เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 803

เจี่ยนเฟิงฉือหยุดชะงัก ก่อนจะเงยหน้าแล้วมองไปรอบๆ ราวกับว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น สีหน้าของเขายังคงดูร่าเริงดั่งชายเจ้าสำราญเหมือนเช่นเคย

“ข้าหรือ ก็รอเจ้าอย่างใดเล่า?”

น้ำเสียงของเขาฟังดูรื่นหู และทิ้งท้ายประโยคอย่างคลุมเคลือ

แววตาเย็นชาคู่นั้นทอประกายแสงระยิบระยับ แพรวพราวน่ามองเสียจนคนมองเผลอลุ่มหลงไปกับมัน

ใบหน้าของฉานอี้ร้อนผ่าวอย่างอธิบายไม่ถูก

แม้ว่าจะรู้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือนั้นเจ้าคารมเพียงใด แต่ในใจก็ยังแอบหวั่นไหวอยู่ดี

ชื่อเสียงเรียงนามของเจี่ยนเฟิงฉือที่ฉาวโฉ่มาหลายปีนั้น ไม่ใช่เรื่องโป้ปดแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับที่ซั่งกวนหว่านเคยพูดไว้ว่า เขาคนนี้สามารถเกลี้ยกล่อมเด็กสาวได้อย่างเชี่ยวชาญ

และตลอดเวลาที่ผ่านมา เจี่ยนเฟิงฉือก็ยึดเอาคำวิจารณ์เหล่านี้ มาใช้เป็นคำเยินยอตนเองเสมอ

ซึ่งหลายครั้ง การใช้กลอุบายคารมดังกล่าว ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้มาก

แต่เสียดายที่ซั่งกวนหว่านนั้นโง่เขลาเกินไป จนตามไม่ทันลูกไม้เช่นนี้

ทว่ายังดีที่เจี่ยนเฟิงฉือยังรู้จักยั้งคิดยั้งทำ มิฉะนั้นวันนี้เขาอาจจะโดนไล่ออกไปจากวังแล้วก็ได้

สุดท้ายฉานอี้ก็เป็นสาวใช้ส่วนตัวที่อยู่เคียงข้างซั่งกวนหว่านมาหลายปี แน่นอนว่าจิตใจของนางย่อมแข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปมาก

นางรีบปรับท่าทีแล้วพูดว่า

“องค์หญิงยินยอมแล้วเจ้าค่ะ เพลานี้คุณชายเจี่ยนสามารถไปยังตำหนักเจาเยว่ได้แล้วเจ้าค่ะ”

เจี่ยนเฟิงฉือพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เช่นนั้นต้องกราบขอบพระทัยองค์หญิงท่านมาก รวมทั้งแม่นางฉานอี้ด้วย”

พูดจบ ร่างสูงสง่าก็เดินจากไปอย่างสบายใจ

ฉานอี้มองไปยังตำแหน่งที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ด้วยความกังวล แต่คิดๆ ดูแล้ว เหตุการณ์เมื่อครู่นั้นกลับดูปกติลื่นไหลอย่างมาก เจี่ยนเฟิงฉือยืนอยู่ที่นี่เพียงครู่เดียว เขาไม่น่าจะพบสิ่งผิดปกติใดๆ ได้ ดังนั้นนางจึงปัดเรื่องนี้ออกไปชั่วคราว

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ องค์หญิงถึงมีอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเช่นนี้ แถมยังทานยาที่ใต้เท้าจั่วส่งมาตามอารมณ์อีก

ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะดีขึ้น และพัฒนาขึ้นมากกว่าตอนแรก

ฉานอี้เองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ แต่นางก็ไม่กล้าถามออกไป และทำได้เพียงเฝ้าระวังเท่านั้น

ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว องค์หญิงน่าจะทรงหายเป็นปกติได้ในเร็ววัน

ส่วนอีกคนที่ได้รับการฟื้นฟูร่างกายด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติ ก็ยังมีเจียงอวี่เฉิง

ด้วยความช่วยเหลือจากเฟิงซานหยวน ร่างกายของเขาดีขึ้นทุกวัน แผลทะลุบนช่วงอกของเขาตกสะเก็ดแล้ว และจากนี้มันจะหายเป็นปกติในไม่นาน

แม้กระทั่งบาดแผลที่ท้องน้อย ก็มีแนวโน้มว่าจะหายได้

อาการปวดแสบปวดร้อนเองก็หายไปแล้ว

และสิ่งเหล่านี้ทำให้เจียงอวี่เฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เจี่ยนเฟิงฉือมาที่ตำหนักเจาเยว่เพียงลำพัง

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน สถานที่แห่งนี้ดูวังเวงกว่าเดิมมาก แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีบ่าวไพร่เข้ามาคอยดูแลอยู่ประปราย

ยามเห็นเจี่ยนเฟิงฉือเดินเข้ามา คนรับใช้ก็รีบเข้ามาแสดงความเคารพต่อเขาทันที

“ถวายบังคมเจ้าค่ะ คุณชายเจี่ยน”

สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าคนพวกนี้รู้เรื่องการมาเยือนของเขาแล้ว

เจี่ยนเฟิงฉือไม่แปลกใจและพูดอย่างตรงไปตรงมา

“วันนี้ข้ามาเพื่อคืนตำราทางการแพทย์ที่ยืมไปจากองค์หญิงใหญ่”

สาวใช้ที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยทันที

“เช่นนั้นก็ให้บ่าวได้นำทางท่านไป…”

“ข้าเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ยังต้องให้พวกเจ้านำทางอยู่อีกหรือ? ข้าจักไปคนเดียว!”

