ก๊อกๆ!
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบที่อยู่ภายในห้อง
“คุณชายใหญ่ องค์หญิงสามมาหาขอรับ!”
ซุนฉีพูดขึ้นด้วยความเคารพ
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ซั่งกวนหว่าน?
เหตุใดจู่ๆ นางถึงมาหาเขาถึงที่จวนนี้ได้เล่า?
เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็กวาดสายตามองร่างกายของเซี่ยมู่ด้วยความเย็นชา
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน!”
เซี่ยมู่โค้งตัวลง พร้อมก้มหน้า ราวกับว่ากำลังตื่นตระหนกอย่างมาก
เจียงอวี่เฉิงเปิดประตูห้องออกไป แล้วหันไปมองทางซุนฉี
“องค์หญิงสามมาที่นี่คนเดียวหรือ? แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”
ซุนฉีรีบตอบขึ้น
“เรียนคุณชายใหญ่ องค์หญิงสามนั่งรถม้าออกมาพร้อมกับฉานอี้ขอรับ ตอนนี้กำลังอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ขอรับ วันนี้นายท่านและฮูหยินไม่อยู่ที่จวน ดังนั้นตอนนี้…คุณหนูสี่จึงออกไปต้อนรับอยู่ขอรับ ส่วนบ่าวก็รออยู่ด้านนอกเรือนขอรับ”
เจียงอวี่จือ?
ข้าบอกให้นางอยู่แต่ในเรือนของตนเองไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงวิ่งโร่ไปที่ห้องโถงใหญ่ได้เล่า?
เจียงอวี่เฉิงนึกถึงเรื่องที่เคยพูดกับเจียงอวี่จือได้ทันที เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ช่วงเวลานี้ไม่รู้ว่าเจียงอวี่จือทำตัวดีขึ้นบ้างหรือไม่ หากนางยังมีความคิดเหมือนเมื่อก่อนแล้วละก็ เช่นนั้น…เกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีแล้ว!
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ตัดสินใจรีบไปที่นั่นด้วยตนเองทันที
ในตอนนี้เขาไม่ไว้ใจเจียงอวี่จือเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงสามที่มาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน บางทีอาจจะมีเรื่องสำคัญก็เป็นได้
“ข้าจะไป”
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปที่กลุ่มคนทางชายหน้าบากที่ออกมาก่อนหน้านี้
“พวกเจ้ากลับไปได้ จำเอาไว้ ห้ามแพร่งพรายเรื่องวันนี้แม้แต่ครึ่งคำ! หากข้ารู้มาว่าพวกเจ้าปล่อยข่าวลือออกไปแล้วละก็…พวกเจ้าน่าจะรู้ผลลัพธ์สินะ”
“ขอรับ!”
ชายหน้าบากและคนอื่นๆ ขานรับอย่างพร้อมเพรียง ในใจรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ก่อนจะทยอยจากไปทีละคน
ส่วนคนที่ยังไม่ได้รับการไต่สวน ก็ต้องรออยู่ในจวนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาจึงอดเหลือบสายตามองกลุ่มชายหน้าบากที่เดินออกไปด้วยแววตาอิจฉาไม่ได้
เจียงอวี่เฉิงเหลือบสายตามองฉีต้าเหออยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับซุนฉีด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ส่งคนมาคุมกันคนผู้นี้และคนที่อยู่ในห้องให้ดี!”
ซุนฉีรู้สึกตกใจอย่างมาก นี่เท่ากับเขาเลือกฉีต้าเหอแล้วใช่หรือไม่…
“ขอรับ!”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจียงอวี่เฉิง เขาก็ขานรับทันที จากนั้นเขาจึงส่งองครักษ์สองคนเข้าไปในห้องอีกด้วย เพื่อจับตามองเซี่ยมู่อย่างใกล้ชิด
หลังจากเขาสั่งการเรื่องเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมา
หลังจากที่เขาเดินออกมาแล้ว คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเรือนก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
มีเพียงฉีต้าเหอเท่านั้นที่ตระหนกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เหตุใดเซี่ยมู่ก็โดนคุมตัวด้วยเหมือนกันล่ะ?
ดูจากท่าทางของคุณชายใหญ่เมื่อครู่นี้แล้ว ท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อเซี่ยมู่ก็ช่าง…
หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเซี่ยมู่จริงๆ?
ไม่ ไม่ใช่!
ตอนที่อยู่ชายแดนใต้ อันตรายอยู่รอบด้าน ทุกคนถูกสถานการณ์บังคับให้กระจายตัวออกไป
แม้กระทั่งคุณชายใหญ่เองก็หายสาบสูญ ติดต่อพวกเขาไม่ได้หนึ่งวันเต็มๆ
แต่เขากับเซี่ยมู่นั้นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา!
