ลิงเหล่านี้ ทุกตัวมีลมปราณที่น่าตกใจ แม้ว่าจะไม่เท่ากับปลายักษ์ในทะเลแห่งความโกลาหล แต่ก็มีพลังต่อสู้ระดับเต้าจวิน
อู๋เป่ยไม่ได้กลัวพวกมัน แต่ลูกท้อดูน่าสนใจจริงๆ เมื่อเขาเห็นมันแล้ว ยังไงก็ต้องเก็บมันกลับไปบ้าง
ดูเหมือนลิงตัวที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นหัวหน้าของพวกมัน มันทุบกำปั้นลงบนอกที่แข็งแรงของตัวเอง แล้วแสดงท่าทางขู่อู๋เป่ย ด้วยการขู่ฟ่อเสียงดัง
อู๋เป่ยก็ทุบกำปั้นลงบนอกของตัวเองเสียงดังสนั่น ทำให้ลิงพวกนั้นตกใจ หัวหน้าลิงตัวนั้นสะดุ้งตกใจ แล้วเดินเข้าไปข้างหน้า กราดมองอู๋เป่ยด้วยสายตาที่ดุดัน จริงๆแล้วมันเริ่มรู้สึกกลังเล็กน้อยแล้ว เพราะลมปราณของอู๋เป่ยแข็งแกร่งกว่ามันมาก
อู๋เป่ยก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว มองลิงตัวนั้นตาเขม็ง แล้วกวักมือไปข้างหน้า ด้วยแววตาที่ท้าทาย
ลิงตัวนั้นฉลาดแค่ไหนก็ตาม มันทนไม่ไหวแล้ว มันส่งเสียงแปลกๆ แล้วพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศมุ่งตรงไปที่อู๋เป่ย
ก่อนที่กำปั้นของมันจะไปถึง อู๋เป่ยก็จับแขนมันไว้แล้วทุ่มลงพื้นอย่างแรง ทันใดนั้นมันรู้สึกปวดหัวและก็ชาไปทั้งตัว
อู๋เป่ยมองมัน ผ่านไปสิบกว่าวินาที ลิงตัวนั้นถึงค่อยๆฟื้นตัว มันลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง แล้วถอยหลังช้าๆ
อู๋เป่ยจ้องมัน:“ไปซะ!”
ลิงตัวอื่นๆต่างตกใจร้องเสียงแหลม แล้วกระจัดกระจายไปหมด รวมถึงหัวหน้าลิงด้วย
เมื่อพวกมันจากไป อู๋เป่ยหยิบกระสอบใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเริ่มเก็บลูกท้อ คุณภาพของลูกท้อเหล่านี้ดีจริงๆ เทียบกับลูกท้อสวรรค์ที่เขากินมาก่อนหน้านี้แล้วมันยังมีค่ากว่ามาก เขาเก็บไปพร้อมกับกินไป จนในไม่ช้าก็เก็บได้เต็มสิบกว่ากระสอบ
ทันใดนั้น หัวหน้าลิงก็วิ่งกลับมา มันคุกเข่าลงบนพื้นแล้วส่งเสียงร้องแปลกๆ เหมือนกับขอร้อง สู้ไม่ได้เลยมาอ่อนข้อ ลิงตัวนี้ก็ฉลาดเหมือนกัน
อู๋เป่ยยิ้มแล้วพูดว่า:“เจ้าจะบอกข้าว่าอย่าเก็บลูกท้อจนหมดเหรอ?”
ลิงตัวนั้นพยักหน้า ด้วยสีหน้าอ้อนวอน
อู๋เป่ย:“สวนลูกท้อมันกว้างขนาดนี้ ข้าเก็บแค่ครึ่งเดียวเอง เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเก็บไปสองในสามส่วน จะเหลือหนึ่งส่วนให้กับเจ้าเป็นไง?”
ลิงตัวนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของอู๋เป่ยว่าจะไม่ได้เก็บลูกท้อจนหมด มันก็แสดงสีหน้าขอบคุณทันที คุกเข่าก้มลงคำนับเขาหลายครั้ง
อู๋เป่ยถามว่า:“บนเกาะนี้นอกจากพวกลิงแล้ว ยังมีชีวิตอื่นๆอีกหรือไม่?”
ลิงพยักหน้า แล้วใช้สองกรงมือทำท่าทาง
อู๋เป่ยมองไปสักครู่ จู่ๆก็ยกมือแล้วตบที่จุดชีพจรของมัน การตบนี้ ทำให้กระดูกเชิงกรานของมันหายไป และยังได้ถ่ายทอดภาษามนุษย์ให้กับมัน ลิงตัวนั้นรู้สึกชาที่คอ แล้วเริ่มพูดภาษามนุษย์ แม้ว่ามันจะฟังดูไม่ค่อยลื่นหู แต่ก็สามารถเข้าใจความหมายที่มันต้องการจะสื่อได้
“อ๊ะ! ข้าพูดภาษาคนได้แล้วเหรอ?”
อู๋เป่ยพูดว่า:“แน่นอนว่าเจ้าพูดได้ อยู่ที่ว่าเมื่อก่อนเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดภาษาคน เลยทำให้ไม่พูด ข้าขอถามเจ้า ที่นี่คือที่ไหน?”
