อู๋เป่ยหัวเราะเสียงเย็นพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ใครกันชาวนาที่น่าสงสาร ทักษะการแพทย์ของฉันได้รับตกทอดมจากบรรพบุรุษ!”
ชายวัยกลางคนคนนั้นไม่เชื่อ และหัวเราะออกมา “ลักษณะเหมือนหมีแบบแกเนี่ย ยังจะกล้าบอกว่ารู้ทักษะการแพทย์?”
อู๋เป่ย “คุณไม่เชื่อ?ได้ เช่นนั้นผมจะตรวจชีพจรให้คุณ ถ้าผมตรวจออกมาได้ไม่ตรง คุณสามารถตบผมได้เลย”
ชายวัยกลางคนไม่พลาดที่จะตอบตกลง “ได้สิ ผมจะให้คุณตรวจ”
จากนั้นอู๋เปยก็ตรวจชีพจรให้เขา ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของเขาจะไม่อยู่ แต่ทักษะการแพทย์ของเขายังอยู่ เมื่อตรวจชีพจรไปได้สิบกว่าวินาที เขาก็เอ่ยขึ้น “ร่างกายของคุณนั้นมีปัญหาอยู่สามอย่าง อย่างแรกเป็นแผลเก่าที่คุณน่าจะได้มาตอนสมัยยังเป็นวัยรุ่น อย่างที่สองบริเวณหัวไหล่ของคุณจะปวดแปลบขึ้นมาทุกครั้งที่เป็นวันที่มีเมฆมาก”
ชายวัยกลางคนชะงักไป ตอนเขายังเป็นวัยรุ่นเขาเคยโดนหมาป่ากัดที่หัวไหล่ อีกทั้งยังมีอาการปวดขึ้นมาในวันที่เมฆมากจนถึงทุกวันนี้ เขารู้ได้ยังไงกัน หรือเขาจะรู้ทักษะการแพทย์จริงๆ?
เขาถามต่อ “แล้วปัญหาที่สามล่ะ?”
อู๋เป่ย “ปัญหาที่สองของคุณก็ค่อนข้างหนักแล้ว ตอนนี้คุณปัสสาวะไม่ค่อยออก และก็อั้นไว้ไม่ค่อยได้ อีกทั้งทุกครั้งที่คุณจะร่วมรักกับภรรยาก็ทำไม่ได้เพราะมีอาการเจ็บปวดขึ้นมา ผมพูดถูกไหม?”
ชายวัยกลางคนตกใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับพยักหน้ารับ “ถูกต้องเลย หมอเทวดาคุณมองออกหมดเลยนี่!!”
อู๋เป่ยหัวเราะ “นี่แค่เรื่องเล็ก พูดปัญหาที่สามเลยแล้วกัน คุณมีอาการปวดหัวที่ช่วงนี้มีรุนแรงเป็นพิเศษ บางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ ผมพูดถูกหรือไม่ ?”
ชายวัยกลางคนได้ยกให้อู๋เป่ยเป็นหมอเทวดาเรียบร้อยแล้ว “ใช่ๆ ถูกต้องหมดเลย!คุณหมอเทวดา ผมรักษาอาการพวกนี้มาหลายปีแล้ว บางทีมันก็ดีขึ้นบางทีมันก็แย่ลง คุณเก่งมากๆเลย ช่วยรักษาผมหน่อยได้ไหม?”
อู๋เป่ย “แน่นอน ในเมื่อผมสามารถบอกอาการของคุณออกไปได้ ผมก็ย่อมรักษาได้ มาเถอะ คุณพาผมไปดูยาหน่อย”
เมื่อมาถึงที่ร้านยา อู๋เป่ยก็พบว่ายาที่นี่ส่วนใหญ่เขาแทบจะไม่รู้จัก หรือจะพูดได้ว่ายาพวกนี้มีแค่ในมิติเซินหลัวเท่านั้น ข้างนอกไม่มี
เขามีสีหน้าที่ปกติ และพูดกับชายวัยกลางคน “คุณไปช่างยามาให้ผมอย่างละนิด”
ชายวัยกลางคนตกตะลึงไปเล็กน้อย ยาทุกชนิดอย่างละนิด ?แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอู๋เป่ย เขาก็พยักหน้ารับ “ได้ครับ ช่างอย่างละนิด”
ในร้านยามียาห้าร้อยกว่าชนิด ในการช่างทั้งหมดนั้นมีความวุ่นวาย เพราะอู๋เป่ยให้คนพวกนี้ช่างผสมกันอย่างละครึ่งกิโลกรัม
หนี่งชั่วโมงต่อมา เขากับชายวัยกลางคนหอบถุงยาสิบกว่าถุงออกจากร้านยาไป และตรงกลับไปที่บ้านของชายวัยกลางคนทันที
บ้านของชายวัยกลางคนอยู่ในเมือง เขาถือว่าเป็นเศรษฐีของที่นี่ เขามีทรัพย์สินที่มั่งคั่งมากกว่าพ่อของอี้เสี่ยวเยว่
ในยามนี้ อู๋เป่ยได้รู้ว่าชายวัยกลางคนนี้ชื่อซุนเหลียงฉาย ทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ ธุรกิจสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดในเมืองก็เป็นของเขา
เมื่อเชิญอู๋เป่ยเข้ามาในบ้านแล้ว ซุนเหลียงฉายก็หัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้น “หมอเทวดา ตอนนี้คุณสามารถรักษาผมได้หรือยัง?”
