เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 944

เหวินฝานนำขบวนรถม้าออกไป จนทำให้ด้านหลังฝุ่นตลบ!

“แค่กๆ…”

อิ่นเฮ่าไอออกมาอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาขึ้นเสียงแดงก่ำ และโมโหออกมาอย่างอดไม่ได้

“นี่มันอันใดกัน! คิดว่าเกาะขาทองคำได้แล้วอย่างนั้นน่ะหรือ!”

ก่อนหน้านี้ เหวินฝานผู้นี้ร่างกายอ่อนแอ ขี้อาย เวลาอยู่ตรงหน้าเขาก็เหมือนแค่ลูกไก่ตัวเล็กๆ ถ้าเขาสั่งให้ไปตะวันตก อีกฝ่ายไม่มีทางกล้าไปตะวันออกอย่างเด็ดขาด!

แต่ว่าตอนนี้ อีกฝ่ายเพิ่งติดตามคนจากราชวงศ์เทียนลิ่งได้แค่หนึ่งวัน คาดไม่ถึงว่าจะกล้ากำเริบเสิบสานได้แบบนี้!

เขามันก็แค่รากต้นหอม*!

ถ้าไม่ใช่เพราะไท่จื่อกำหนดให้พวกเขาได้ดูแลเรือนนั้น มันก็ไม่สามารถพิสูจน์อันใดได้หรอก!

“ราชวงศ์เทียนลิ่ง…น่าเกรงขามมากเลยสินะ”

ถานไถเฉินเลิกม่านขึ้นมา สายตาจับจ้องไปที่ขบวนรถม้าที่กำลังจะลับสายตาไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

อิ่นเฮ่ากลัวว่าเขาจะโกรธ ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาว่า

“ฝ่าบาท ท่านวางใจเถิด พวกเขาจะได้ภูมิใจแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถภูมิใจได้ตลอดไป! มีเพียงแค่คนที่มีความสามารถที่แท้จริงเท่านั้น ถึงจะสามารถหัวเราะในตอนสุดท้ายได้ ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”

หากเป็นราชวงศ์เทียนลิ่งในอดีต ก็พอจะสามารถต่อสู้ด้วยได้สักยกหนึ่ง

แต่ว่าตอนนี้…

หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายมามากมาย สูญเสียพลังเป็นจำนวนไม่น้อย เดาได้ว่าพวกเขาคือคนที่อยู่อันดับน้อยที่สุด!

แต่เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะดูสิว่าพวกเขาจะทำตัวกำเริบเสิบสานไปได้อีกนานแค่ไหน!

ถานไถเฉินลดม่านลงแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า

“ไปกันเถอะ!”

วังหลวงเป่ยหมิง ครอบคลุมรัศมีกว้างใหญ่ โอ่อ่าตระการตา อีกทั้งงดงามตะลึงใจ

ได้ยินมาว่าหลังจากที่ปีนั้นองค์ปฐมกษัตริย์สามารถประสบความสำเร็จในการเข้าสู่แดนเซียนได้แล้ว ราชวงศ์เป่ยหมิงก็จัดงานเฉลิมฉลอง และได้บูรณะวังหลวงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

อีกทั้งหลังจากระยะเวลาผ่านมาพันปี เพราะว่าการคุ้มครองและอวยพรจากองค์ปฐมกษัตริย์ ทำให้ราชวงศ์เป่ยหมิงแทบจะไม่มีเรื่องวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น พวกเขาจึงเป็นประเทศที่ร่ำรวยและแข็งแกร่งมาโดยตลอด

และนี่ก็ทำให้สมบัติเต็มท้องพระโรง ทุกๆ หนึ่งร้อยปี จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเอาไว้สำหรับปรับปรุงดูแลวังหลวงโดยเฉพาะอีกด้วย

นอกจากนี้ภายในเมืองหลินโจว ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์มักจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ดังนั้นไม่ว่าจะมองอย่างใด เมืองหลินโจวแห่งนี้ก็เหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าซีหลิงอยู่หลายเท่าเลยทีเดียว

ฉู่หลิวเยว่นั่งอยู่บนรถม้าพร้อมหลับตานั่งสมาธิไปพลาง

ตอนแรกนางยังได้ยินเสียงจากด้านนอกเข้ามาบางครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เงียบลง

และบรรยากาศที่อยู่รอบข้างก็เหมือนจะเข้มงวดขึ้นหลายส่วนอีกด้วย

หลังจากนั้นรถม้าก็หยุดลง

ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น

ถึงแล้ว!

เหวินฝานสาวเท้าก้าวขึ้นไปด้านหน้าแล้วมอบเทียบเชิญที่เตรียมเอาไว้อย่างดีออกมาโนเวล-พีดีเอฟ

“ราชวงศ์เทียนลิ่ง?”