ลิงตอบว่า:“ที่นี่คือเกาะแห่งความโกลาหลในทะเลแห่งความโกลาหล ทะเลแห่งความโกลาหลคือที่เชื่อมต่อระหว่างจักรวาลเจิ้นตั้นกับจักรวาลหลัก ดังนั้นที่นี่สภาพแวดล้อมมันค่อนข้างแปลก พวกผู้บำเพ็ญทั่วไปที่มาอยู่ที่นี่ยากที่จะมีชีวิตรอด เคยมีผู้บำเพ็ญจากโลกภายนอกหลายคนมาที่นี่ แต่สุดท้ายก็ตายกันหมด”
อู๋เป่ยตกใจเล็กน้อย:“ที่นี่เชื่อมต่อกับจักรวาลหลักเหรอ? เจ้ารู้ได้ยังไง?”
ลิงตอบว่า:“จริงๆแล้วทะเลแห่งความโกลาหลเป็นพลังที่อยู่ระหว่างการสะท้อนกับการเริ่มต้น อยู่ในนั้นท่านเกือบจะละลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
อู๋เป่ยพยักหน้า:“ถ้าไม่ใช่เพราะพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของข้า ตอนนี้คงละลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลแห่งความโกลาหลไปแล้ว”
ลิง:“นั่นแหละ ที่ท่านสัมผัสกับทะเลแห่งความโกลาหล มันมีลักษณะบางอย่างของจักรวาลหลัก และในฐานะที่ท่านเป็นสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลรอง ไม่สามารถสัมผัสกับจักรวาลหลักได้ เมื่อท่านสัมผัสมัน ท่านจะกลายเป็นแสงและเงาและจะหายไป”
อู๋เป่ย:“แล้วเจ้ารู้ไหม ทะเลแห่งความโกลาหลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?”
หัวเหล็ก:“มีคำเล่าว่า มันเกิดขึ้นจากการที่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจำนวนมากรวมตัวกันในขณะที่ใกล้กับจักรวาลหลักกลายเป็นผืนดินแห่งนี้ มันไม่ใช่ผลงานของผู้แข็งแกร่งแค่คนเดียว แต่เป็นผลจากความพยายามมาตลอดของผู้แข็งแกร่งมากมายตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ของจักรวาลเจิ้นตั้น”
อู๋เป่ยรู้สึกสนใจในเรื่องนี้มาก เขาจึงถามต่อไป:“เจ้ารู้ไหมว่าใครคือผู้แข็งแกร่งเหล่านี้?”
หัวเหล็ก:“ข้ารู้ไม่มากนัก แต่สิ่งที่ข้ารู้คือ ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เคยเป็นผู้มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลเจิ้นตั้น ดังนั้น ถ้าท่านต้องการสำรวจความลับของจักรวาลหลัก ท่านควรจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลเจิ้นตั้นก่อน”
อู๋เป่ยสูดหายใจลึก ๆ และกล่าว:“เจ้าพูดถูก ถ้าข้าไม่เป็นอันดับหนึ่งของจักรวาล แล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปคิดถึงจักรวาลหลัก กันล่ะ?”
จากนั้นเขาก็คิดขึ้นมาอีกเรื่อง:“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับลำดับสูงสุดไหม?”
หัวเหล็ก:“เคยได้ยินมาก่อน จริงๆแล้วมันคือการสะท้อนลำดับของจักรวาลหลัก ซึ่งใกล้เคียงกับสถานการณ์ความเป็นจริงในจักรวาลหลักนมากกว่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของหัวเหล็กก็สว่างขึ้นทันที:“ใช่แล้ว มีตำนานบนเกาะแห่งความโกลาหล เมื่อนานมาแล้ว มีสิ่งมีชีวิตจากจักรวาลหลักมาที่ทะเลแห่งความโกลาหล และยังขึ้นมาบนเกาะแห่งความโกลาหลด้วย”
หัวใจของอู๋เป่ยเต้นแรง: “ในจักรวาลหลักมีสิ่งมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เจ้าเคยเห็นไหม?”
หัวเหล็ก: “แน่นอนว่าข้าไม่เห็น แต่ข้าคิดว่ามันน่าจะยังอยู่บนเกาะ แต่มันแค่ตายไปแล้ว ท้ายที่สุดนี่คือจุดตัดของจักรวาลรองและจักรวาลหลัก ในฐานะสิ่งมีชีวิตแห่งจักรวาลหลัก มันเป็นเรื่องยากที่จะมีชีวิตรอดอยู่ที่นี่”
พูดถึงเรื่องนี้เขาก็หัวเราะ แล้วพูดว่า:"ว่ากันว่า สิ่งมีชีวิตนั้นเล่าเรื่องตลกหนึ่งเรื่อง เขาบอกว่าคนธรรมดาในจักรวาลหลัก จริงๆแล้วกลัวสิ่งมีชีวิตในจักรวาลรองมาก ฮ่าๆ”
อู๋เป่ยไม่ได้ยิ้มหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า:"หัวเหล็ก ขอบคุณมากที่บอกให้ข้าฟังมากมาย ข้าตัดสินใจแล้ว จะเก็บลูกท้อไปเพียงครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งหนึ่งไว้ให้เจ้า”
ลิงดีใจมาก: "ขอบคุณท่านมาก!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เรื่องนี้ไม่มีเปิดให้อ่านฟรีประจำวันแล้วเหรอครับ *-*...
ทำไมบางตอนถึงสั้นจังครับ...
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...