เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 866

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ในที่สุดใบหน้าเรียบนิ่งเสมือนถูกแช่แข็งของซั่งกวนหว่าน ก็มีการตอบสนองขึ้นมาเล็กน้อย

มาแล้วสินะ…

“องค์หญิงเจ้าคะ วันนี้ราชบุตรเขยหล่อเหลายิ่งนักเจ้าคะ!”

สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกรีบรายงานนางด้วยความยินดี

ทว่าหลังจากพูดจบ ทั่งทั้งห้องโถงใหญ่กลับตกอยู่ในความเงียบอีกครา

ซั่งกวนหว่านกล่าวเสียงเบา

“ข้าทราบแล้ว เจ้าไปเถอะ”

สาวใช้ผู้นั้นตะลึง

นี่มัน… เกิดอันใดขึ้น?

ทั้งๆ ที่ทราบข่าวแล้ว แต่เหตุใดองค์หญิงสามถึงดูไม่มีความสุขเลยเล่า?

ในฐานะสตรีคนหนึ่ง เมื่อได้ยินว่าเจ้าบ่าวกำลังเดินขบวนมาสู่ขอตน ย่อมรู้สึกเขินอายและมีความสุขมากมิใช่หรือ??

แต่แล้ว เพราะเหตุใดองค์หญิงสามถึง… ทำหน้าตาเฉยเมยราวไม่สนใจเพียงนั้น?

เดิมทีสาวใช้ต้องการประจบประแจงด้วยคำพูดเยินยอสวยหรูเพื่อหวังรางวัล แต่เมื่อพบกับสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ถึงตกตะลึงไปชั่วขณะ และไม่รู้จักเดินหน้าต่อหรือถอยหลังดี

“มัวยืนนิ่งอยู่ไย? ไสหัวไปทำงานของเจ้าเสีย! หากมีอันใดขาดตกบกพร่องไปแม้แต่นิดเดียว ข้าจะเรียกเจ้ามาเค้นความเสียให้เข็ด!”

ฉานอี้ซึ่งรออยู่ที่ประตูตวาดเสียงตำหนิอย่างเย็นชา

สาวใช้สะดุ้งโหยงและรีบตอบรับอย่างเชื่อฟัง

“จะ เจ้าค่ะ!”

หลังจากพูดจบ นางก็ถอยกลับไปด้วยความอับอาย

และแม้จะเดินออกไปข้างนอกแล้ว นางก็ยังคงงงงวยไม่หาย

น่าแปลกยิ่งนัก องค์หญิงสามและราชบุตรเขยนั้นดูรักใคร่กันดีมาตลอด ฉะนั้นการที่นางแสดงท่าทีเช่นนี้ในวันอภิเษกสมรสจึงดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร…

หรือเป็นเพราะนางยกย่องราชบุตรเขยหรือเปล่า องค์หญิงสามถึงไม่พอใจ?

ซึ่งมันก็อาจจะเป็นไปได้

และพอคิดได้เช่นนี้ สาวใช้ก็ได้แต่แอบด่าความปากพล่อยของตนในใจ!

ภายในตำหนัก ซั่งกวนหว่านมองดูเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกทองสัมฤทธิ์

รอยแผลเป็นถูกปกปิดไว้หมดแล้ว การแต่งหน้าที่ละเอียดอ่อนทำให้นางดูสวยหวานกว่าปกติ

อย่างใดเสีย ซั่งกวนหว่านเองก็เป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองซีหลิง

และเครื่องแต่งกายของนางในวันนี้ ก็ช่วยขลับให้นางงดงามมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

ทว่าดวงตาที่มีร่องรอยของความขุ่นเคืองคู่นั้น กลับทำลายความงามบนใบหน้าทั้งหมดของนาง และทำให้ใบหน้าของนางดูดุดันแทน

เมื่อแม่นมคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้ ก็พลันยิ้มแย้มออกมาเบาๆ แล้วเริ่มประจบสอพลอ

“เรียวขนงและดวงเนตรขององค์หญิงสามช่างงดงามเหลือเกินเจ้าคะ ดุจนางฟ้านางสวรรค์ในแดนสุราลัย! ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระหม่อมได้ถวายตัวรับใช้ราชวงศ์มากมาย แต่ท่านคือองค์หญิงที่งดงามที่สุด ที่กระหม่อมเคยพานพบมาเลยเจ้าค่ะ!”

แม่นมอีกคนรีบเข้ามาช่วยเสริมทัพอย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ! หากราชบุตรเขยได้ยลโฉม จักตกตะลึงในความงามของท่านแน่นอนเจ้าค่ะ!”

ซั่งกวนหว่านแอบเย้ยหยันในใจ พลางแตะปิ่นปักผมรูปหงส์บนศีรษะของตนช้าๆ และถามเบาๆ ว่า

“โอ้? เช่นนั้น… ข้ากับพี่สาวคนโต ใครงดงามกว่ากันหรือ?”

แน่นอนว่าพี่สาวเพียงคนเดียวของซั่งกวนหว่านก็คือ…อดีตองค์หญิงใหญ่อย่าง ซั่งกวนเยว่!