ทหารผู้รับผิดชอบรับเทียบเชิญไปดูและมองอย่างละเอียด ก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมา

เมื่อวานราชวงศ์เทียนลิ่งมีข้อพิพาทกับราชวงศ์ไท่อวี่ เรื่องแย่งเรือน ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ และมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าไท่จื่อเป่ยหมิงนั้นให้ความสำคัญกับคนของราชวงศ์เทียนลิ่งเป็นพิเศษ

ดังนั้นแม้กระทั่งทหารรักษาการณ์ก็ประหม่าขึ้นมา และไม่กล้าที่จะปฏิบัติตนอย่างหย่อนยานแม้แต่น้อย

“ภายในวังหลวงไม่อนุญาตให้นำรถม้าเข้าไป เชิญทุกคนลงมาจากรถม้าก่อนเถิด”

ฉู่หลิวเยว่เลิกม่านขึ้นและกระโดดลงจากรถม้า พร้อมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตามองครู่หนึ่ง

ประตูวังขนาดใหญ่ แรงกดดันแผ่กระจาย!

นางเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้เท่านั้น เหมือนว่าจะได้กลิ่นเหม็นคาวสนิมลอยโชยออกมา

หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้านไปเล็กน้อย

ครั้งนี้นางได้มองอย่างเต็มตาแล้ว ว่าคนเหล่านี้ต้องการจะเล่นลูกไม้อันใด!

วังหลวง ตำหนักเฉียนหลง

ภายในท้องพระโรง ตำแหน่งตรงกลาง ด้านบนนั้นมีเก้าอี้ตัวหนึ่งสีม่วงทอง

เห็นได้ชัดว่านั่นคือตำแหน่งจักรพรรดิ จวินฉีจือ

ส่วนทางด้านล่างฝั่งซ้ายก็มีเก้าอี้สีม่วงทองที่มีขนาดเล็กกว่า

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั้นคือตำแหน่งของไท่จื่อเป่ยหมิง จวินจิ่วชิง

กงซุนเซียวหัวเราะขึ้นพร้อมลูบเครา

“เรื่องอื่นก็ช่างมันเถิด แต่วันนี้นางจะมาที่นี่ด้วยพี่หนิงก็น่าจะได้ยินเรื่องนี้มาแล้วใช่หรือไม่?”

ก่อนหน้านี้เรื่องนี้นั้นโด่งดังอย่างมาก! เป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะไม่รู้!

“หรือว่าพี่หนิงไม่รู้สึกสงสัยคนผู้นี้จริงๆ หรือ?”

ริมฝีปากของหนิงหยวนขยับเล็กน้อย ในตอนที่เขากำลังจะพูด แต่เขากลับได้ยินเสียงแจ้งจากต้นเครื่องดังขึ้น!

“ราชวงศ์เทียนลิ่ง จักรพรรดิหยวนซี ซั่งกวนเยว่เสด็จ…”

ทั่วทั้งท้องพระโรงพลันเงียบกริบทันที!

ทุกคนต่างหันศีรษะมามองทางประตูบานใหญ่!

คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้!

คนที่อยู่ด้านหน้าสุด เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ดูแล้วน่าจะอายุประมาณสิบห้าสิบหก

นางรูปร่างผอมเพรียว สวมชุดสีแดง เมื่อมองไกลๆ เหมือนกับเมฆสีแดงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

ตอนที่นางเดินใกล้เข้ามา ทันใดนั้นทั่วทั้งท้องพระโรงก็มีเสียงหอบหายใจดังขึ้น

สายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วน ฉายแววความประหลาดใจขึ้นมา!

งดงาม!

ผู้หญิงคนนี้งดงามเป็นเอก ท่าทางสูงสง่า!

มีเพียงคำว่า ‘สวย’ คำเดียวเท่านั้นที่จะสามารถพรรณนาตัวนางได้

นางแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่เหมือนกับว่าสีที่อยู่รอบตัวของนางจะจืดจางไปทันที!

คนจำนวนไม่น้อยแอบตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าซั่งกวนเยว่ในข่าวลือจะมีใบหน้าที่งดงามเช่นนี้!

ในท้องพระโรงนี้คือคนที่มีบรรดาศักดิ์สูงส่งจากราชวงศ์ทั้งหลาย ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นคนงามมาก่อน

แต่ทันทีที่พวกเขาเห็นฉู่หลิวเยว่ หัวใจของคนจำนวนไม่น้อยก็กระตุกวูบ สายตาโดนนางดึงดูดโดยไม่รู้ตัว!

ฉู่หลิวเยว่คุ้นชินกับการจ้องมองเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว

เมื่อเดินมาถึงตรงกลาง นางก็ชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ข้ามาสาย ไม่ทราบว่าเมื่อครู่พวกท่านกำลังคุยเรื่องอันใดอยู่หรือ ช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ ดูท่าทางพวกท่านมีความสุขดี?”

*รากต้นหอม แปลว่า ไร้ค่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์