เจียงอวี่เฉิงรู้สึกสับสนอย่างมาก ความคิดสองอย่างกำลังตีอยู่ในสมองของเขา
ด้านหนึ่งถ้าซั่งกวนหว่านทำเรื่องทั้งหมดจริงๆ ดังนั้นนางจะไม่ไว้ชีวิตของฉู่หลิวเยว่ออกมาอย่างแน่นอน ต่อให้ฉินอีไปหานางแล้ว ก็ไม่มีทางช่วยฉู่หลิวเยว่กลับมาได้
ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็คิดว่าฉู่หลิวเยว่น่าจะรู้เรื่องราวแปดส่วนแล้ว หากนางยังมีชีวิตต่อไป นางจะต้องเป็นขวากหนามที่สำคัญของซั่งกวนหว่านอย่างแน่นอน
และเรื่องนี้ก็สามารถสาวมาถึงตัวเขาได้ด้วยเหมือนกัน
ท้ายที่สุดแล้วเขากับซั่งกวนหว่านก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว
ถ้าเรื่องที่ซั่งกวนหว่านทำถูกเปิดโปงขึ้นมา เช่นนั้นงานแต่งงานของพวกเขาก็ต้องถูกล้มเลิกแล้ว
ซั่งกวนหว่าน หรือแม้แต่เขา ก็จะต้องลงเหวไปทั้งคู่!
เดิมทีในเมืองซีหลิงก็มีคนเกลียดเขามากมายอยู่แล้ว หากเขาล้มเมื่อไร สิ่งที่รอเขาอยู่กลับปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน!
เมื่อครุ่นคิดอยู่นาน สายตาของเจียงอวี่เฉิงก็กลับมาเย็นชาดังเดิม
…
ในตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่และซั่งกวนหว่านก็ไม่รู้เรื่องอันใดเหล่านั้นเลย
หมัดของซั่งกวนหว่านถูกปล่อยออกไป!
หมัดนี้ถูกส่งออกมาอย่างเรียบง่ายอย่างมาก ไม่มีกระบวนท่าใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงพลังและความรุนแรงเท่านั้น!
ร่างเงาหมัดสีเขียวก็พุ่งตัวออกไป มันแหวกอากาศไปอย่างไร้เสียง! เหมือนเส้นโค้งที่สมบูรณ์แบบเกิดขึ้นที่กลางอากาศ!
ในที่สุด…มันก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่!
ความว่างเปล่าที่อยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกอากาศบีบอัดอย่างรุนแรง!
ภายใต้แรงกดดันที่ทรงพลังนี้ ทำให้ทุกส่วนของร่างกายฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนมีอันใดกดทับ มันรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก!
ทั้งร่างกายของนางเหมือนถูกแช่แข็ง แค่จะขยับเพียงเล็กน้อยก็ยังรู้สึกลำบาก!
นี่เป็นการโจมตีของจอมยุทธ์ระดับแปดที่ทุ่มเต็มแรง!
ต่อให้เป็นฉู่หลิวเยว่ นางก็ไม่มีทางรับการโจมตีนี้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่ากำปั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว แววตาของฉู่หลิวเยว่ก็ฉายแววเคร่งเครียด!
พรึ่บ!
ไข่มุกธาราที่อยู่ตรงตันเถียนก็เริ่มโคจรอย่างกะทันหัน!
ตอนนั้นเองพลังที่น่าเกรงขามพวยพุ่งออกมา และกระจายออกไปทั่วแขนขาของอีกฝ่ายทันที!
เพราะพลังนั้น ทำให้ร่างกายที่หนักอึ้งก็คลายแรงกดดันออกไปไม่น้อยทันที
นางก้าวพลาดเล็กน้อย และหายไปจากจุดเดิมทันที!
จากนั้นเงาของกำปั้นนั้นก็พุ่งตัวไปในอากาศ
รูม่านตาของซั่งกวนหว่านหดตัวเล็กน้อย จากนั้นก็แค่นหัวเราะเสียงเย็น
“ก็นับว่ามีฝีมือจริงๆ”
ปราณที่อยู่บนร่างกายของฉู่หลิวเยว่ดูแข็งแกร่งมากกว่าเดิมไม่น้อยเลยทีเดียว!
ดูจากท่าทางแล้วนางน่าจะมีไพ่ตายที่ไม่สามารถดูเบาได้!
ไม่เช่นนั้นฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถหลบการโจมตีที่นางทุ่มแรงทั้งหมดได้อย่างแน่นอน!
มิน่าล่ะฉู่หลิวเยว่จึงสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันครั้งที่แล้วมาได้…
ซั่งกวนหว่านเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“หากเจ้าจะใช้พลังเพียงเท่านี้เพื่อใช้ในการหลบหนี ข้าว่าเจ้ายังจะไร้เดียงสาเกินไปนะ!”
ต่อให้มีลูกเล่นมากเท่าใด แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง มันก็เป็นเพียงเรื่องน่าขันเท่านั้น!
ซั่งกวนหว่านคิดในใจ จากนั้นเงาหมัดก็เปลี่ยนทิศทางทันที ก่อนจะพุ่งตรงไปหาฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง!
