เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 959

“ใครน่ะ!?”

ซั่งปิ่งเหอคว้าคอเสื้อของเฉียนเต๋อโฮ่วเอาไว้จนแน่น ทันทีที่เข้าห้องทรงอักษรมา เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว!

เขาโยนเฉียนเต๋อโฮ่วลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็รีบค้นหาทั่วทั้งห้องทรงอักษรอย่างรวดเร็ว!

ไม่มีคนอยู่

แต่ซั่งปิ่งเหอมั่นใจอย่างมากว่าเมื่อครู่นี้นั้นมีคนอยู่จริงๆ!

ทันใดนั้นเองหัวใจของเขาก็กระตุกวูบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชั้นหนังสือ!

ด้านบนนั้นมีร่องรอยของคนมาเคลื่อนย้ายสิ่งของ ราวกับว่าพยายามหาทางเปิดมันอย่างเร่งรีบ

หัวใจของเขาจมลงในห้วงน้ำลึกทันที! เขารีบสาวเท้าเดินไปยังช่องทางลับอย่างรวดเร็ว!

ทั้งหมดยังดูเหมือนปกติ

จากนั้นเขาก็รีบใช้กลไกปิดประตูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยความเร็ว

ของชิ้นนั้นยังวางอยู่เหมือนเดิม

ซั่งปิ่งเหอถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความโล่งอก

ไม่หายไปก็ดีแล้ว…

หากของชิ้นนี้หายไป พวกเขาทุกคนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบอย่างแน่นอน!

เมื่อดูจากสถานการณ์เช่นนี้แล้ว น่าจะมีคนอยากจะเปิดกลไกนี้ เพื่อจะขโมยของที่อยู่ด้านใน แต่ยังไม่ทันทำสำเร็จ ก็ถูกเขาเข้ามาขัดจังหวะแล้ว ดังนั้นจึงหนีออกไปอย่างรีบร้อน

หลังจากซั่งปิ่งเหอตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีอันใดผิดพลาด เขาก็ปิดช่องทางลับลงอีกครั้ง

มีเพียงแต่ใบหน้าที่ดูย่ำแย่เช่นเดิม

ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ห้องทรงอักษรห้องนี้ถูกคนบุกรุกเข้ามาแล้ว และยังเกือบจะได้ของไปแล้วด้วย!

เมื่อไท่จื่อกลับมา เขาจะต้องไม่ปล่อยไปง่ายๆ อย่างแน่นอน

ซั่งปิ่งเหอมีสีหน้ามืดครึ้ม จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเฉียนเต๋อโฮ่ว

เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงลมปราณที่อันตราย เฉียนเต๋อโฮ่วก็ผงะตัวถอยหลังทันที

“ตะ ใต้เท้าซั่ง…ข้าถูกใส่ร้ายนะขอรับ จริงๆ นะขอรับ! ข้าไม่เคยทำอันใดเลย!”

พรึ่บ!

ซั่งปิ่งเหอชักดาบออกมา! จากนั้นก็พาดที่คอของเฉียนเต๋อโฮ่ว!

เขาหรี่ตามอง

“ตอนกลางวันวันนี้เกิดเรื่องอันใดบ้าง เจ้า…พูดมา!”

เขาเองก็คิดว่าเฉียนเต๋อโฮ่วไม่น่าจะมีความกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ แปดส่วนจะต้องเป็นเรื่องที่ถูกปิดบังเอาไว้อย่างแน่นอน

เมื่อเฉียนเต๋อโฮ่วได้ยินเช่นนั้น เขาก็ชะงักไป จากนั้นก็เหมือนว่าจะนึกอันใดบางอย่างได้ จึงรีบพูดขึ้นมา

“จะ…จะต้องเป็นเสี่ยวซ่ง! จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!”

หลังจากนั้นเขาก็เล่ารายละเอียดเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ทั้งหมด

เมื่อซั่งปิ่งเหอฟังจบ เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความโมโห

“ดังนั้นเพราะสุรากาเดียว ทำให้มีคนใช้ช่องโหว่จากเจ้าได้อย่างนั้นหรือ!? เฉียนเต๋อโฮ่วเจ้ามีกี่ชีวิตกัน ถึงกล้าดื่มสุราตอนที่ลาดตระเวนตำหนักตะวันออก!?”

นี่เป็นความบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง!

อีกทั้งส่งผลลัพธ์เกิดขึ้นอย่างร้ายแรงมาก และมันยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้อีก!

“เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าบกพร่องต่อหน้าที่เพราะว่าดื่มสุรา ต่อให้เจ้าตายสักร้อยครั้งมันก็ไม่สามารถชดใช้ได้!”