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของนาง แม่นมทั้งสองพลันก็สะดุ้งสุดตัว และรู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง

ซั่งกวนหว่านเป็นคนสวย แต่ถ้าให้เทียบกับคนผู้นั้นล่ะก็ ยังหากชั้นกันมากโข

อย่าว่าแต่เรื่องหน้าตาเลย แม้กระทั่งเรื่องนิสัยใจคอ ก็ยังต่างกันโดยสิ้นเชิง

ความงามของซั่งกวนหว่านนั้น คือความงามที่หาได้ทั่วไปบนโลกนี้ แต่ความงามขององค์หญิงใหญ่นั้น เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่ในหมู่เมฆ ซึ่งเป็นความงามที่คนมองทำได้เพียงชื่นชมเท่านั้น และถึงอยากจะมองให้นานกว่านี้ แต่มันกลับทำให้คนมองรู้สึกว่า ตัวเองกำลังมิให้เกียรติความงามนั่นมากกว่า

และนี่คือการเปรียบเทียบของพวกนาง

แม่นมคนหนึ่งตอบกลับอย่างรวดเร็วและยิ้ม

“วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสขององค์หญิง แน่นอนว่าท่านย่อมงดงามที่สุดเจ้าค่ะ!”

ซั่งกวนหว่านไม่พูดอันใด เพียงแต่ใช้สายตาของตนเหน็บแนมอีกฝ่ายแทน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางไม่ดีเท่าซั่งกวนเยว่

ในภาพวาดผืนนั้น ซั่งกวนเยว่มีอายุเพียงสิบสี่ปี แต่นางกลับงดงามยิ่งกว่าสตรีใดในโลกา

ไม่แปลกใจที่เจียงอวี่เฉิงจะยึดติดกับนางมาเป็นสิบๆ ปี

ขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีเสียงพิธีกรรมและดนตรีดังขึ้นจากด้านนอก!

เป็นอันทราบกันดีกว่าเกี้ยวรับตัวเจ้าสาวได้มาถึงแล้ว!

พวกเขากังวลว่าซั่งกวนหว่านจะเดินขึ้นบันไดเก้าขั้นเข้าไปในตำหนักหลางคุน แล้วหยิบคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งได้สำเร็จหรือไม่ต่างหาก!

บนขั้นบันไดแต่ละขั้นนั้น มีการสลักลวดลายมังกรไว้อย่างงดงาม และเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึมดุดัน ทว่าเรียบหรู!

ซึ่งคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ ย่อมสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แฝงอยู่ในนั้น!

แต่ถึงกระนั้น พลังของคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งที่สถิตอยู่ในตำหนักหลางคุน ก็ยังเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการของพวกเขาอยู่ดี!

“ข้าว่าแล้วเชียว ว่าพิธีการที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ จักต้องมีฉากอลังการเช่นนี้…”

สาวกจากสำนักภูเขาเขี้ยวมังกรและสำนักชงซูเก๋อยืนอยู่ข้างกัน มู่หงอวี่จึงรีบวิ่งไปหาฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ

และเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า นางก็อดพึมพำออกมาเบาๆ ไม่ได้

จนเย่หรานหร่านกะพริบตามองอย่างสงสัย และถามว่า

“อันใดกัน? หงอวี่ นี่เจ้ายังไม่เห็นสิ่งที่ทรงพลังกว่านี้นะ!”

มู่หงอวี่แอบประหลาดใจ

“ทรงพลังกว่านี้หรือ?”

นี่คือพิธีอภิเษกสมรสและการขึ้นครองราชย์ของซั่งกวนหว่านเชียวนะ! ทั้งอลังการและยิ่งใหญ่!

ถ้าพูดตามหลักเหตุและผล พิธีการนี้ย่อมเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดแล้วสิ แต่ทว่ามันยังมีพิธีการใดที่ทรงพลังกว่านี้อีกหรือ?

“ใช่แล้ว! เหมือนในตอนนั้น…”

เย่หรานหร่านหยุดชะงักไปชั่วคราว ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง แล้วลดเสียงลง

“ตอนที่องค์หญิงใหญ่เข้าพิธีปักปิ่นอย่างใดเล่า งานพิธีในตอนนั้นยิ่งใหญ่กว่านี้มาก! จากนั้นก็เป็นขบวนลาดตระเวนชายแดนขององค์หญิงใหญ่ แถมยังมีงานประชุมของราชวงศ์อีก… พูดแค่นี้เจ้าก็คงจะพอรู้แล้วสินะ ว่างานของใครดูยิ่งใหญ่ และทรงพลังกว่ากัน?”

มู่หงอวี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“องค์หญิงใหญ่ผู้นั้น ทรงพลังถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

แม้แต่พิธีปักปิ่นยังยิ่งใหญ่กว่างานนี้อีกหรือ… นางต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนกันเชียว!

“แน่นอนอยู่แล้ว! องค์หญิงสามเป็นแค่องค์หญิงนะ จะไปเทียบกับว่าที่จักรพรรดินีอย่างองค์หญิงใหญ่ได้อย่างใด?”

ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังแอบฟังอยู่ข้างๆ ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทว่ามิได้เอ่ยคำใดออกมา

และในขณะนั้น เสียงแตรอันไพเราะก็ดังขึ้น!

“องค์หญิงสามเสด็จ! ราชบุตรเขยเสด็จ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์