องครักษ์สองคนรีบคุกเข่าลงทันที
แต่เซี่ยมู่กลับค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพอย่างช้าๆ ราวกับเขาไม่รู้ว่าตนเองได้ทำเรื่องกำเริบเสิบสานลงไปแล้ว
เมื่อเจียงอวี่เฉิงเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกโมโหอย่างมาก จนเส้นเลือดสีเขียวตรงหน้าผากเต้นตุบๆ
เขาไม่เคยเห็นคนที่ใจกล้าบ้าบิ่น ทำตัวกำเริบในจวนตระกูลเฉิงเช่นนี้มาก่อนเลย!
“เซี่ยมู่! เจ้ากล้าดีอย่างใด!”
เซี่ยมู่เงยหน้ามองเขา เสมือนมีเมฆหมอกบดบังสายตาทำให้เขามองไม่ชัด เขาดูมึนงงสับสนอย่างมาก
ก็ให้เขารออยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?
เขาก็รออยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ ไม่ได้ทำอันใดเลยสักอย่าง
เจียงอวี่เฉิงหลับตาแน่น
ถ้าไม่ใช่เพราะรอบข้างมีคนรายล้อมอยู่มากมาย เกรงว่าเขาจะต้องถีบอีกฝ่ายจนกลิ้งแน่ๆ!
“พวกเจ้าทั้งสองคน…ไสหัวไป!”
เขาหันไปตะคอกองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างด้วยความโกรธ
ไร้ประโยชน์!
ทั้งสองคนขานรับทันที จากนั้นก็รีบออกจากห้องนี้โดยเร็ว
แต่เมื่อพวกเขาเดินมาถึงที่หน้าประตูห้อง เขาก็ได้ยินเสียงเจียงอวี่เฉิงพูดต่อว่า
“ไปคุกเข่าที่ด้านนอก! แล้วตบหน้าตนเองห้าสิบครั้ง!”
องครักษ์ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา ในใจก็คร่ำครวญไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยมู่เป็นคนก่อเรื่อง แล้วเหตุใดสุดท้ายถึงได้มาลงโทษพวกเขากันละเนี่ย?
แต่ในตอนนี้เจียงอวี่เฉิงกำลังโมโหอยู่ ใครจะกล้าไปเถียงกัน?
ทั้งสองคนจึงต้องขานรับอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากที่เขาเดินเข้ามากลางลานแล้ว เขาก็คุกเข่ากลางหิมะเสียงดัง “สวบ” จากนั้นก็เริ่มตบปากตนเองทันที
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้น ก็เริ่มมองหน้ากันไปมา พร้อมใบหน้าซีดเผือด
นี่มัน…เกิดอันใดขึ้นหรือ?
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเป็นคนที่คุมเซี่ยมู่อยู่ด้านในห้องไม่ใช่หรือ เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงอาละวาดใส่อย่างรุนแรงเช่นนี้เล่า?
แล้วเมื่อครู่พวกเขาก็ไม่ได้เสียงเคลื่อนไหวใดๆ ในห้องด้วย…
เสียงตบหน้าดังขึ้นท่ามกลางเรือนอันเงียบสงบ จึงทำให้เสียงนั้นดังชัดเจนเป็นพิเศษ
คนจำนวนไม่น้อยมองไปยังซุนฉี
ซุนฉีเองก็รู้ถึงสาเหตุเรื่องนี้ แต่เมื่อมองไปที่องครักษ์ทั้งสองคนนั้น เขาก็รู้สึกอารมณ์เสียเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเขามีดาบอยู่ในมือ และเป็นคนที่รับผิดชอบในการคุมกันอีกฝ่าย แต่เขากลับถูกเซี่ยมู่กดหัวเช่นนั้น
ไม่รู้เหตุใดพวกเขาถึงได้โง่ขนาดนี้!
ก็สมน้ำหน้าแล้วที่โดนคุณชายใหญ่ลงโทษ!
จากนั้นเขาก็เหลือบสายตาเข้าไปมองในห้อง
ตอนนี้ประตูบานใหญ่กำลังปิดสนิท จึงทำให้มองอันใดไม่เห็นเลย
แต่ว่าคุณชายใหญ่กลับมาแล้ว แค่ต้องการจัดการเซี่ยมู่ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่หรือ?
…
ภายในห้อง เจียงอวี่เฉิงจ้องเซี่ยมู่ตาเขม็ง น้ำเสียงก็เย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“เจ้าคิดว่ามีอิสระแล้วหรือ หือ? เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นที่ใดกัน? บ้านของเจ้างั้นหรือ?”
เซี่ยมู่ก้มหน้าลงต่ำ ไหล่ทั้งสองข้างห่อลง ดูท่าทางขลาดกลัวอยู่เล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น เขาก็รีบส่ายหน้าทันที
ไม่
ที่แห่งนี้น่าขยะแขยงเกินไป จะให้คิดว่าเป็นบ้านได้อย่างใด?
“แล้วเจ้ายังกล้าทำเช่นนี้อีกหรือ?!”
เจียงอวี่เฉิงยกมือขึ้นทำท่าจะตบเขา แต่เมื่อเห็นหน้ากากเหล็กที่ปิดบังครึ่งหน้า เขาก็หยุดมือลงทันที
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาระบายความโกรธแล้ว
ที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือการแก้ไขปัญหา!
เจียงอวี่เฉิงสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็ระงับความโกรธที่มีในใจลง พร้อมหรี่ตามองเขา
“เดี๋ยวเจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ในภายหลัง เมื่อครู่ที่ข้าถามเจ้า เจ้ายังไม่ได้ตอบเลย พูดมา! นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!”
พู่กันด้ามนั้นเหมือนมีพลังมหาศาล ทำให้จมเข้าไปในเนื้อของเขา!
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงซีดขาวขึ้นทันที เขาบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้น
“เจ้าอยากตายหรือ!”
เขาจับตัวของเซี่ยมู่แน่น ก่อนจะโคจรพลังดั้งเดิมไว้ที่กลางฝ่ามือ ก่อนจะซัดไปทางเซี่ยมู่อย่างแรง!
ทันใดนั้นเซี่ยมู่ก็ย่อตัวลง พร้อมกอดรัดแขนของเขาแล้วบิดอย่างแรง!
เจียงอวี่เฉิงเจ็บอย่างมาก จึงเผลอปล่อยมือจากอีกฝ่าย
เซี่ยมู่ใช้โอกาสนี้รีบหนีทันที!
ปึง!
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกอย่างแรง
“คุณชายใหญ่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
พรึ่บ!
เซี่ยมู่พังหน้าต่างบานหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดออกไป!
ทันใดนั้นเองเงาร่างผอมเล็กก็หายไปจากสายตาของทุกคนทันที!
เจียงอวี่เฉิงกัดฟันแล้วดึงพู่กันออกมา เลือดและเศษเนื้อก็กระจายออก!
ฝีเท้าโซเซ จนเกือบจะล้มลง
หากเป็นช่วงปกติ การโจมตีแค่นี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด
แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ตำแหน่งที่เซี่ยมู่แทงเข้ามา เกือบจะตรงกับตำแหน่งเดิมพอดี นั่นจึงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก จนแทบจะเป็นลมล้มลงไปแล้ว!
ซุนฉีและคนอื่นๆ ที่บุกเข้ามา ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
นี่…นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?
เซี่ยมู่ทำร้ายคุณชายใหญ่แล้วหนีไป?
“รีบ…รีบตามไปเร็วเข้า!”
เจียงอวี่เฉิงตะโกนขึ้นด้วยความโมโห!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...