แต่ในตอนนั้นเอง กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ก็มีแสงสีเงินปรากฏขึ้นมา
ซั่งกวนหว่านกะพริบตาปริบๆ เมื่อมองมันอย่างละเอียด จากนั้นถึงได้รู้ว่ามันคือมีดสั้นที่ฉู่หลิวเยว่ใช้ประจำ
นางยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย พร้อมหัวเราะเสียงเย็น
“อาศัยใช้แค่ของแบบนี้ เจ้าคิดว่าจะทำลายการโจมตีของข้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ? น่าขัน!”
ตามคำกล่าวที่ว่ายาวหนึ่งชุน แข็งแกร่งแค่หนึ่งชุน* เดิมทีอาวุธชิ้นนี้สร้างเพื่อพกพาสะดวก และพัฒนาการต่อสู้ของจอมยุทธ์
แต่เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะใช้มีดสั้นเล่มนี้อยู่ตลอด
ต่อให้มีดสั้นเล่มนี้คมเพียงใด ใช้ดีเพียงใด แต่มันก็เทียบกับกระบี่ไม่ได้หรอก และยังจะทำให้เสียเปรียบได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ดังนั้นสำหรับซั่งกวนหว่านแล้ว การที่ฉู่หลิวเยว่ยืนกรานจะใช้มีดสั้นเล่มนี้ เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเองแล้ว
พลังที่อยู่รอบข้างก็เริ่มไหลเข้าไปสู่ฝ่ามือนั้นอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเสียงเย็น
ฝ่ามือหลิงเซียวสามารถแบ่งได้เป็นสามระดับ
ระดับที่หนึ่งมีไว้สำหรับให้ลูกหลานของราชวงศ์เทียนลิ่งฝึกฝน แต่ระดับที่สองมีไว้สำหรับจอมยุทธ์ที่บำเพ็ญเพียรถึงขั้นที่เจ็ดถึงจะสามารถฝึกฝนได้
เงื่อนไขนี้อาจจะสูงไปหน่อยสำหรับคนธรรมดา
แต่สำหรับลูกหลานที่ถูกเลี้ยงดูจากราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย
แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฝึกระดับที่สองสำเร็จ เพราะว่าฝ่ามือหลิงเซียวระดับนั้นทั้งคลุมเครือและเข้าใจยาก ดังนั้นคนจำนวนมากจึงไม่สามารถเข้าสู่ระดับสองได้
ส่วนลำดับสุดท้ายนั้น..จะต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับที่แปดเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกฝนต่อไปได้
แม้ว่าตอนนี้ซั่งกวนหว่านที่เพิ่งขึ้นระดับแปดมาได้อย่างยากเย็น และเส้นชีพจรก็เสียหาย เดิมทีนางไม่สามารถศึกษาต่อไปได้แล้ว
ดังนั้นฝ่ามือของนางในตอนนี้คือพลังของระดับสอง
อย่างใดก็ตามในความคิดของนางนั้น ถ้าสามารถกำจัดฉู่หลิวเยว่ได้มันก็เพียงพอแล้ว!
“สามารถทำให้ข้าใช้ฝ่ามือหลิงเซียวระดับสองได้ นับว่าเจ้าได้ตายอย่างคุ้มค่าแล้ว!”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่เย็นชาอย่างมาก มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างประชดประชัน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ไม่ว่าอย่างใดซั่งกวนหว่านก็ไม่สามารถศึกษาฝ่ามือหลิงเซียวได้สำเร็จ ซั่งกวนหว่านยังแอบมาขอร้องนางช่วยสอนด้วย
ในตอนนั้นนางก็ยังให้คำชี้แนะกับซั่งกวนหว่านอย่างอดทน จนในที่สุดนางก็ฝึกสำเร็จ นางดีใจอย่างมาก และหวังว่าจะทำให้เสด็จพ่อประหลาดใจด้วย
เหตุใดในตอนนั้นนางจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างใด?
แต่นางก็ไม่ได้รังเกียจแม้แต่น้อย ตอนนั้นนางพูดขึ้นมาว่านางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป จะพูดเพียงแค่ว่าซั่งกวนหว่านฝึกฝนด้วยตนเอง
หลังจากข่าวนั้นแพร่ออกไปก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยกย่องว่าซั่งกวนหว่านเป็นคนฉลาด
แม้กระทั่งเสด็จพ่อ ก็ยังให้ความอ่อนโยนกับนางมากขึ้นหลายส่วน ท่านกล่าวว่าตอนเด็กยังมองไม่ออก แต่พอโตขึ้นก็ฉายแววฉลาด
ฉู่หลิวเยว่สะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย
ในเมื่อตอนแรกนางเป็นคนสอน…เช่นนั้นตอนนี้ก็ควรคืนนางมาได้แล้ว
*ยาวหนึ่งชุน แข็งแกร่งแค่หนึ่งชุน สื่อความหมายถึงมีดสั้นความแข็งแกร่งก็น้อย เพราะมันจะต้องมีระยะประชิดตัวที่มากขึ้น ทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...