ฉู่หลิวเยว่คิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมาถามคำถามนี้ จนอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็พยักหน้า
“ใช่แล้วเพคะ เสด็จพ่อได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนหรือเพคะ?”
ซั่งกวนโหยวคิดไม่ถึงว่านางจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา และเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
“อ่า ก่อนหน้านี้พ่อได้ไปคุยกับซงเหล่ามาสองสามประโยค…”
คนของสำนักชงซูเก๋อล้วนรู้เรื่องของหรงซิวทั้งนั้น และในตอนแรกนั้นก็ยังมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองตั้งแต่แรก อีกทั้งยังมอบของขวัญล้ำค่าจนยากจะลืมเลือน
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ฉู่หลิวเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการงานในราชสำนัก และยังไม่ทันได้ไปพูดคุยกับอวี้ฉือซงและคนอื่นๆ เลย
และนางไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงพยักหน้า
“อย่างนี้นี่เอง…เรื่องราวเช่นนี้ลูกไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังท่าน แต่เพราะว่าช่วงนี้ข้ายุ่งมาก จึงไม่ได้บอกท่าน”
ในใจของซั่งกวนโหยวสงบลง
เมื่อเห็นว่าลูกสาวเปิดเผยตรงไปตรงมา ผู้ชายคนนั้นน่าจะใช้ได้เลยทีเดียว
“เช่นนั้น…เขาเป็นคนอย่างใดหรือ? ได้ข่าวว่าเป็นองค์ชายของแคว้นเย่าเฉิน ชื่อว่า…หรงซิวใช่หรือไม่? ปีนี้อายุเท่าไรแล้ว เป็นจอมยุทธ์ระดับเท่าไร และที่สำคัญที่สุด เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?”
ซั่งกวนโหยวอดทนไม่ได้ จึงถามคำถามทุกอย่างในใจออกมา
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองครู่หนึ่ง
“เสด็จพ่อ ที่ท่านมาหาข้าในวันนี้เพียงเพราะจะมาสอบถามเรื่องของหรงซิวหรือ?”
หลังจากถูกเปิดโปงความในใจ ซั่งกวนโหยวรู้สึกลำบากใจอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วนางคือลูกสาวที่เขารักที่สุด เขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก
“แค่ก! ก็…ช่างมันเถอะ! ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ไม่เคยเห็นหน้าคู่หมั้นของเจ้ามาก่อน”
เมื่อเห็นบทเรียนจากเจียงอวี่เฉิง ตอนนี้ซั่งกวนโหยวก็เหมือนนกที่ยังตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายอีกครั้ง
เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างเมื่อสองปีก่อนอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่เห็นว่าเขาพยายามแสร้งทำเป็นใจสงบนิ่ง แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลและหวั่นวิตก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอันใดอยู่กันแน่?
หัวใจของนางรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากแดงยกยิ้มขึ้น จากนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“เขาเป็นคนดีมาก และดีต่อข้ามาก”
ซั่งกวนโหยวสำรวจสีหน้าท่าทางของฉู่หลิวเยว่อย่างละเอียด ตอนที่นางพูดถึงหรงซิวนั้น ท่าทางของนางมั่นคง แววตาสดใส ดวงตาและระหว่างคิ้วนั้นเหมือนมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน
เห็นได้ชัดว่านางชอบคนคนนั้นอย่างมาก
เขาไม่เคยเห็นนางเช่นนี้มาก่อน
ต่อให้เป็นเมื่อก่อน ตอนที่นางพูดว่านางจะแต่งงานกับเจียงอวี่เฉิงก็ยังไม่มีสีหน้าเช่นนี้
ซั่งกวนโหยวใช้ชีวิตมากกว่าครึ่งชีวิต และในฐานะที่เขาเคยเป็นจักรพรรดิ เขาจึงเดาใจคนอื่นเก่งมาก
ดูเหมือนว่าลูกสาวที่น่ารักของข้าจะหลงรักหรงซิวเข้าจริงๆ แล้วสินะ!
