เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 796

ดวงตาคู่นี้ ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนักราวกับว่า… เคยเห็นที่ไหน

เมื่อได้มองเพียงแวบแรก มันก็ลึกล้ำราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่มีผลถึงชีวิต

ฉู่หลิวเยว่เผยอปากของนาง และเกือบจะเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา

“จะ..เจ้า…”

อย่างใดก็ตาม ในขณะนี้ ชายผู้นั้นกลับละสายตาไปอย่างเฉยเมย

ในส่วนลึกของแววตาคู่นั้น ดูเหมือนจะมีหมอกบางๆ ปกคลุมดวงตาที่งดงามเหล่านั้นเอาไว้

และแล้วฉู่หลิวเยว่ก็กลับมามีสติอีกครั้ง และสังเกตผู้มาเยือนอย่างละเอียดอีกครา

เบื้องหน้านั้นคือชายลึกลับในชุดผ้าไหมทอสีดำ และสวมหน้ากากสีเงินไว้บนใบหน้า

เขาลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งกำลังมองลงมาที่ตัวนาง

เนื่องจากร่างของเขาปกคลุมด้วยเครื่องแบบสีดำทั้งตัวและไม่มีเครื่องประดับใดๆ เมื่อมองดูแล้ว มันเหมือนว่าเขานั้นแทบจะกลมกลืนไปกับพื้นที่อันมืดสลัวที่อยู่เบื้องหลัง สุดท้ายนางจึงทำได้เพียงพยายามที่คาดเดาจากรูปร่างสูงโปร่งนั่นแทน

สำหรับคนอื่นๆ… อาจจะมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

ฉู่หลิวเยว่จ้องไปที่เขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดโพล่งออกมา

“ถะ… เถ้าแก่ใหญ่?”

หลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดชายผู้นั้นก็เอ่ยปากออกมา เสียงของเขาต่ำเนือยและเฉื่อยชา

“เจ้านี่ช่างตาถึงจริงเชียว”

และแล้วก็ใช่เขาจริงๆ ด้วย!

อันที่จริงฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกประหลาดใจ

นางไม่เคยเห็นบุคคลท่านนี้ด้วยตาของนางเองเลยสักครั้ง นางเพียงแต่เคยได้ยินเสียงของเขาเมื่อตอนที่อยู่ในสุสานของจักรพรรดิเย่าเฉินครั้งล่าสุดเท่านั้น

เมื่อนางได้พบเห็นเขาในตอนนี้ นางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงรู้สึกว่า ชายผู้นี้ทำให้นางรู้สึกคล้ายคลึงกับเถ้าแก่ใหญ่ในวันนั้น

นางเพียงแต่ลองเชิงถามดูสักคำ ไม่คิดว่าตนนั้นจะทายถูก…

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา แล้วมองไปที่เขาอย่างละเอียดอีกครั้ง

น่าเสียดายที่บริเวณรอบๆ นั้นมืดมากจนมองอันใดแทบไม่ชัด อีกทั้งฝ่ายนั้นยังสวมหน้ากากอีก ยิ่งทำให้มองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

แต่นางก็รีบสำรวมกิริยาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลเช่นนี้ มันช่างยากที่จะหลีกเลี่ยงแววตาล่วงเกินที่ส่งออกไปได้

นี่คือการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพวกเราอย่างนั้นหรือ?

ฉู่หลิวเยว่ดึงสายตาของนางกลับมา พลันเหลียวมองไปยังอินทรีสามตา และหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้า

ก่อนท่านผู้นี้จะมา นางกำลังเตรียมการช่วยคืนร่างให้กับอินทรีสามตา แต่ยังไม่ทันได้ทำการใด เขาก็ดันปรากฏตัวขึ้นมาเสียก่อน

นอกจากนี้ เขายังสามารถมองเห็นสถานการณ์โดยรอบตัวนาง ผ่านค่ายกลโปร่งแสงที่องค์ไท่จู่สร้างเอาไว้ได้ด้วย

หากมีผู้อื่นปรากฏตัว ฉู่หลิวเยว่จะต้องรีบจัดการเก็บสิ่งเหล่านี้ในทันที

ใครก็ตามที่ช่างสังเกต ก็จะบอกได้ว่าอินทรีสามตาที่อยู่ข้างนางนั้น ไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป

และท่านผู้นี้เองก็… มีประวัติความเป็นมาที่ลึกลับและภูมิหลังอันทรงพลังยิ่ง

ฉู่หลิวเยว่เชื่อว่าเขาต้องรู้จักอินทรีสามตาอย่างแน่นอน

ในส่วนของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้น…

ถึงแม้ว่าแวบแรกที่เห็นมันจะดูเหมือนไม่มีอันใดที่พิเศษเลย แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าเขาจะรู้จักหรือไม่

ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าการครอบครองสิ่งนี้ ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ หลังจากรู้ว่าชายที่ปรากฏตัวขึ้นนั้น เป็นเถ้าแก่ใหญ่ นางกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

ไม่รู้ว่าเหตุใดลึกๆ ในใจ ฉู่หลิวเยว่กลับมั่นใจว่าเขาจะไม่ชิงของของนางไป

นางไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาได้ แต่ฉู่หลิวเยว่คิดเช่นนั้นจริงๆ

แม้ว่าคนคนนี้จะสามารถลงมือและแย่งชิงของของนางได้อย่างง่ายดาย แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่คิดที่จะซ่อนมัน

แถมเขายังเห็นมันหมดแล้วด้วย เช่นนั้นก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนมันแล้ว

ถ้าเขาต้องการอันใดบางอย่างจากนางจริงๆ เช่นนั้น เพราะอันใดเขาถึงทิ้งเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำนั่นไว้ให้นางตั้งแต่แรกกันล่ะ?

นึกมาถึงตอนนี้ หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เต้นรัว

นางแสดงความเคารพอีกฝ่ายด้วยใจจริง

“ก่อนอื่นข้าอยากจะขอบคุณท่านเถ้าแก่ใหญ่อย่างยิ่ง”

อีกฝ่ายได้แอบช่วยนางไว้หลายต่อหลายครั้ง คำขอบคุณนี้มันเหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว

แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนองต่อประโยคของนาง แถมยังถามกลับว่า

“เจ้ากำลังวางแผนช่วยอินทรีสามตาคืนร่างอยู่หรือ?”

เปลือกตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกระรัว

เขาเห็นมันเพียงแวบเดียวก็ดูออกแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่ “… เหมือนว่าเถ้าแก่ใหญ่จะไม่ค่อยเต็มใจบอกข้าเท่าไรนัก?”

แต่นางก็ยังคงคาดหวังอยู่ดี

อันที่จริง ถ้าถามแล้วคำตอบมาง่ายๆ คงน่าแปลกเสียยิ่งกว่า

และการที่เขาทิ้งผนึกไว้ ก็จะไม่มีความหมายอันใดเลย

“หากท่านเถ้าแก่ใหญ่ไม่สะดวกที่จะบอกกล่าวก็ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่… รู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ดูเหมือนจะสำคัญสำหรับท่านเป็นอย่างมาก แต่เหตุใดท่านถึงยกมันให้ข้าหรือ?”

นี่เป็นคำถามที่ฉู่หลิวเยว่คิดอย่างใดก็ไม่เข้าใจมันเสียที

ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของเขา หากคิดที่จะจัดการกับเจ้าสิ่งนี้แล้วล่ะก็ ย่อมเป็นแค่เรื่องง่ายดายมิใช่หรือ?

“ข้ามีความปรารถนาของตัวข้าเอง”

ชายผู้นั้นเอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะอธิบายมันสักเท่าไร

คิ้วของฉู่หลิวเยว่ขมวดกันเล็กน้อย

ความรู้สึกที่ไม่รู้อันใดเลยนี่มันช่างอึดอัดเสียจริง

พลันน้ำเสียงของนางก็เริ่มเย็นชาลง

“ในเมื่อเถ้าแก่ใหญ่ไม่สะดวกที่จะพูดอันใด เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถามอันใดท่านอีก”

ไม่พูดก็ช่างมันปะไร บางทีสักวันหนึ่งนางอาจจะสามารถปลดผนึกนั่นได้ด้วยตนเอง แต่สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นคืออันใดกันนะ!

“หากไม่มีอันใดแล้ว เชิญท่านเถ้าแก่ใหญ่ตามสบายเถิด ข้ายังมีสิ่งที่ต้องไปจัดการอยู่ ขอไม่พูดพร่ำให้มากความ”

เมื่อพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็หันกลับมา แล้วเริ่มลงมือช่วยคืนร่างให้อินทรีสามตาอีกครั้ง

นางไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าท่านผู้นี้กำลังมองอยู่

อย่างใดก็ตาม ขอแค่นางได้ทำในสิ่งที่นางควรจะทำก็พอแล้ว

ทว่าชายผู้นั้นกลับเอ่ยขึ้น

“ช้าก่อน”

ฉู่หลิวเยว่หยุดการกระทำนั้นไว้และหันไปมองเขา

“เถ้าแก่ใหญ่ ท่านมีคำแนะนำอันใดหรือ?”

มีรอยยิ้มน้อยๆ ปะปนอยู่ในน้ำเสียงของชายผู้นั้น

“เจ้าช่วยปกป้องรักษาสิ่งนี้ไว้ให้ข้า และเพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะช่วยเจ้าสักครา ชุดเกราะบนตัวเจ้า…เจ้าจะถอดมันเองหรือให้ข้าช่วยเจ้ากันล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์