ตอน บทที่ 734 เบิกทาง จาก ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 734 เบิกทาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ที่เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ซั่งกวนหว่านล้มลงอย่างแรงอีกครั้ง จนปิ่นหยกหล่นกระแทกพื้น ผมสยายลงมา
แรงตบครั้งนี้ทำให้มึนงงไปเลย จนภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ
นางอ้าปากกว้าง ระหว่างซอกฟันมีกลิ่นคาวคละคลุ้ง นั่นคือเลือดที่ไหลออกมานั่นเอง
ใบหน้าเต็มไปด้วยความชาและมึนงง หลังจากหยุดชะงักไประยะหนึ่ง ความเจ็บปวดที่เหมือนกับน้ำหลากก็ทะลักออกมา!
แต่นี่เทียบไม่ได้เลยกับความกลัวที่อยู่ในใจลึกๆ ของนาง!
นางรู้ว่าบุคคลลึกลับผู้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายน่ากลัวขนาดนี้!
อีกฝ่ายสามารถจัดการนางได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว!
ต้องบอกก่อนว่า ระดับของนางในตอนนี้คือจอมยุทธ์ขั้นแปดตอนต้น
แต่ตอนที่อีกฝ่ายลงมือมานั้น นางไม่มีแม้เวลาจะตอบสนองเลย ทำให้นางต้องทุกข์ทนต่อการโดนทำร้ายเท่านั้น!
ฝ่ามือทั้งสองฝ่ามือนี้ทำให้ซั่งกวนหว่านรู้อย่างชัดเจนว่านางต่างกับอีกฝ่ายอย่างมาก!
“ตอนนี้เจ้าจะพูดความจริงได้หรือยัง?”
เสียงนั้นดังก้องขึ้น ราวกับเสียงปีศาจที่กระซิบอยู่ข้างหู
หัวใจของซั่งกวนหว่านกระตุกวาบ นางคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้ว หมอบศีรษะลง
“ผู้น้อย…ผู้น้อยผิดไปแล้ว!”
ครั้งนี้นางไม่กล้าเล่นลูกไม้อันใดอีกแล้ว จึงได้แต่ก้มหัวยอมรับผิดแต่โดยดี!
“ได้โปรดให้โอกาสผู้น้อยอีกสักครั้ง! หากท่านมีคำสั่งว่าอันใด ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟ ทำให้สำเร็จจนได้!”
นี่ก็เกือบสองปีแล้วที่ซั่งกวนหว่านไม่ได้คุกเข่าให้ใครอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่เคยใช้น้ำเสียงอ่อนน้อมขอร้องใครเช่นนี้เลย
เสด็จพ่อสลบไสล อำนาจทั้งหมดของราชวงศ์เทียนลิ่งก็อยู่ในมือของนาง นางอยู่ใต้คนๆ เดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น!
ดังนั้นที่นางคุกเข่าครั้งนี้ ในใจของนางจึงรู้สึกอัปยศอย่างมาก
แต่นางไม่กล้าไม่คุกเข่า
“ถ้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ก็จะได้ไม่ต้องมายุ่งยาก”
อักขระยันต์สีดำนั้นขยับไปมาเบาๆ และแค่นหัวเราะเย็นๆ
ซั่งกวนหว่านไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
“เส้นชีพจรของเจ้า ถูกชีพจรเทียนจิงทำลายไปตั้งนานแล้ว หากพูดตามหลักการแล้วมันไม่มีทางฟื้นฟูได้ เป็นข้าที่มอบโอกาสนี้ให้เจ้า ตอนนี้โอกาสมาอยู่ข้างหน้าแล้ว แต่เจ้ากลับไร้ประโยชน์ เป็นโคลนหย่อมหนึ่งที่ฉาบอย่างใดก็ไม่ติดผนัง[1]”
น้ำเสียงของคนผู้นั้นเอื่อยเฉย แต่กลับมีรัศมีที่สูงส่ง อีกทั้งทุกคำพูดก็ยังตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้าซั่งกวนหว่านเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง แต่กลับไม่กล้าเถียงเลยสักคำ
“ยัง ยังต้องให้ผู้อาวุโสช่วยแนะนำ!”
ซั่งกวนหว่านไม่ใช่คนโง่เขลา ที่อีกฝ่ายออกมาอย่างกะทันหันเป็นเพราะเรื่องเส้นชีพจรของนางอย่างแน่นอน
และเสียงนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า
“มีคนรู้ตำแหน่งของเจ้าแล้ว หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าเร่งทำเวลาฟื้นฟูเส้นชีพจรของตนเองจะดีกว่า หลังจากที่เจ้าพบเป้าหมายแล้วข้าจะกางม่านพลังช่วยเจ้า ไม่ให้มีใครมารบกวนได้ ขอเพียงแค่จิตของเจ้าต้องสงบ เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่มีปัญหา”
ซั่งกวนหว่านลังเลเล็กน้อย
“แต่ว่า…แต่ว่าผู้อาวุโสตอนนี้ต้องมีคนรู้แล้วแน่นอนว่าข้ากำลังทำอันใดอยู่ที่นี่…ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป…”
“รู้แล้วอย่างใด? ตราบใดที่เจ้าไม่เผชิญหน้ากับคนจำนวนมาก ก็ไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้หรอก อย่าลืมฐานะของเจ้าสิ!”
ซั่งกวนหว่านเบิกตากว้าง
นางตกใจอย่างมาก แล้วเข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา
ใช่แล้ว!
นางคือองค์หญิงสามแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง ตราบใดที่คนหมู่มากไม่เห็นนางด้วยตาตนเอง ใครจะกล้าบังคับให้นางสารภาพผิดได้?
ถ้านางถูกเปิดโปงจริงๆ นางก็แค่กัดฟันไม่ยอมรับเท่านั้นก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ตอนแรกหลังจากซั่งกวนเยว่ตายแล้ว ราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมดก็สั่นคลอน
คนจำนวนมากสงสัยในการตายของนาง มีบางคนเกือบจะสืบได้แล้วว่านางและเจียงอวี่เฉิงเป็นคนต้นเรื่อง แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ที่ข้ามาช่วยเจ้า เพราะข้าเองก็มีเหตุผล ข้าให้เวลาหนึ่งเค่อ ถ้าเจ้ายังทำไม่สำเร็จ ก็อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า”
“เจ้าค่ะ! เจ้าค่ะ!”
ซั่งกวนหว่านไม่กล้าถามมาก รีบนั่งสมาธิและหาคนที่เหมาะสมทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...