ซั่งกวนโหยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็รู้สึกว่ามีความกังวลใจอยู่
ด้านหนึ่งเขากังวลเสมอว่าจะมีเรื่องอย่างเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านเกิดขึ้นอีกครั้ง จนเยว่เอ๋อตั้งกำแพงกับทุกคนสูงมากยิ่งขึ้น และไล่ทุกคนออกไป
ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็ยังกลัวว่าหรงซิวผู้นี้จะทำให้นางมีความสุขที่สุดไม่ได้
นางทนทุกข์ทรมานมานานมากเกินไปแล้ว
ต่อให้ตอนนี้นางจะต้องขื่นขมอีกสักเล็กน้อย เขาก็หวังว่าจะไม่มีโอกาสเช่นนั้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ตอนนี้เรื่องราวหลายอย่างในซีหลิงก็ได้รับการแก้ไขแล้ว ไม่เช่นนั้นก็หาเวลาแล้วเชิญเขามาที่ซีหลิงเถอะ”โนเวล-พีดีเอฟ
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย
เป็นธรรมดาที่พ่ออยากจะเห็นหน้าลูกเขย
“เพคะ”
ใช่ว่าเขาจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
ตอนนี้เรื่องความวุ่นวายก็เริ่มจางลงแล้ว ดังนั้นนางก็อยากจะใช้ฐานะที่แท้จริงบอกกล่าวกับเขาเช่นกัน
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนั้น ซั่งกวนโหยวก็พยักหน้า แต่ก็ยังลังเลที่จะพูดออกไปเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัย จึงขยับตัวเข้าไปใกล้
“เสด็จพ่อ ท่านอยากจะถามอันใดหรือเพคะ?”
ซั่งกวนโหยวรีบปฏิเสธทันที
“เปล่า ไม่มี!”
ฉู่หลิวเยว่มองอย่างเหม่อลอย แต่ใบหน้านั้นได้แสดงออกมาหมดแล้ว
ในตอนนั้นซั่งกวนโหยวรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย หลังจากที่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ไม่….ไม่มีอันใด…”
“หื้อ?”
“อะแฮ่ม…เจ้าดูสิ ตอนนี้เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว อีกทั้งเจ้าก็ได้รับตำแหน่งเป็นจักรพรรดิแล้ว เหล่าขุนนางจึงกังวลเรื่องงานแต่งงานของเจ้าอย่างมาก…”
ซั่งกวนโหยวเหลือบสายตามองนางอย่างระมัดระวัง
“คือว่า…เจ้าก็รู้ว่าในเมืองซีหลิงนั้นมีชายหนุ่มมากพรสวรรค์จำนวนไม่น้อย ลูกชายคนรองของใต้เท้าจ้าวนั้นไม่ยอมแต่งงานเลยเพราะว่าเจ้า…แล้วก็ตระกูลสวิน อ้อนวอนขอเข้าพบมาตั้งหลายวัน…”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกอย่างแรง
มันเกี่ยวอันใดกันเนี่ย?
บัลลังก์มังกรของนางยังไม่มั่นคงเลยนะ ทางนั้นเริ่มจะเตรียมงานแต่งงานของนางแล้วหรือ?
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก…”
“จะไม่ให้รีบร้อนได้อย่างใด? จักรพรรดิของราชวงศ์เทียนลิ่งส่วนใหญ่ที่ขึ้นครองราชย์ ล้วนแล้วแต่แต่งงานแล้วทั้งสิ้น และงานอภิเษกก็ยังเป็นวันเดียวกับราชาภิเษกด้วย แต่ถ้าเลวร้ายทีสุดก็มีงานหมั้น มีเพียงแต่เจ้าเท่านั้น…ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้เรื่องข่าวงานหมั้นหมายของเจ้า แต่ต่อให้รู้แล้ว…”
ซั่งกวนโหยวยังพูดไม่ทันจบ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้ความหมายของมัน
…ต่อให้พวกเขารู้ว่านางกับหรงซิวหมั้นกันแล้ว แต่ก็เป็นไปได้อย่างมากที่พวกเขาจะไม่ชอบใจ
คนที่มาจากแคว้นเล็กๆ นอกพรมแดนม่านฟ้า ต่อให้เขาเป็นองค์ชาย แต่ในสายตาของพวกเขาแล้ว ตำแหน่งที่ว่านั้นไม่มีทางเทียบเท่ากับตำแหน่งจักรพรรดิของฉู่หลิวเยว่แน่นอน
…
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
จัตุรัสผิงเหลียงนอกเมืองซีหลิง
ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย
เขาสวมหมวกปิดบังใบหน้า มองไม่เห็นหน้าทั้งหมด
ผู้คนเดินขวักไขว่ ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว
เขาเงยหน้าไปมองเมืองซีหลิงที่เรียบง่ายและงดงามที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเองเขาก็จามออกมา
หรงซิวลูบจมูกปอยๆ เสียงทุ้มต่ำ พร้อมพึมพำเสียงเบา เสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย ฟังดูเหมือนกำลังเกียจคร้าน
“ใครกำลังด่าข้าอยู่เนี่ย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...