนะอยู่ดี! ถ้าพูดตามตรง ข้าว่าการประลองของเชียงหว่านโจวกับฉู่หลิวเยว่ได้อรรถรสมากกว่าอีก! ถ้าไม่ดูล่ะน่าเสียดายเลย!”
เจี่ยนเฟิงฉือพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง
เขาคิดว่าตอนนี้ตาแก่ของเขาโดนซื้อไปเรียบร้อยแล้ว และไม่มีทางจะดึงกลับมาได้ด้วย
เจี่ยนชูเย่โพล่งขึ้นอีกครา
“ดูสิ! ระดับการกลั่นยาของฉู่หลิวเยว่นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้นางอยู่ในระดับใด?”
เจี่ยนเฟิงฉือหรี่ตา พลางเอ่ยอย่างเกียจคร้าน
“น่าจะเซียนหมอระดับสี่? ทว่าก่อนหน้านี้ตอนเป็นแค่เซียนหมอระดับสาม นางก็สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะได้แล้ว ฉะนั้น…ระดับที่แท้จริงของนางคงจะสูงกว่านี้”
อืม เช่นเดียวกับระดับของนางในการประลองสองครั้งที่ผ่านมา
แม้จะเป็นการต่อสู้โดยเพิ่มลมปราณแบบก้าวกระโดด แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำสำเร็จ!
ซึ่งนางเองก็พึ่งพาพลังแบบนั้นมาตลอดมิใช่หรือ?
เจี่ยนชูเย่ถอนหายใจพรวด
“ไอ้หยา! ข้าเองก็เดาว่าเป็นเช่นนั้น! เจ้าดูทักษะของนางสิ แม้แต่เซียนหมอระดับห้ายังต้องอาย! ตอนเจ้าอายุเท่านั้น เจ้าห่วยแตกกว่านางเสียอีก!”
เจี่ยนเฟิงฉือ “…”
ย้อนกลับไปสมัยเรียน ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่เคยแพ้ผู้ใดเลยนะ?
และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน!
เจี่ยนเฟิงฉือกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ราวเกียจคร้านระคนชั่วร้าย
“ดูเจ้าจะเชื่อในตัวนางมาก”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
มู่หงอวี่ก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว เพื่อจะได้เห็นการประลองได้ชัดขึ้น
“เมื่อได้สู้กับฉู่หลิวเยว่ อย่างใดพันธมิตรเก้าดาราอันใดนั่นก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับนาง! เพราะแต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยเห็นนางแพ้ให้ใครเลย!”
เจี่ยนชูเย่ถามด้วยความสนใจ
“หงอวี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าฉู่หลิวเยว่เริ่มฝึกเป็นเซียนหมอตั้งแต่เมื่อใด? แล้วใครคืออาจารย์ของนาง?”
เขาไม่สนใจเรื่องอื่น แต่เขาต้องการรู้แค่เรื่องนี้จริงๆ
การที่เขาสามารถผลิตลูกศิษย์อย่างฉู่หลิวเยว่ออกมาได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าอาจารย์ของนางในตอนนั้น ทรงพลังมากเพียงใด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การฝึกตนของเซียนหมอนั้นจะต้องได้รับคำแนะนำอย่างระมัดระวัง และการสอนจากปรมาจารย์ในระดับสูง
มู่หงอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“เหมือนจะเป็น…เหมือนจะเป็นหลังจากผ่านวันเกิดครบรอบสิบสี่ปีของนาง…ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ครบหนึ่งปีด้วยซ้ำ ส่วนอาจารย์ของนางก็คือเจ้าสำนักของเรา! ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ้าสำนักรับนางเป็นศิษย์ ตั้งแต่ก่อนที่นางจะเข้ามาศึกษาในสำนักวิชาของเราเสียอีก แต่ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อใด”
เจี่ยนชูเย่ตกตะลึง
“เจ้าจะบอกว่า…นางเพิ่งเป็นเซียนหมอฝึกหัดได้ไม่ถึงปีอย่างนั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างใด!”
มู่หงอวี่ทวนความคิดอีกรอบ พลันเอ่ย
“ข้าไม่แน่ใจว่านางเริ่มฝึกเซียนหมอมานานแล้วหรือไม่ แต่สิ่งที่ข้าสามารถยืนยันได้ก็คือ ก่อนวันเกิดครบรอบสิบสี่ปีของนาง ชีพจรดั้งเดิมในร่างกายของนางยังไม่สมบูรณ์ ทำให้นางไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้ในเวลานั้นอย่างแน่นอน”
พอคิดๆ ดูแล้ว ฉู่หลิวเยว่นั้นดูราวกับเปลี่ยนจากคนไร้ค่าเป็นอัจฉริยะในชั่วข้ามคืน
เจี่ยนชูเย่สูดหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกเสียใจทันที หัวใจของเขาปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก
“ตอนนั้นข้าน่าจะแย่งนางมาจากซงเหล่าเสียให้จบๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...