อู๋เป่ยกล่าวเสียงเรียบ “อย่าเพิ่งรีบร้อนไป เดี๋ยวผมจะผสมยาให้คุณก่อน”
เขาเปิดถุงยาออกมา จากนั้นนำยาที่อยู่ข้างในออกมาชิมเล็กน้อยเพื่อให้รู้ถึงฤทธิ์ของยา
เขานำยาทุกชนิดออกมาชิมจนถึงกลางคืนกว่าจะชิมจนหมด ยามนี้ภายในปากของเขาเต็มไปด้วยรสชาติของยา อีกทั้งเนื่องด้วยเขาชิมยาไปเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ร่างกายเริ่มไม่ค่อยสบาย แต่นั่นก็ทำให้เขาสามารถเข้าใจคุณสมบัติของยาทุกชนิดอย่างถ่องแท้
จากนั้นเขาก็เลือกยายี่สิบชนิดจากทั้งหมดมา และให้ซุนเหลียงฉายช่างออกมาครึ่งกิโลกรัม
ซุนเหลียงฉายวิ่งไปที่ร้านยาอีกครึ่งเพื่อช่าง และรีบนำกลับมาส่งให้อู๋เป่ย
อู๋เป่ยได้เตรียมหม้อไว้เรียบร้อยแล้ว และเป็นคนต้มให้เขาด้วยตัวเอง ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาก็ได้ให้ซุนเหลียงฉายดื่มยาถ้วยแรก
หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซุนเหลียงฉายก็ไม่ปวดหัวแล้ว และรู้สึกว่าร่างกายมีความผ่อนคลายลง เขาดีใจเป้ฯอย่างมาก และรีบกล่าวขอบคุณอู๋เป่ยไม่หยุด
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเวลาสายๆ เขาก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง ครั้งนี้เขาใช้เวลาฝึกตนไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเหตุการณ์เดิมนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เขามีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกระแทกแรงขนาดนั้นก็สามารถตัดพลังนั้นได้ เมื่อพลังกลับมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกสามระดับ
“อ่า แท้จริงแล้วทุกครั้งที่พลังชีวิตเกิดความปั่นป่วนเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น?”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็อยากจะลองอีกสักหน่อย ครั้งนี้เขาให้ซุนเหลียงฉายหาช่างไม้มา เพื่อสร้างเสาไม้ เสาไม้นี้สูงกว่าสองเมตร ด้านบนมีกิ่งยื่นออกมาประมาณห้าสิบกว่าอัน
เมื่อสร้างเสาเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปถึงตอนกลางคืนแล้ว หลังจากเขาเอายาให้ซุนเหลียงฉายแล้ว เขาก็เริ่มฝึกตนต่อ
การฝึกตนครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พลังชีวิตของเขาก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมาอีก เขาไปยืนอยู่ที่หน้าเสา และกระแทกร่างกายเข้าไปที่ท่อนไม้นั้น
ส่วนที่ได้รับการกระแทกก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา พลังชีวิตก็ถูกตัดไป จากนั้นเขาก็กระแทกส่วนที่สองต่อ อู๋เป่ยใช้วิธีนี้ในการหยุดความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น
เมื่อพลังชีวิตคงที่แล้ว อู๋เป่ยก็รู้สึกว่าระดับพลังของเขามีความลึกขึ้น และเพิ่มขึ้นมาอีกสามขั้น พลังชีวิตที่แข็งแกร่งก็เริ่มไหลเวียนในร่างกายเขา และยังเพิ่มลมปราณขึ้นอีก
จากความปั่นป่วนของพลังชีวิตที่เกิดขึ้นหลายครั้ง อู๋เป่ยก็เริ่มที่จะเดาถึงสาเหตุได้ บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยความปั่นป่วนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังยุทธ์แบบใดก็มีความอันตราย อีกทั้งความปั่นป่วนก็ยังถือว่ามีข้อดีอยู่ นั่นก็คือสามารถเพิ่มพลังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สูงมาก
ครึ่งคืนต่อมา อู๋เป่ยก็นอนหลับไป
วันที่สองที่เขาตื่นขึ้นมา ซุนเหลียงฉายก็มาเยี่ยม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ที่แท้ก็เป็นเพราะไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปวดหัวแล้ว แต่ปัญหานั้นก็ยังหายไปหมดจด เมื่อคืนเขาได้รังแกภรรยากว่าหนึ่งชั่วโมง ต่างฝ่ายต่างมีความสุขมาก
“ท่านหมอเทวดา ขอบพระคุณท่านมากๆ!นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆตอบแทนให้ท่าน” จากนั้นชายที่อยู่ด้านหลังเขาก็นำถาดเงินมาวางตรงหน้าของอู๋เป๋ย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...