เฉียนเต๋อโฮ่วตกอยู่ในอาการน้ำท่วมปาก เขารีบคุกเข่าขอความเมตตาอย่างบ้าคลั่ง

ความจริงตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่ดื่ม แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาก็นึกถึงเรื่องถูกซั่งปิ่งเหอกดหัวอยู่ตลอดเวลา เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก เขาจึงอดใจไม่ได้จึงดื่มเข้าไป

เดิมทีเขาคิดว่าจะจิบสองสามคำเพื่อผ่อนคลาย แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะหมดสติทันทีหลังจากนั้น

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองนอนสลบอยู่ที่มุมหนึ่งมานานมากแล้ว

เพราะเขารู้ว่าการที่ทำเช่นนี้คือความผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นไม่มีอันใดและกลับไป

แล้วเขาจะรู้ได้อย่างใดเล่าว่าทางฝั่งนี้จะเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น?

ซั่งปิ่งเหอกำหมัดกรอด

“ไป! ไปพาคนคนนั้นมา!”

แต่ความจริงในใจเขาก็รู้ดีว่า อีกฝ่ายวางแผนเตรียมการมาดีขนาดนี้แล้ว จะต้องตามหาคนผู้นั้นไม่ได้อย่างแน่นอน

และเป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมารายงานว่าคนผู้นั้นหายไปแล้ว

เมื่อเฉียนเต๋อโฮ่วได้ยินดังนั้น ขาทั้งสองข้างของเขาก็อ่อนยวบลงไปกองที่พื้น ใบหน้าคล้ายคนตายแล้ว

เขารู้ดี ครั้งนี้ตัวของเขาจบสิ้นแล้ว…

ซั่งปิ่งเหอคาดการณ์เช่นนี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโมโห แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ลงไปก่อน

“รีบไปปิดข่าวเดี๋ยวนี้ ไม่ให้คนออกจากตำหนักตะวันออก! หากมีรอยรั่วออกไปแม้แต่น้อย พวกเจ้าก็ลองถามตัวเองดู! แล้วก็จับตัวเฉียนเต๋อโฮ่วเอาไว้ รอจนไท่จื่อกลับมาแล้วค่อยมาตัดสินความ!”

“ขอรับ!”

ฝ่าบาทสามารถเข้าไปในตำหนักตะวันออกได้อย่างราบรื่น และยังสามารถได้ข่าวคราวของคนผู้นั้นมาได้ด้วยก็นับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย

เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทางของฝ่าบาท ก็ทราบได้ว่าใต้เท้าฉู่หนิงคงจะไม่ได้อยู่อย่างดีเท่าไรนัก

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ด้านหลังกำแพงวังหลวงก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมา

ฉู่หลิวเยว่หันหลังกลับไปมอง

ภายในกำแพงพระราชวังสูงใหญ่มีลำแสงกระจายรอบทิศ สว่างอย่างมาก

ฟังจากเสียงแล้วเหมือนว่าพวกเขากำลังตามหาคนอยู่

นางจ้องมองไปด้วยสายตาที่เย็นชา

ทันใดนั้นเองกำไลกระดิ่งทองคำที่อยู่ข้อมือของนางก็มีระลอกคลื่นกระจายออกมาอีกครั้ง!

หัวใจของนางสั่นสะท้าน

ก่อนหน้านี้มีของอู๋หมิงและอวี่เหวินจิงหงที่ระเบิดจนแหลกละเอียดไปแล้ว ทุกครั้งที่นางสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นของกำไลกระดิ่งทองคำนี้ หัวใจของนางก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ความไม่สบายใจพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

นางพลิกฝ่ามือขึ้น แล้วจ้องมองตาเขม็ง

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย!

ครั้งนี้เป็นลูกปัดของมู่หงอวี่ที่แหลกละเอียด!

เมื่อนับเวลาดูแล้ว พวกเขาเพิ่งเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงได้แค่สองสามวันเท่านั้น แต่ว่ากระดิ่งทองคำของคนสามคนจากห้าคนกลับระเบิดไปแล้ว!

พวกเขาจะต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่ระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจ

“ไป!”

ในคืนนั้นวังหลวงเป่ยหมิงก็สับสนวุ่นวายอย่างมาก

ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็กลับที่พักของตัวเองไปทันที

เมื่อมาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น นางก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เก็บของออกจากเรือน ออกเดินทางไปยังหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงอีกครั้ง

เมื่อมาถึงแล้วฉู่หลิวเยว่ก็เข้ามาทักทายหนิงหยวนและคนอื่นๆ ก่อนจะนั่งลงในตำแหน่งของตนเอง

ถานไถเฉินจ้องหน้านางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า

“ได้ยินมาว่าเมื่อวานวังหลวงเกิดเรื่องขึ้น ไม่ทราบว่าซั่งกวนเยว่ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างใดหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์