สรุปตอน บทที่ 923 มีเจ้าอยู่ ก็เพียงพอแล้ว – จากเรื่อง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
ตอน บทที่ 923 มีเจ้าอยู่ ก็เพียงพอแล้ว ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดยนักเขียน จ้าน นิชิโนะ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หว่างคิ้วของฉู่หลิวเยว่กระตุกแผ่วเบาคราหนึ่ง
คำพูดนี้ของหรงซิว… ไม่ต้องอธิบายต่อก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง!
นางหรี่ตาลง
“เช่นนั้นระดับเซียนหมอของเจ้า…”
หรงซิวครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มบางเบาแล้วตอบว่า
“ข้ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุก
นางโง่เง่าจริงๆ ที่ไปเชื่อคำพูดของเขา!
“ลูกศิษย์ของหมิงเยว่เทียนซานแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยไปเยือนหมิงเยว่เทียนซานมาก่อน แต่ก็ยังพอรู้อันใดมาบ้าง
หมิงเยว่เทียนซานเป็นสำนักที่ตั้งตนเป็นอิสระจากแคว้นอื่นใด จึงให้ความรู้สึกสูงส่ง บริสุทธิ์และซ่อนเร้นจากโลก
เมื่อเทียบกับแคว้นเย่าเฉินและแคว้นอื่นๆ ที่อยู่ในระดับนี้ ถือว่าเป็นสำนักแนวหน้าเลยว่าได้
นี่คงเป็นเหตุผลในตอนนั้นที่หรงซิวถูกส่งตัวไปยังหมิงเยว่เทียนซานโดยตรง หลังจากเกิดออกมาแล้วมีสุขภาพย่ำแย่
ที่นั่นมีผู้แข็งแกร่งที่แคว้นเย่าเฉินก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้
เพียงแต่ว่า แม้หมิงเยว่เทียนซานจะแข็งแกร่ง ทว่าหากเทียบกับภายนอกพรมแดนม่านฟ้าแล้ว ย่อมเทียบกับราชวงศ์เทียนลิ่งไม่ได้
แล้วเช่นนั้น พวกเขาจักอบรมสั่งสอนหรงซิวให้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับนี้ได้อย่างใดกัน?
ราวกับว่าเห็นความแคลงใจของนาง หรงซิวเอนตัวไปด้านหลัง พลางมองนางอย่างสนอกสนใจ
“เยว่เอ๋อเกิดในแคว้นเย่าเฉิน ทว่าบัดนี้มิได้เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับที่คนทั่วไปยากจะไขว่คว้าแล้วหรอกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่อับจนคำพูด เอ่ยตอบอันใดไม่ออกครู่ใหญ่
หลังจากนางเกิดใหม่ ไร้ซึ่งชีพจรเทียนจิงจากชาติที่แล้ว ก็เท่ากับว่านางแทบจะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก
ระหว่างทางจากแคว้นเย่าเฉินกลับมายังซีหลิง นางเองก็ทุกข์ทนอดกลั้นมามากพอแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้โชคช่วยมามากพอเช่นเดียวกันถึงได้มีวันนี้
หากนางทำได้ แล้วเหตุใดผู้อื่นจะทำไม่ได้?
ยิ่งไปกว่านั้น นางปักใจเชื่อมาตลอดว่าหรงซิวเป็นตัวอันตรายมาตั้งแต่ต้น และในตอนนั้นก็ยังคาดหวังว่าเขาจะพิเศษกว่าใครด้วยซ้ำ
ทว่าตอนนี้ นางกลับตระหนักได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขาแข็งแกร่งกว่าที่นางคาดไว้!
ฉู่หลิวเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า
“หรงซิว เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าสถานะ ‘โอรสสวรรค์’ ของเจ้าน่ะมีที่มาจากไหนกันแน่”
สิ้นเสียงพูด ภายในห้องพลันตกอยู่ภายใต้ความเงียบ
หรงซิวมองเข้าไปในดวงตาของนาง ภายในนัยน์ตาหงส์ดูราวกับมีคลื่นแสงหลั่งไหลอยู่ภายใน ราวกับน้ำวนที่กลืนกินและนำพาผู้คนให้จมดิ่ง
ทันใดนั้น หรงซิวก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้ายังจำท่านแม่ของข้าได้หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ๆ เขาก็ถามประโยคนี้ออกมา ทว่าก็ยังพยักหน้ารับ
สนมหว่านผู้ได้รับสวมกวานเหนือวังหลัง มีผู้ใดบ้างไม่รู้จัก
หรงซิวหัวเราะ ทว่าหางตาและหัวคิ้วกลับไร้รอยยิ้ม เสียงของเขาเอ่ยก็แผ่วเบามากเช่นกัน
“คำเรียก ‘โอรสสวรรค์’ คือสถานะของข้าที่อยู่ในตระกูลของท่านแม่ข้านี่แหละ”
…
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่นั้นคาดเดาคำตอบไว้หลากหลาย ทว่าคำตอบนี้กลับฉีกไปไกลอย่างมาก
ตระกูล… ของท่านแม่ของเขา?
ไม่ใช่ว่าสนมหว่านในตอนนั้นมาจากครอบครัวขุนนางธรรมดาหรอกหรือ?
แล้วเหตุใดตอนนี้…
ฉู่หลิวเยว่พลันนึกถึงวันที่องค์ชายสามก่อกบฏ หรงซิวกับจักรพรรดิจยาเหวินดูเหมือนจะแตกหักกันในที่สุด
ในตอนนั้น จักรพรรดิจยาเหวินต้องการตีบุกเข้ามาในพรมแดนม่านฟ้า หรงซิวเคยเอ่ยเอาไว้ประโยคหนึ่ง…
ดูเหมือนเขาจะพูดว่า ความปรารถนาทั้งชีวิตของท่านแม่เขาคือไม่ต้องการให้จักรพรรดิจยาเหวินก้าวเข้ามาในพรมแดนม่านฟ้าแม้แต่ก้าวเดียว!
ใช่แล้ว!
หากคิดเช่นนี้แล้ว ที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดก็ล้วนได้รับการไขกระจ่าง!
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เบิกตากว้าง
“เจ้า… ท่านแม่ของเจ้าคือคนภายในพรมแดนม่านฟ้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...