เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 997

โลหิตสีแดงฉานพลันสาดกระเซ็นไปทั่ว!

หยาดเลือดอุ่นๆ พร้อมกลิ่นคาวกระเด็นติดบนใบหน้าของนาง อย่างน่าสมเพชเวทนา!

ฉู่หลิวเยว่คว้าหางลูกศรที่เกือบจะแทงทะลุร่างของตนไว้แทบจะทันที!

แต่ลูกศรนั้นได้แทงทะลุหน้าอกของนาง และห่างจากหัวใจเพียงครึ่งนิ้ว!

เลือดสีแดงสดไหลหลั่งออกมาจากบาดแผล!

แต่เพราะว่าเดิมทีนางสวมชุดคลุมสีแดงอยู่แล้ว ทำให้เลือดที่พุ่งออกมานั้นไม่ได้โดดเด่นสะดุดตามากเท่าไร

บวกกับก่อนหน้านี้ ตอนที่นางกลืนกินพลังปราณดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง แล้วได้รับรอยแผลและคราบเลือดมากมายบนร่างกายของนาง ทำให้ตอนนี้มันยากที่จะระบุได้ว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสิ่งใดกันแน่

แต่แสงพร่างพราวบนลูกศรอันแหลมคมและงดงามนั้น กลับยิ่งส่องแสงทอประกายเจิดจ้า จนทำให้ทุกคนมองเห็นมันได้ชัดเจน!

“หลิวเยว่!”

“ฝ่าบาท!”

เมื่อเห็นภาพนั้น อวี่เหวินจิงหงและคนอื่นๆ ต่างก็อุทานด้วยความตกใจ!

ความรู้สึกร้อนรนกระตุ้นให้มู่หงอวี่วิ่งออกไป แต่ถูกเจี่ยนเฟิงฉือคว้าตัวไว้ก่อน

“เจ้าคิดจะทำอันใด?”

“ช่วยหลิวเยว่อย่างใดเล่า!”

มู่หงอวี่เป็นกังวลอย่างมาก และพยายามสะบัดมือเขาออกอย่างสุดแรง

“เจ้าจะรั้งข้าไว้เหตุใด! ถ้าไม่ไปตอนนี้ มันอาจจะสายเกินไปก็ได้!”

“บาดแผลบนตัวเจ้ายังไม่หายดี จะไปรนหาที่ตายหรือไร?” รอยยิ้มเกี้ยวพาราสีที่มักจะประดับบนใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือหายวับไปทันตา และแทนที่ด้วยท่าทีเย็นชาไม่แยแส

สภาพของนางในตอนนี้ ต่อให้เข้าไปก็ช่วยอันใดไม่ได้!

ดวงตาของมู่หงอวี่แดงเรื่อ

“เจ้ารู้ได้อย่างใดว่าข้าจะทำไม่ได้!”

อย่างใดนางก็เป็นร่างซวีหยวน!

“ข้าแค่ต้องเข้าไปที่นั่น แล้วพาหลิวเยว่ออกมาก็จบ…”

เจี่ยนเฟิงฉือจับมือนางแล้วตรึงนางไว้ข้างกาย ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นก็จำต้องสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวสวยสีน้ำตาลอมแดงของนาง

และคำพูดอันร้ายกาจที่เตรียมจะพ่นใส่นาง กลับติดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก

เขาชะงักไปนิด ก่อนที่ลมปราณเย็นๆ บนกายของเขาจะค่อยๆ สงบลง

“ลูกศรแค่นั้นฆ่านางไม่ได้หรอก”

“เหตุใดเจ้าถึง…”

“ถ้านางไม่ยอม ลูกศรนั่นก็ฆ่านางไม่ได้”

เจี่ยนเฟิงฉืออธิบายอย่างรวบรัด แต่มันกลับทำให้มู่หงอวี่และคนอื่นๆ ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง

“เจ้าหมายความว่า…”

ทันใดนั้น มู่หงอวี่ก็นึกอันใดขึ้นมาได้ พลันหันกลับไปมองสถานการณ์ของฉู่หลิวเยว่ตาไม่กะพริบ

“…นั่นนาง…จงใจหรือ?”

เนื่องจากมันฟังดูเหลือเชื่อเกินไป มู่หงอวี่จึงกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

แต่มันก็ฟังดูสงบกว่าเมื่อครู่เยอะ

เจี่ยนเฟิงฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเรียวสวยทว่าเย็นชาดุจน้ำแข็งนั้น ดูลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก

ต้องบอกว่า ถ้าบนโลกนี้มีกี่คนที่เข้าใจตัวตนของซั่งกวนเยว่ดีที่สุด หนึ่งในนั้นก็คงเป็นเขาแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามที่นางกำลังต่อสู้…

ยิ่งสูญเสียไปมาก นางยิ่งไม่อยู่เฉย

มู่หงอวี่กัดฟันแน่นและพยายามสงบสติไม่ใจร้อน

จวินจิ่วชิงมีพลังอำนาจมหาศาล หากนางเข้าไปที่นั่นคนเดียว ก็คงยากที่จะช่วยฉู่หลิวเยว่ออกมาได้อย่างปลอดภัย

ไม่ต้องพูดถึงร่างกายของนางที่ยังได้รับบาดเจ็บอีก

และตอนนี้แค่ตัวนางเองก็…

อวี่เหวินจิงหงเหลือบมองท่าทีแปลกๆ ของเจี่ยนเฟิงฉือ

เมื่อครู่นี้… เหตุใดเขาถึงหุนหันพลันแล่นมู่หงอวี่แบบนั้น?