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเซี่ยมู่ ก็สามารถเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ให้กันและกันได้
แต่เหตุใดตอนนี้เหมือนว่าคุณชายใหญ่จะปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกเขาแล้วล่ะ?
แล้วอีกอย่าง…เมื่อครู่คุณชายใหญ่ถามแค่สองสามคำถามเท่านั้น แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก่อนจะตัดสินใจว่านี่เป็นฝีมือของเขา
ส่วนเขาแม้แต่โอกาสอธิบายยังไม่มีเลย แต่กลับถูกไล่ออกมาและมีคนเหล่านี้จับตามองอยู่
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า สิ่งที่กำลังรอพวกเขาอยู่นั่นคืออันใด!
หรือว่าเซี่ยมู่ก็เผชิญสถานการณ์เดียวกันกับเขา?
ฉีต้าเหอมองไปยังห้องนั้นด้วยใจจดใจจ่อ แต่น่าเสียดายที่เขาเห็นเพียงร่างขององครักษ์สองคน ไม่เห็นแม้แต่เงาของเซี่ยมู่เลย
“ยืนนิ่งๆ สิ!”
องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างเตะเข้าที่ข้อพับของเขาอย่างแรง จนเขาเกือบจะล้มตัวลงที่พื้น
องครักษ์ที่ยกดาบขึ้นมานั้น ก็ถือโอกาสพูดหาทางลงให้ตนเอง
เซี่ยมู่เองก็เหลือบสายตามองชายสองคนนั้นเบาๆ พร้อมเอนกายพิงพนักเก้าอี้โดยไม่เคลื่อนไหวอันใดอีก
แต่ทว่า…
เซี่ยมู่นั่งลง องครักษ์ทั้งสองยืนอยู่
เซี่ยมู่อยู่ว่างๆ ทำตัวผ่อนคลาย องครักษ์ทั้งสองระวังตัวสุดขีด
แต่เซี่ยมู่ที่เป็นคนโดนคุ้มกันแท้ๆ กลับผ่อนคลายมากกว่าองครักษ์ทั้งสองคนนั้นอีก
ราวกับว่า…เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เซี่ยมู่เอนกายพิงเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดอย่างเกียจคร้าน
ซั่งกวนหว่านมา เช่นนั้นคงอีกนานกว่าเจียงอวี่เฉิงจะกลับมา แน่นอนว่าเขาจะต้องพักผ่อนให้ดี
…
ห้องโถง
“…ไม่ว่าอย่างใดข้าก็รู้สึกว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นั้น น่ารังเกียจมาก…เพิ่งมาซีหลิงได้แค่ไม่กี่วัน แต่คาดไม่ถึงว่าจะกำเริบเสิบสานขนาดนี้แล้ว ในอนาคตไม่รู้ว่านางจะวางท่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนเชียว!”
เจียงอวี่จือพูดขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นระคนโมโห
“ตอนนี้นางยังกล้ารังแกข้าที่เป็นคุณหนูสี่ตระกูลเจียง ไม่แน่ว่าในอนาคตนางอาจจะหมิ่นเกียรติขององค์หญิงสามแล้ว!”
ซั่งกวนหว่านได้ยินดังนั้น จึงพูดออกมาเสียงเรียบว่า
“ข้ารู้ว่าใบหน้าของนางมีความคล้ายกับพี่หญิงใหญ่ แต่บนโลกนี้ก็มีคนที่หน้าคล้ายกันมากมาย ใบหน้านี้พ่อแม่ให้มา จะโทษใครได้เล่า? อีกทั้งข้าคิดว่า ฉู่หลิวเยว่คนนี้ก็พอใช้ได้…อวี่จือ ข้าคิดว่าเพราะนางแย่งของของเจ้า เจ้าจึงรู้สึกเกลียดนางอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
พูดมาตั้งมากมาย แต่ความหมายของเจียงอวี่จือมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
…นั่นคืออยากจะยืมมือซั่งกวนหว่านกำจัดฉู่หลิวเยว่
แม้ว่านางจะไม่ชอบฉู่หลิวเยว่มาก แต่ไม่ชอบคนที่แย่งของของนางมากกว่า
เจียงอวี่จือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ! นาง…ความจริงแล้วมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าไม่เคยบอกองค์หญิงมาก่อนเลย”
นางกดเสียงลงต่ำ
“ในห้องหนังสือของท่านพี่ ความจริงแล้วมี…”
แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของเจียงอวี่จือ
“หว่านเอ๋อร์!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...