เจี่ยนเฟิงฉือคัดค้านคำกล่าวนำของสาวใช้ พลางย่ำเท้าเดินเข้าไปด้านใน

ฝีเท้าของเขานั้นอาจจะดูเชื่องช้า แต่ทว่ารวดเร็วราวกับสายลม และในไม่ช้าเขาก็เดินมาถึงภายในตำหนัก

และพอเห็นเช่นนั้น สาวใช้คนดังกล่าวก็รีบตามเขาไปทันที พลันลั่นวาจา

“คุณชายเจี่ยนเจ้าคะ! ห้องนั้นเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ!”

เจี่ยนเฟิงฉือชะงักฝีเท้า

“หือ? เพราะอันใดกัน?”

“นะ นั่นเป็นที่ประทับเดิมขององค์หญิงใหญ่ครั้นพระองค์ยังมีชีวิตอยู่เจ้าค่ะ ท่าน… เอ่อ …”

สาวใช้ไม่กล้าใช้คำพูดที่ดูรุนแรงเกินไป พลางเอ่ยตะกุกตะกักอยู่พักหนึ่ง

แต่เจียงอวี่เฉิงไม่สนใจ

เขาค่อยๆ จัดวางตำราทีละเล่มอย่างดี แต่แล้วแขนของเขาก็ไปกระแทกกับชั้น จนตำราที่อยู่ข้างๆ หล่นลงมา

เขาเอี้ยวตัวไปหยิบตำราเล่มนั้นขึ้นมา และกำลังจะนำมันกลับไปวางที่เดิม แต่กลับสังเกตเห็นว่าตำราเล่มนี้ไม่มีชื่อตำราเขียนอยู่บนปกแต่อย่างใด

กระดาษหน้าปกมีรอยยับงอเล็กน้อย ดูๆ แล้วเหมือนว่ามันจะถูกเปิดอ่านหลายครั้ง

เขาเปิดตำราทันทีด้วยความสงสัย

บนหน้ากระดาษมีเพียง…ตัวอักษรไม่กี่คำ?

ตัวอักษรเหล่านี้ เจี่ยนเฟิงฉือล้วนรู้จักมันดี แต่พอนำคำทั้งหมดมารวมกันแล้ว เขากลับไม่เข้าใจว่าพวกมันจะสื่อถึงอันใด

ทว่าลายมือเช่นนี้ ย่อมเป็นลายมือของซั่งกวนเยว่แน่นอน

แล้วนางเขียนมันไว้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ณ ป่าหมอกมายา

วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ที่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ มีซากโครงกระดูกขนาดใหญ่ลอยเขว้งอยู่กลางอากาศ

หลังจากใช้เวลาถ่ายโอนพลังปราณอยู่นาน พลังของสายโลหิตเกือบทั้งหมดที่อยู่ภายในซาก ก็ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมา!

เส้นเลือดฝอยแต่ละเส้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นชันเจน และสุดท้ายมวลของเลือดเหล่านั้น ก็ควบแน่นจนกลายเป็นไข่มุกโลหิตที่อยู่กลางกายของซากนั่น

แม้ไข่มุกโลหิตนี้จะมีขนาดเท่าเม็ดลำไย แต่ความกดดันที่อยู่ภายในนั้นแข็งแกร่งมาก!

ซากกระดูกที่เดิมทีเคยโปร่งใส เริ่มมีมวลหนาขึ้นราวกับหยกสีขาว

และเมื่อเห็นว่าไข่มุกโลหิตนั่นคงสถานะของมันได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจออกยาวๆ

เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากของนางซีดเซียว

นี่คือโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง ซึ่งหากผู้ใดต้องการจะปรับเปลี่ยนมัน ย่อมศูนย์เสียพลังปราณไปมากมาย

โดยเฉพาะนางในตอนนี้ ที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับห้า

หากไม่ใช่เพราะพลังปราณอันแข็งแกร่งที่กักเก็บไว้ในจุดตันเถียน นางคงรับมือกับมันไม่ได้แน่!

ขณะที่ไข่มุกโลหิตถูกควบแน่นอย่างสมบูรณ์ ฉู่หลิวเยว่ก็หาได้พักไม่ แต่กลับรีบโยนสมุนไพรไม่กี่ชนิดทั้งหมดที่อยู่ข้างตัวออกไปทันที!

และในเพลาเดียวกัน หัวใจของนางก็พลันกระตุกวูบ แล้วกู่ฉินก็ปรากฏขึ้นข้างตัวนาง!

พลันมีแสงสีม่วงทองเปล่งประกาย ส่องแสงไปทั่วกู่ฉิน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์