แต่ไหนแต่ไรเขาแทบจะไม่เคยแสดงท่าทางแข็งกร้าวใส่สตรีเลย…

หรือว่าตอนนั้นเขาจะ… ร้อนอกร้อนใจจนลืมตัว?

ราวกับรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมา เจี่ยนเฟิงฉือพลันขยับตัวเล็กน้อย แล้วเหลือบมองเขาด้วยหางตา

ดวงตาคู่ฉายแววเตือนกลายๆ!

อวี่เหวินจิงหงชูมือขึ้นมาพร้อมทำท่ารูดซิบปากทันที

เจี่ยนเฟิงฉือถึงพอใจแล้วหันกลับไปทางเดิม เขาคลายมือออกมาข้อมือเรียวบางเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือมู่หงอวี่เสียทีเดียว และทำเพียงกุมมือนางไว้หลวมๆ

ท่าทีของจวินจิ่วชิงพลันเย็นชาขึ้นมาทันตา

เมื่อตอนที่สู้กับเขา ฉู่หลิวเยว่จงใจแสดงความอ่อนแอออกมาและทำทีไม่สนใจลูกศรนั่น

เพราะนางรู้ว่าอย่างใดองค์ไท่จู่ก็ต้องการฆ่านางให้ตาย และไม่คิดที่จะปล่อยนางไปอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นางจึงจงใจปล่อยมันไป

และรอจนกระทั่งองค์ไท่จู่ตอบโต้นางเช่นนี้!

“ต่อให้เจ้าได้พลังปราณศักดิ์สิทธิ์นี้ไป มันก็ไร้ประโยชน์ ถ้าเจ้าไม่สามารถกำจัดจิตสำนึกขององค์ไท่จู่ได้ พลังปราณศักดิ์สิทธิ์นี้จะไม่มีวันเป็นของเจ้า!”

จวินจิ่วชิงยกมือขึ้นมา

“คืนมันให้ข้า แล้วมาทำข้อแลกเปลี่ยนกัน ข้าสามารถช่วยให้เจ้า…”

“ขอบคุณสำหรับความกรุณา แต่ว่ามัน ไม่จำเป็นต้อง”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มกว้าง ริมฝีปากบางเผยยิ้มสดใสออกมาราวไม่ทุกข์ร้อน และดึงลูกศรนั้นออกมาทันที!

เปลวเพลิงสองกลุ่มแผ่กระจายออกมาจากฝ่ามืออย่างรวดเร็ว แล้วห้อมล้อมมันไว้อย่างสมบูรณ์!

จากนั้น ทั่วทั้งด้ามลูกศรก็พลันส่องแสงสว่างวาบและหายไปจากสายตาของทุกคน!

จวิ่นจิวชิงขมวดคิ้วฉับ พร้อมลมปราณที่เริ่มแผ่ออกมาทั่วร่างของเขา

“เจ้าคิดจะทำอันใด!?”

“มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากทำ แต่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าบังคับให้ข้าต้องทำต่างหาก”

ฉู่หลิวเยว่พูดพลางใช้เปลวเพลิงสร้างค่ายกลโปร่งแสงขึ้นมาคลุมตัวนางเอาไว้

ขณะเดียวกัน ภายในจุดตันเถียนของฉู่หลิวเยว่ ลูกศรด้ามนั้นก็ถูกกลืนเข้าไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว!

และเมื่อตระหนักได้ถึงการบีบบังคับมากมายที่หลั่งไหลเข้ามา ในที่สุดองค์ไท่จู่แห่งเป่ยหมิงก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ พลันตื่นตระหนกและต้องการหลบหนีออกไปให้ไวที่สุด!

ทว่าพลังของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้น สามารถสยบได้แม้กระทั่งอินทรีสามตาในยามที่มันเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ นับประสาอันใดกับพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์นี้

ไม่ว่าลูกศรจะดิ้นรนมากแค่ไหน หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สะทกสะท้าน!

“นี่มัน นี่มันอันใดกัน!?”

น้ำเสียงของไท่จู่แห่งเป่ยหมิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เป็นแค่จอมยุทธ์ระดับหกตัวกระจ่อยร่อย จะมายับยั้งพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้อย่างใด!?

ทว่าเพียงฉู่หลิวเยว่นึกคิด ไฟแห่งกรรมอันโปร่งใสก็เริ่มเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง!

เกิดเสียงตะโกนโหวกเหวกไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นเป็นระลอก และทันใดนั้น ลูกศรก็เริ่มละลายหายไปจากครรลองสายตา!

“พลังปราณศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าได้มันมาแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์